Jeloyinkblood_NFT พลังของผู้หญิงและสิ่งที่ได้เรียนรู้

“ผู้หญิงคือเพศที่คนภายนอกมองว่าอ่อนหวาน แต่จริงๆ แล้วก็มีความแข็งแกร่งซ่อนอยู่”

นี่คือคอนเซ็ปต์ในการสร้างผลงานหวานซ่อนเท่ และเป็นสิ่งที่ Jeloyinkblood_NFT หรือ เจล – จิรภัทร์ ช้างเสวก อยากสื่อไปถึงคนหมู่มากให้ลองมองผู้หญิงด้วยมุมมองใหม่ ความน่าสนใจของบทความนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องผลงานเท่านั้นหรอกนะ เพราะเรื่องราวที่เธอได้เรียนรู้ตลอดการทำ NFT มานานเกือบปีก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เราชวนมาติดตามกันที่นี่เลย

สร้างงานด้วยแนวคิด “ผู้หญิง” ไม่ได้อ่อนหวาน

“NFT ของเรามาจากความเป็นตัวเรา คือเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้หวานเกินไป จะมีความเท่หน่อยๆ มีความเข้มแข็ง แข็งแรง ตามสไตล์ของช่างสัก” เจลเล่าให้เราฟังถึงคอนเซ็ปท์งานของตัวเอง ก่อนจะเล่าต่อว่าเดิมทีเธอเป็นช่างสัก ที่รับสักเฉพาะผู้หญิงเท่านั้นมานานเกือบ 8 ปีแล้ว เพราะเข้าใจความต้องการและสรีระของผู้หญิงมากกว่า เลยทำให้ถนัดสร้างผลงานหวานๆ แต่ยังคงความเท่เอาไว้ พอได้มาลองทำ NFT ก็ยังคงเอาสไตล์ที่ถนัดมาใช้เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคาแรคเตอร์หลักเป็นผู้หญิงที่มีเค้าโครงมาจากตัวเองเข้าไปด้วย

อย่างผลงาน LADY BEHIND SHADOW บน Foundation หนึ่งในผลงานที่ได้รับเลือกไปโชว์ในงาน BKKNFT เป็นผู้หญิงที่อยู่หลังเงา ซึ่งหมายถึงเธอเองที่ยังไม่มีใครมองเห็นในโลก NFT แต่ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ เห็นได้จากองค์ประกอบต่างๆ ในภาพ ไม่ว่าจะเป็นหมาที่เป็นบัดดี้ ปืน ลายฟกราฟิตี้ หรืออารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงที่แสดงออกมา

SHADOW OF LIFE จากคอลเลกชัน Riot Girls บน Foundation ผลงานที่เชื่อมโยงกับกับชิ้นก่อนหน้า มาในธีมพื้นที่ผ่อนคลายจากโลกภายนอก มีกิมมิกเป็นกบกำลังเซลฟี่ แสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมในตอนนี้ที่ทุกคนจับมือถือ อยู่แต่กับโลกโซเชียล จนทำให้จิตใจดาวน์ลง ต้องหาที่พึ่งเป็น Safe Zone แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งองค์ประกอบความเท่ไป

คอลเลกชัน MY RIOT GIRL บน Opensea กับธีมหญิงสาวหน้าสวยที่มาพร้อมอาวุธคู่กายแตกต่างกันไป บ่งบอกถึงความเข้มแข็งของเพศหญิง ไม่ใช่อ่อนแออย่างที่หลายคนเข้าใจ

ทำสิ่งที่ชอบแล้วจะไปต่อได้

ทำไมคาแรคเตอร์หลักของ NFT บนทุกแพลตฟอร์มของเจลถึงเป็นผู้หญิงเพียงอย่างเดียว

“เจลชอบวาดผู้หญิงอยู่แล้ว เคยฝืนลองวาดอย่างอื่นเหมือนกันแต่มันไม่ใช่ วาดไม่เข้ามือ ตัวผู้หญิงนี่เข้ามือสุดแล้ว แต่กว่าจะออกมาเป็นคอลเล็กชันที่ทุกคนเห็นได้ก็ลบทิ้งไปสิบกว่าคอลเล็กชันเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าวาดแล้วไม่มีความสุข เราไม่ค่อยอินกับงาน วาดชิ้นต่อไปไม่ได้ เลยลองกลับมามองตัวเองว่าถนัดวาดอะไร ก็ได้คำตอบว่าเป็นการวาดผู้หญิง เพราะวาดแล้วมีความสุข รู้สึกว่ามีไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นมาตลอดเวลา ทำให้งานมันไหลต่อไปได้”

การวาดรูปแล้วต้องลบทิ้งไปเยอะมากแบบนี้ ไม่เหนื่อยหรือรู้สึกเสียดายเลยเหรอ?

“มันก็เหนื่อยนะ แต่ไม่เสียดาย เพราะมันทำให้เจลได้พัฒนาตัวเองตลอด ได้พัฒนาฝีมือการวาด และได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย อย่างตอนนี้ก็กำลังเรียนรู้เรื่องการปั้น 3D Animation อยู่ ซึ่งยากมากแต่ก็เป็นเรื่องที่น่าลอง”

แรงบันดาลใจกับการสร้างงานสไตล์ญี่ปุ่น

เรารู้สึกว่างานหลายชิ้นจะค่อนข้างไปในสไตล์ญี่ปุ่นหน่อยๆ ทั้งลายเส้นและองค์ประกอบ เหมือนแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น

“ก็มีอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นบ้าง เช่น One Piece, Death Note เรื่องพื้นฐานที่หลายคนชอบอ่านเจลจะเอาบางส่วนจากเรื่องเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการครีเอทผลงานอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้หยิบคาแรคเตอร์หลักมาดัดแปลงนะ ซึ่งตอนนี้คนที่ติดตามผลงานส่วนมากก็เป็นชาวญี่ปุ่น”

คาดหวังอะไรจากการทำ NFT

ต้องบอกก่อนว่าเจลจะไม่ชอบการตั้งเป้าไว้สูงเกินไป เพราะถ้าทำไม่ได้อย่างที่คาดหวัง มันจะดาวน์มากจนไม่อยากทำต่อ เพราะฉะนั้นจะตั้งเป้าหมายไปทีละนิดก่อน อย่างตอนนี้ก็จะเป็นการทำ NFT เพื่อศึกษาเทคนิควาดรูปเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

เรียนรู้จากสิ่งที่พลาด

ก่อนที่เราจะมาสัมภาษณ์เจล เราตั้งใจมากๆ ว่าจะพูดถึงงานบน Paras ด้วย แต่ตอนนี้เหมือนงานบนนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

“ปกติแล้วเจลทำงานบน Opensea กับ Foundation เป็นหลัก แต่เห็นว่าตอนนี้ตลาด Paras กำลังมาแรง เลยลองมาลงงานบนนี้ดูบ้าง เพื่อสร้างกลุ่มตลาดใหม่ แต่กลุ่ม Collectors เก่าๆ เขามองว่าคอลเล็กชันเดิมกำลังโดนทิ้ง ก็เลยต้องย้ายงานทั้งหมดนั้นกลับมาที่ Opensea แล้วค่อยวาดงานใหม่ที่แตกต่างกว่า ดูแบ๊วขึ้นอีกนิด ไปลง Paras ซึ่งกำลังจะลงเร็วๆนี้ ชื่อคอลเลกชัน My Little Riot Girls ”

“ครั้งนี้มันทำให้เจลได้เรียนรู้ว่าต้องให้ความสำคัญกับการรักษาคอมมูนิตี้เดิมด้วย เพราะพอเราย้ายงานไปลงแพลตฟอร์มใหม่ Collectors บางส่วนที่รู้สึกเหมือนโดนหักอกก็หายไปบ้าง”

โลกที่ห้ามหยุดเรียนรู้

นอกจากเรื่องรักษาคอมมูนิตี้แล้ว เจลยังได้เรียนรู้อะไรจากโลก NFT อีกบ้าง

“อย่างแรก NFT เป็นโลกที่หยุดเรียนรู้ไม่ได้ ต้องเรียนรู้ไปทุกวัน เพราะมันอัปเดตทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นค่าเหรียญที่ขึ้นลงเหมือนรถไฟเหาะ Marketplace ที่เกิดใหม่ตลอดเวลา เราต้องศึกษาให้ดีว่าแต่ละตลาดเหมาะกับงานแบบไหน แล้วค่อยเอางานไปลงขาย หรือเรื่องของการสร้างคอมมูนิตี้ โปรโมตผลงานผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ดิสคอร์ด ควรเล่นให้เป็นทุกอย่าง เพราะลูกค้าและเพื่อนๆ ส่วนใหญ่อยู่บนนั้น”

อย่าตามเทรนด์จนเกินไป

ต่อมาคือเรื่องเทรนด์ที่มีมาให้ศิลปิน NFT ได้สนุกกันอยู่แทบตลอดเวลา เช่น ชิบะอินุ จากเหรียญ SHIBA หรือ Pepe the Frog มีมกบในตำนาน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เจลมองเรื่องนี้อย่างไร

“เจลเคยวาดงานที่มีกบ Pepe มาบ้าง รู้สึกได้ว่าเทรนด์มันมาเดี๋ยวมันก็ไป งานที่ดรอปลงไปแล้วแต่ยังขายไม่ได้ก็จะค้างอยู่อย่างนั้น และอาจขายไม่ออกอีกเลย เจลเลยมองว่าเราควรวาดอะไรที่เป็นตัวเองจะดีที่สุดดีกว่า แล้วทำให้มันปัง ไม่แน่ว่าสักวันคอลเลกชันของเราอาจจะเป็นเทรนด์ติดอันดับขึ้นมาก็ได้”

มองให้สนุกแล้วจะดีเอง

อีกอย่างที่อยากแชร์คือตอนนี้การแข่งขันในตลาด NFT ดุเดือดมาก บางคนอาจกดดันจนเครียด แต่เจลมองว่าความว้าวของ NFT มันคือ “ความสนุก” สนุกที่ได้เห็นผลงานของเพื่อนๆ จากทั่วทุกมุมโลก และสนุกที่ได้เปลี่ยนจากศิลปินไปเป็นนักสะสมเวลาเจองานที่ชอบ เพราะสิ่งเหล่านี้มันสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลงานตัวเองต่อไปได้

คุณสมบัติที่คิดว่าคนทำ NFT ต้องมี

หนึ่งคือ ชอบวาดรูป ไม่จำเป็นต้องวาดแล้วคนอื่นชมว่าสวยก็ได้ แค่มั่นใจ วาดแล้วรู้สึกผ่อนคลาย และเป็นตัวเองที่สุดก็พอ สองคือ เข้าใจระบบ NFT และการทำตลาด ควรศึกษามาให้ชัดเจนก่อน เพราะถ้าเกิดทำไม่ได้อย่างที่หวัง แล้วมานั่งเฟล มันก็อาจทำให้อย่างอื่นล้มตามเป็นโดมิโนไปด้วย

เพศไม่ควรเป็นกรอบของความสามารถ

จากคนที่เป็นช่างสักหญิงมานาน และได้มาเป็นศิลปิน NFT หญิงในวันนี้ คิดอย่างไรกับคนที่ยังเอาเรื่องเพศมาแบ่งความสามารถอยู่ เช่น ผู้หญิงไม่เก่งเท่าชาย หรือ LGBTQ+ ไม่เก่งเท่าหญิง เป็นต้น

“ทุกคนมีความสามารถเป็นของตัวเอง และความสามารถนั้นมันต่างกันออกไป ในสังคมมีช่างสักและศิลปิน NFT ที่ประสบความสำเร็จ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย LGBTQ+ ปนกันไป เราไม่ควรเอาเรื่องเพศมาเป็นข้อจำกัดในการเปรียบเทียบหรือสร้างความไม่เท่าเทียมอะไรทั้งนั้น”