Daily Pickup

ชวนวิเคราะห์: เมื่อศิลปินทำผิด ทำไมแฟนคลับบางส่วนยังเชื่อใจ และซัพพอร์ตอยู่

เวลาที่ศิลปินทำสิ่งผิดพลาดไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัจจุบัน หรือในอดีตก็ตาม ความคิดเห็นของแฟนคลับก็มักจะแบ่งแยกเป็นหลายฝั่งเสมอ เช่น ฝั่งตื่นรู้เรื่องประเด็นทางสังคม และออกมาตำหนิศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ ฝั่งที่ตำหนิศิลปินแต่ก็ยังให้กำลังใจในการปรับปรุงตัว

Photo Credit: ข่าวสด / Thaiger / Thaipost

แต่ฝั่งหนึ่งที่ผู้เขียนเคยมองว่าเป็นกลุ่มน้อย ที่ค่อนข้างมีความสุดโต่ง คือ แฟนคลับที่ให้กำลังใจศิลปินแบบสุดโต่ง โดยไม่สนใจความผิดที่ผ่านมา แม้จะพิสูจน์แล้วว่าความผิดนั้นเป็นเรื่องจริง อย่างกรณี ‘ทอยทอย ธนภัทร’ ที่ฆาตรกรรมแฟนสาว แต่ยังมีการทำคลิปให้กำลังใจลง TikTok ‘โอม ภวัต’ ที่ออกมายอมรับว่าเคยกลั่นแกล้งเพื่อนจริง และแฟนคลับให้กำลังใจ ให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือศิลปินที่อาจยังไม่ได้รับการพิสูจน์ชัดว่าผิดจริง แต่การกระทำก็เสมือนยอมรับผิด อย่างกรณีของ ‘บิว จักรพันธ์’ กับการทำร้ายร่างกายแฟนสาว ที่ไม่ได้แถลงข่าวปฏิเสธ แต่ขอไปสู้ต่อในชั้นศาล ขณะที่แฟนคลับบางส่วนยังคงมีแฮชแท็กบอกรัก และให้กำลังใจให้เห็นในทวิตเตอร์อยู่เสมอ

ยอมรับว่าที่ผ่านมาผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่รู้สึก อิหยังวะ ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของแฟนคลับกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความรู้สึกนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นความเข้าใจพวกเขาให้มากขึ้น ในฐานะแฟนคลับด้วยกัน ว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาคิดและทำแบบนั้น จึงเป็นที่มาของการรวบรวมความคิดเห็น และแนวคิดจากหนังสือ เพื่อเขียนบทวิเคราะห์ในครั้งนี้

1. ความเชื่อใจ

เหตุผลอย่างแรก คือ ‘ความเชื่อใจ’ เพราะศิลปินเป็นอาชีพที่ขายความสามารถควบคู่กับภาพลักษณ์ จึงต้องแสดงออกถึงพฤติกรรมด้านดีให้แฟนคลับได้เห็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความชื่นชอบ ไปจนถึงความจงรักภักดี (Brand Loyalty) ผ่านสื่อและคอนเทนต์ต่างๆ รวมถึงการพบเจอตัวจริงตามงานอีเวนต์ และเมื่อแฟนคลับได้เห็นเป็นประจำ ก็จะรับรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของศิลปิน เป็นเหมือนที่แสดงออก 100% ทั้งๆ ที่ความจริงอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว

ซึ่งทั้งการกระทำที่เสมอต้นเสมอปลาย ในระยะเวลาที่ยาวนาน เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คนๆ หนึ่งเกิดความเชื่อใจต่อคนๆ หนึ่งได้อย่างไม่ยากเย็น ดังนั้นเมื่อมีข่าวออกมาว่าศิลปินทำความผิด แฟนคลับที่มีความเชื่อใจในศิลปินสูง จึงเชื่อมั่นว่าเขาไม่ได้ผิด และเลือกที่จะเข้าข้างไว้ก่อน โดยแสดงออกผ่านการปกป้อง และให้กำลังใจ

2. กรณีศึกษาจากในอดีต

Photo Credit: Matichon / teenee

เหตุผลนี้เชื่อมโยงกับเหตุผลก่อนหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะในอดีตมีศิลปินหลายคนที่เสียชื่อเสียงจากข่าวไม่จริง และแฟนคลับจำนวนมากก็ออกมาตำหนิศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ เนื่องด้วยความกดดันจากสังคม รวมทั้งการคล้อยตามคนหมู่มาก เช่น กรณี ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อของลูกในท้องแอนนี่ บรู๊ค หรือ ‘กัปตัน ชลธร’ ที่ถูกกล่าวหาว่าทำให้ มิ้งค์ ศวภัทร ท้องแต่ไม่ยอมรับ เป็นต้น เพราะเมื่อเรื่องราวถูกเฉลยออกมา กลับกลายเป็นว่าฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเป็นฝ่ายผิด โดยผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นฝ่ายชายก็ถูกกดดันจากสังคมให้ก้มหน้ารับผิด เพื่อตอบสนองความใคร่ทางศีลธรรมแบบลูกผู้ชาย

3. อยู่ในช่วงความรักทำให้คนตาบอด

ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินกับแฟนคลับ ก็ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักทั่วไป ที่มีช่วงหลงใหลจนขาดสติพิจารณาความเหมาะสม หรือที่เรียกว่าความรักทำให้คนตาบอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เกิดจากสารเคมีในสมองที่ทำให้คนรู้สึก ‘รัก’ นั้นมีมากเกินไป เช่น โดปามีน ที่ยามปกติจะหลั่งออกมาหลังจากที่คนรู้สึกพึงพอใจ หรือรักใคร่ชอบพอ แล้วทำให้คนตกหลุมรัก มีความสดชื่น ตื่นเต้น ตื่นตัว แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่โดปามีนถูกผลิตออกมามากกว่าปกติ ก็จะทำให้รู้สึกรักจนไม่สนใจความผิดพลาดที่ผ่านมาได้

Photo Credit: thred.

ถ้าถามว่าแฟนคลับกับศิลปินไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกันแบบคู่รัก ทำไมถึงทำให้รักได้มากขนาดนั้น นั่นเป็นเพราะว่า บนโลกนี้มีความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ‘Parasocial Relationship’ คือเป็นความรู้สึกรักแบบคนรัก ที่เกิดขึ้นกับคนที่ไม่เคยเจอ หรือไม่เคยรู้จักในชีวิตจริง โดยจะตกหลุมรัก และรู้สึกรักมากขึ้นเรื่อยๆ จากคอนเทนต์ที่ได้รับรู้เกี่ยวกับเขา

4. กลัวการซ้ำเติมทำให้ซ้ำรอย

นอกจากนั้น กระแสดราม่า มักจะมาพร้อมการตำหนิจากสังคมในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายครั้งก็รุนแรงมากเกินไป จนอาจทำให้จิตใจศิลปินผู้ถูกตำหนินั้นบอบช้ำเกินจะรับไหว และนำไปสู่การเลือกที่จะจากโลกนี้ไป ดังนั้นในฐานะแฟนคลับที่ทำอะไรไม่ได้มาก จึงเลือกที่จะให้กำลังใจศิลปินต่อไป เพราะหวังว่าวันหนึ่งเขาจะสำนึกผิด มีโอกาสปรับปรุงตัว และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในสังคม

5. จุดบอดของโซเชียลมีเดีย

Photo Credit: Khaosod

สิ่งที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ผู้เขียนคิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากเลยทีเดียว คือ ความรวดเร็ว และง่าย ของโซเชียลมีเดีย ที่ใครๆ ก็สามารถโพสต์สิ่งที่คิดได้ทันที เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต รวมถึงการทำให้คนทั่วไปสามารถเป็นที่สนใจของสังคมได้ในพริบตา ทั้งหมดนี้ทำให้คนขาดการยั้งคิดก่อนโพสต์คอนเทนต์ และอาจมองที่ยอดไลก์ แชร์ หรือการเป็นที่พูดถึง มากกว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ถ้าอยากเห็นภาพชัดขึ้น ให้ลองเปิด TikTok ก็ยังคงเจอคลิปให้กำลังใจ ทอยทอย ธนภัทร อยู่

6. ยังตระหนักรู้ประเด็นต่างๆ ไม่มากพอ

ผู้เขียนค่อนข้างหนักใจที่จะพูดเรื่องนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งในกลุ่มแฟนคลับที่ยังให้กำลังใจศิลปินที่ทำผิด โดยมองข้ามความผิดทั้งหมดไป ไม่พูดถึง ไม่ตักเตือน เป็นเพราะไม่ได้มีความตระหนักถึงประเด็น และผลกระทบทางสังคมมากพอ ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้ง ทำร้ายร่างกาย การเหยียดเพศ หรืออื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการที่เรื่องเหล่านั้นไกลตัวเขา การศึกษาและสังคมรอบตัวไม่ได้ปลูกฝังเรื่องนี้ หรือมองว่าศิลปินที่ตัวเองชอบคือสีขาวบริสุทธิ์

Photo Credit: Kaleej Times

จากการวิเคราะห์ตามเหตุปัจจัยทั้งหมด สิ่งที่ผู้เขียนอยากกล่าวสรุปว่า ในวงการบันเทิงเราคงไม่มีทางรู้จักตัวตน จิตใจ ปูมหลังชีวิต ของศิลปินที่ชื่นชอบได้ทุกแง่มุม เรารู้จักกับศิลปินในภาพที่เขาและเธออยากให้เราได้รู้จัก เกิดเป็นความสนิทสนมผ่านตัวตนที่ถูกเลือกจะให้เราเห็น ไม่แปลกใจเลยถ้าแฟนคลับเลือกที่จะออกมาปกป้องศิลปินเมื่อมีประเด็นเกิดขึ้น บางส่วนก็มีการตำหนิไปตามเนื้อผ้า ความเป็นจริง หรือตามชุดศีลธรรมที่สมาทานส่วนบุคคล บางส่วนก็เลือกที่จะปกป้องศิลปินเพราะความชื่นชอบ แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกข้างใด ตราบใดที่การกระทำนั้นทำให้เหยื่อได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ขัดต่อศีลธรรมขั้นพื้นฐาน นั่นหมายถึงว่าคุณกำลังมีส่วนในการสนับสนุนให้เกิดความบิดเบี้ยวบางอย่างในสังคม