เจ้าของแมวไม่อยู่…แต่แมวร่าเริง ‘Kofuku Cat Hotel’ โรงแรมแมวระดับพรีเมี่ยมที่ใหญ่ที่สุดในไทย!

ไม่อยู่บ้านหลายวัน เหล่าทาสแมวคงคิดไม่ตกว่า จะฝากแมวไว้กับใคร? ฝากไว้ที่ไหน? ถ้าอย่างนั้นลองให้ ‘Kofuku Cat Hotel’ ช่วยดูแลสิ เพราะ Kofuku ไม่ใช่แค่ที่พักอาศัย แต่ยังให้ความอบอุ่นใจ ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความสะอาดตามมาตรฐานสากล จนเป็น ‘บ้านหลังที่ 2’ และคำตอบที่ใช่ของน้องเหมียว และเจ้าทาสหลายๆ คนมานานกว่า 7 ปี

ซึ่งที่นี่ก็มีพนักงานที่ผ่านการอบรมเพื่อดูแลแมวโดยเฉพาะ จากความรักแมวเป็นทุนเดิม บวกกับแนวคิดในการสร้างธุรกิจเพื่อซัพพอร์ตทาสแมว และสร้างงานสร้างอาชีพให้คนรักแมว ของ ‘นัฐภูมิ โล่กันภัย’ ที่ตั้งใจทำโรงแรมแมวให้ใกล้เคียงกับโรงแรมคนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งการดีไซน์ การออกแบบห้องพัก รวมทั้งบรรยากาศ เรียกได้ว่าน่ารัก และน่าพัก เหมาะอย่างยิ่งที่จะฝากเจ้านายเอาไว้อย่างสบายใจ ด้วยมาตรฐานเฉพาะทาง และความเข้าใจธรรมชาติน้องแมวที่เป็นจุดเด่นของที่นี่ บอกได้เลยว่า แฮปปี้กันถ้วนหน้าทั้งทาสแมว และเจ้าเหมียวแน่นอน!

จุดเริ่มต้น และแรงบันดาลใจของ Kofuku Cat Hotel

เกิดจากเรามี Pain Point ส่วนตัวคือ เราเลี้ยงแมวแต่หาที่ฝากแมวไม่ได้ ผมขอ flashback กลับไปที่ปี 2016 เนื่องจากตอนนั้นเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากเพื่อไปทำธุรกิจ แต่เราหาที่ฝากแมวไม่ได้ เลยลองไปหาดูว่า ในเมืองไทยเขาฝากแมวกันที่ไหนบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เขาฝากกันตามโรงพยาบาลสัตว์ ผมเลยคุยกับหุ้นส่วนทั้ง 3 คนว่า ถ้าเรามีโรงแรมแมวดีๆ ราคาไม่แพง ตั้งอยู่กลางใจเมือง คนเข้าถึงง่าย มีมาตรฐานที่ชัดเจน มีการฝึกพนักงาน และมีระบบที่ชัดเจนก็คงจะดี เราก็คุยกัน แล้วเริ่มทำในปี 2017 จริงๆ เริ่มก่อสร้าง ออกแบบ และทำงาน ตั้งแต่ต้นปี 2017 ได้เปิดช่วงเดือนมิถุนายน 2017 

ตอนนี้ Kofuku มี 2 สาขา สาขาแรกอยู่ถนนพระราม 9 ตรงแยกผังเมือง ใกล้ๆ กับ Show DC โรงพยาบาลพระราม 9 เป็นตึกแถว ตอนเราเปิดสาขาแรก เราทำโรงแรมแมวถึง 44 ห้อง ทำจากตึกแถว และสร้างห้องขึ้นมา ตอนนั้น THAILAND-RECORD ก็มาบันทึก และยกให้เราเป็น ‘โรงแรมแมวที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย’ ณ ตอนนั้นเราใหญ่ที่สุด เพราะเราสามารถจุแมวได้มากกว่า 100 ตัว ต่อการเข้าพัก แต่ปัจจุบันเราขยายไปมากกว่านั้น ตอนนี้มีทั้งหมด คือ 83 ห้อง เราก็ยังคิดว่าเราเป็นโรงแรมแมวที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในเมืองไทย แต่ถ้าวัดต่อ 1 สาขา ที่สาขาแรกมีทั้งหมด 55 ห้อง ส่วนสาขาที่ 2 เราเปิดใน pet community ชื่อ TRAIL and TAIL อยู่ใจกลางสุขุมวิท 

“สาเหตุที่เราทำห้องเยอะ เนื่องจากเรามี Pain Point อีกอันหนึ่งคือ ช่วงเทศกาลที่ฝากแมวจะเต็ม ไหนๆ จะทำแล้วก็ทำให้รองรับความต้องการ เพราะมันเป็น Pain Point จริงๆ เราไม่อยากให้คนเลี้ยงสัตว์มองสัตว์เป็นภาระ เราอยากให้คนเลี้ยงมีที่ฝากที่ไว้ใจได้ ปลอดภัย และมีพนักงานดูแลตลอด”

‘Kofuku’ คือความโชคดีมีสุข

ตอนนั้นเราเริ่มคิดแล้วว่า จะเอาธีมแบบไหนดี ห้องดีไซน์ที่เราออกแบบเป็นไม้สน เราก็ดึงความเป็นญี่ปุ่นเข้ามา จึงใช้ชื่อว่า ‘Kofuku’ แปลว่า ‘ความสุข’ หรือ ‘lucky and happiness’ โชคดีมีความสุข ก็ผันไปกับการเลี้ยงสัตว์ ผมเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงที่หลายๆ คนเลี้ยง มันเข้ามาเติมเต็มให้เรามีความสุขมากขึ้น เลยใช้ชื่อนี้มาตั้ง

บ้านแมวที่สะอาด ปลอดภัย และพร้อมให้ความอบอุ่น

ที่ใช้สีเหลือง และเป็นไม้ เพราะเราอยากดึงความอบอุ่น อยากให้รู้สึกเข้ามาแล้วไม่ได้มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว อยากให้รู้สึกเหมือนบ้าน แมวมาอยู่แล้วเขามีความสุข ในขณะเดียวกันสีก็เป็นโทนสว่าง เพื่อบ่งบอกว่า เราเน้นเรื่องความสะอาด และเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก

ครอบคลุมทุกบริการที่เจ้านายสบายใจ ให้เหล่าทาสไร้กังวล

หลักๆ เราเน้นด้านการดูแลแมว ที่เหลือเป็นบริบทที่เราเสริมขึ้นมา เรามี Contact list กับโรงพยาบาล ซึ่งทุกวันนี้บริการเราค่อนข้างครบวงจร การรับฝากแมวของเรา เริ่มต้นที่คืนละ 300 บาท ให้การรับรองแบบมาตรฐาน ถ้าลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มก็ Add up เช่น อยากมีกล้องวงจรปิด เพิ่มคืนละ 50 บาท อันนี้คือ ราคาที่สาขาพระราม 9 ส่วนสาขาสุขุมวิทเพิ่มห้องละ 50 บาท พอมาทำสาขาที่สุขุมวิท เรารู้ว่าทุกคนเริ่มต้องการกล้อง เลยติดกล้อง และบวกราคาไปเลย ที่สาขาสุขุมวิทเลยเริ่มต้นที่ 350 บาท เราอยากทำให้ราคาเป็น Standard เพราะไซส์ห้องราคาเท่ากัน 

“ไปเที่ยวอย่างสบายใจ ฝากแมวให้เราดูแล”

ในอดีตเรามีการรับข้อมูลจากสถาบันสัตว์เลี้ยงนานาชาติ เวลามีโรคใหม่ หรืออะไรที่ต้องอัพเดท เรา feed ข้อมูลตรงนั้นอยู่ และเรามี consult ภายใน คือ เรามีแชทที่คุยกับคุณหมอโดยตรง มีอะไรที่ต้องระวังเราจะถามคุณหมอ เพราะเราจะได้แก้ไขปัญหาที่ตรงจุด เรากับพาร์ทเนอร์หุ้นส่วนทั้ง 3 คน ไม่มีใครเป็นสัตวแพทย์ ข้อมูลเชิงลึกที่มีการอัพเดท เราจึงต้องมี consult ส่วนตัวเป็นโรงพยาบาลสัตว์ขนาดใหญ่ ถือเป็นอีกจุดที่ลูกค้ามั่นใจได้

“เรื่องของอากาศ เรามีระบบกรองอากาศ น้ำที่ให้น้องดื่มก็ใช้น้ำกรองแบบที่คนดื่ม พนักงานเราก็มีการเทรนนิ่ง มีกล้องวงจรปิด”

4 เกณฑ์คัดกรองก่อนรับรองเจ้าเหมียวสู่โรงแรม

เรื่องมาตรฐานการรับแมวของเรา ซึ่งถ้าอยู่ดีๆ walk in เข้ามาฝากไม่ได้ เพราะเรามีกฎในการรับน้องแมวที่จะมาเข้าพักกับเราค่อนข้างชัดเจน และตรงไปตรงมา คือ 

  1. คุณต้องมีวัคซีน 
  2. แมวต้องอายุครบ 4 เดือนขึ้นไป 
  3. ต้องเลี้ยงระบบปิด 
  4. ไม่มีโรคติดต่อ 

เรื่องพวกนี้เราเช็คหมด มีบางเคสที่ไม่เอาสมุดวัคซีนมาและ walk in เข้ามามีครับ แต่เราต้อง call back กลับไปที่โรงพยาบาลที่น้องฉีดว่าจริงไหม ถ้าคลุมเครือเราปฏิเสธทุกราย มันก็เป็นสาเหตุที่เรารักษามาตรฐานมาจนถึงทุกวันนี้ น้องๆ พนักงานที่ผมรับมาส่วนใหญ่ก็เลี้ยงแมวทั้งหมดครับ เพราะคุณจะได้เข้าใจพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง 

“ถามว่าลูกค้าเข้าใจไหมเวลาโดนปฏิเสธ ก็ต้องอาศัยการอธิบาย แต่หลักๆ โดยส่วนรวมเขาเข้าใจ คนที่เอาแมวมาฝากเราจึงค่อนข้างอุ่นใจ 100% มันก็เหมือนปากต่อปาก ที่นี่เขา strict เขาไม่รับจริงๆ อยู่นานก็ไม่รับ (หัวเราะ) ก็ words of mouth ไปเรื่อยๆ” 

ช่วงเวลาแห่งความสุขตลอด 1 วัน ใน Kofuku Cat Hotel 

พอเรารับแมวเข้ามาในคืนแรก ประมาณ 4 – 6 ชั่วโมงแรก อาจต้องอาศัยการปรับตัวของเขา เพราะน้องจะตื่นเต้น เราจะสังเกตจากการเดินสำรวจของน้อง บางทีเขามาถึงแล้วหลบอยู่ที่มุมห้องเพราะเขากลัว เขาเลยต้องเดินสำรวจ และเริ่มกินอาหาร เริ่มขับถ่าย ถ้าเป็นแบบนี้พนักงานจะรู้แล้วว่า แมวเริ่มปรับตัวได้ ถ้าวันนั้นเขาปรับตัวได้เลย เราก็มีปล่อยให้เขาเดินออกมานอกห้อง (ปล่อยออกมาทีละห้อง) พนักงานของเราก็จะเล่นกับน้อง มีการอัพเดทรูปถ่าย และวิดีโอให้เจ้าของทุกวัน เราไม่ได้ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเรามีเวลาเปิดปิด ซึ่งสาขาสุขุมวิทเราจะเปิด 09:00 – 18:00 น. ส่วนสาขาพระราม 9 เปิด 10:00 – 19:00 น. เช้ามาอันดับแรกเราจะให้อาหารน้องก่อน เพราะทุกตัวหิวหมด ให้น้ำ และเริ่มทำความสะอาดห้องแต่ละห้อง เปลี่ยนกระบะทราย ทำความสะอาด เช็ดห้อง ซึ่งทำเสร็จประมาณเที่ยง ช่วงกลางวันก็จะเล่นกับน้อง ถ่ายรูป และวิดีโออัพเดทให้ลูกค้า เสร็จก็เย็นพอดี ตอนเย็นก็ให้อาหารน้องอีกครั้ง ซึ่งอยู่ที่ลูกค้ารีเควสด้วยว่า จะให้แบบไหน ตอนเข้ามาเราจะมีฟอร์มให้เขากรอก จะให้อาหารเป็นบุฟเฟ่ต์ หรือให้เป็นมื้อๆ อาหารเปียก หรือขนม หรืออะไรที่ต้องห่วงเป็นพิเศษ อย่างการเช็ดหูบ่อยๆ หรือน้องมีขี้ตาเยอะ เราก็จะพยายามเช็ดบ่อยๆ ซึ่งเราจะทำแบบนี้ทุกครั้ง

ไม่ใช่แค่รับฝาก แต่ปลูกฝังเรื่องสุขภาพให้เหล่าทาสแมวด้วย

สาขาพระราม 9 เราร่วมมือกับ iVET Animal Hospital เขาจะส่งคุณหมอให้มาตรวจทุกอาทิตย์ สำหรับแมวที่เข้ามาใหม่ ว่าสุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง เพราะนอกจากเรารับเลี้ยง เราพยายามปลูกฝังเรื่องสุขภาพ เพราะไม่อยากให้แมวป่วย เช่น น้องอาจมีโอกาสเป็นโรคเหงือก ต้องขูดหินปูนในอนาคต เขาอาจจะต้องแปรงฟันให้แมวของเขา หรือน้องเกาบริเวณที่เป็นแผล เกาจนเลือดออก พอเริ่มเกาเราก็แจ้งเจ้าของ เพราะหมอจะเช็คสุขภาพปากและฟัน เช็คตา เช็คหู และอื่นๆ ที่ต้องตรวจเช็ค เวลาเป็นโรคต่างๆ เป็นช่วงแรกๆ มันรักษาง่าย แต่ถ้าทิ้งไว้นานจนเป็นโรคทำให้เสียค่าใช้จ่ายแพง และทำให้น้องเจ็บตัว เราพยายามปลูกฝัง เพื่อเป็นข้อมูล และส่งต่อให้ทางเจ้าของแมวด้วย

ดุแค่ไหนก็เอาอยู่ เพราะ Kofuku เจอมาแล้วทุกรูปแบบ

เจอบ่อยครับ ประมาณ 10-20% ที่ดุ เราอาศัยการสัมผัส และปล่อยออกนอกห้องทุกตัวนะ ซึ่งเรามีวิธีการรับมือ และกระบวนการที่ค่อยๆ ทำ เราจะไม่จู่โจมน้อง คือบางตัวดุ เราเปิดประตู เขาไม่ยอมออกนอกห้อง เราจะไม่บังคับให้เขาออกมา หรืออุ้มออกมา แต่ส่วนใหญ่มีแต่แมวไม่อยากกลับห้อง (หัวเราะ) เพราะน้องอยากเล่นต่อ แต่ท้ายที่สุดเราก็รับมือได้ เพราะเราเจอแมวเกือบจะทุกรูปแบบ เคยมีอุบัติเหตุบ้างไหม มีบ้างครับ แต่เราก็เทรนกับน้องพนักงานตลอด เพราะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของพนักงานเป็นหลัก เราจะมีวิธี Step by Step เขาอาจต้องเรียนรู้จากพนักงานที่เป็น Manager เขาจะมีขั้นตอน กระบวนการ และเครื่องมือ อย่างถุงมือที่สามารถกันน้องกัดได้

รับลูกค้าทุก Gen – Open ทุกเทศกาล

ถ้าเยอะสุดคือ คนทำงาน โดยเฉพาะ Gen Y แต่ลูกค้าที่นี่มีทุกเจนเลยครับ ช่วงเทศกาลส่วนใหญ่จะเต็มตลอด สงกรานต์ ปีใหม่ แน่นอนอยู่แล้ว หรือ ช่วงวันหยุดยาว 4 วันขึ้นไปก็จะเกือบเต็มตลอด เนื่องจากห้องพักเราเยอะ โอกาสที่จะเต็มจริงๆ อาจเป็นเทศกาลที่ใหญ่ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่คือ คนที่ต้องการนำแมวมาฝาก 2 วันขึ้นไป อยู่นานสุดเป็นปีก็มี เพราะเจ้าของไปเรียนต่างประเทศ หรือบางคนช่วงก่อนโควิดมีงานวิ่งมาราธอนบ่อย บางบ้านเอาน้องมาฝากทุกอาทิตย์ หรือมีความต้องการใหม่ๆ บางคนเลี้ยงแมว และอยากให้แมวเขารู้ว่ามีแมวตัวอื่นๆ บนโลกนะ ก็พามานอนโรงแรม

เซ็ทมาตรฐานบริการ เพื่อตอบรับความต้องการของตลาดสัตว์เลี้ยง

ตอนที่ผมทำ มีการเก็บ research อยู่นะว่า ประชากรสัตว์เลี้ยงในเมืองไทยมีประมาณ 4 ล้านตัว แต่ถ้าโฟกัสแค่แมวที่มีเจ้าของในกรุงเทพฯ มีประมาณ 4 แสน growth rate เติบโตมาก อย่างช่วงโควิดที่ผ่านมา คนอยู่บ้านน่าจะรู้สึกเหงา การมีสัตว์เลี้ยงมาอยู่ด้วยมันก็ทำให้เรามีความสุขอีกรูปแบบ ตลาดสัตว์เองก็เติบโตขึ้น ถามว่า เรามองเห็นโอกาสอะไรในธุรกิจนี้ อย่างแรกคือ เราทำเพราะรักก่อน สองคือ Demand มันเยอะ Supply มันน้อย ณ ตอนนั้น (เมื่อ 7 ปีที่แล้ว) พอนึกถึงโรงแรมแมวคนยังงงว่า เป็นแบบไหน ทำอย่างไร เราเป็นคนที่เซ็ทมาตรฐานขึ้นมา ทั้งเรื่องการดูแล กล้องวงจรปิด ซึ่งเรามีติดทุกห้อง

สังคมของคนกับแมวที่กำลังขยายตัวขึ้น 

ของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่า ถามว่าลูกค้าใหม่มีไหม เดือนหนึ่ง 30-40% และ 3-4 ปีที่ผ่านมาฟาร์มแมวโตขึ้นมาก ทำให้โรงแรมแมวโตขึ้นไปด้วย เพราะแมวเยอะขึ้น ตอนนี้สัตว์เลี้ยงก็ยังเติบโตอยู่ เพราะผมมีโอกาสทำเรื่องร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง ทุกวันนี้เมืองไทยเพิ่งเข้าสู่สังคมคนอยู่ร่วมกันกับสัตว์ได้ บางโรงแรมเริ่มเปิดรับให้พาสัตว์ไปพักได้ หรือบางห้างสรรพสินค้าให้พาสัตว์เลี้ยงไปได้ ร้านอาหารบางร้านเริ่มเปิดรับมากขึ้น ถ้าเทียบกับในยุโรป ญี่ปุ่น หรือเกาหลี อันนั้นเขาไปไกลแล้ว ก็ยังเติบโตได้อีกเยอะครับ

“ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ ในอดีตเราก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะเรามาจากคนเลี้ยงแมว เราก็คิดไปอีกระดับหนึ่ง เราก็ทำแบบสอบถามกับลูกค้าเหมือนกันว่า อยากได้อะไรเพิ่ม และมีบริการโน่นนี่นั่นมา เราก็รับฟีดแบ็กเหล่านั้นมา อย่างเดลิเวอรี่ การอาบน้ำแมว ที่จอดรถ สาขานี้ (สุขุมวิท) ก็ค่อนข้าง concern เราก็นำมาปรับปรุง และพัฒนาอยู่ตลอด”

(คิดว่าธุรกิจโรงแรมแมวจะโตได้อีกไหม?)

ตอนนี้ก็เติบโตขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ก็เข้ามามากขึ้น ในอดีตเราให้อาหารกับชามข้าวปกติ ตอนนี้มีชามให้อาหารอัตโนมัติ มีน้ำพุแมว มีระบบกรองน้ำ มีเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น อย่าง เฟลิเวย์ (Feliway) ฟีโรโมนของแมว ที่สกัดออกมาเพื่อทำให้แมวผ่อนคลายมากขึ้น ตลาดสัตว์เลี้ยงจึงเติบโตขึ้น ความต้องการของคนก็หลากหลายมากขึ้น ตลาดมันโต 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ทุกปี 

FYI: ตลาดสัตว์เลี้ยงของโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 40,000 ล้าน

ความมืออาชีพที่สั่งสมมา สู่ความไว้วางใจจากลูกค้า Kofuku

พวกนี้ต้องอาศัยการสะสมนะ ณ วันแรกที่ทำลำบาก และยากมาก เพราะปีแรกลูกค้าทุกคนที่จะฝากแมวต้องมาดูห้องด้วยตัวเองทุกคน อารมณ์เหมือนเอาลูกมาฝากให้คนอื่นเลี้ยง มาดูว่ามีการเลี้ยงอย่างไร ปัญหาที่เจอเรามีวิธีการรับมืออย่างไรบ้าง เราก็พยายามให้ข้อมูลลูกค้าให้ครบตั้งแต่ตอนแรกเลยว่า น้องต้องเจออะไรบ้าง และเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเขาก็รับรู้ประมาณหนึ่งแล้ว เมื่อก่อนโรงแรมแมวที่ผมมีโอกาสได้ไปดูหรือไปเซอร์เวย์เพื่อไปฝาก จะเป็นบ้านที่มีห้องว่าง และจ้างชาวต่างชาติมาดู กั้นเป็นห้องกระจกให้น้องอยู่แบบนั้น walk in ไม่ได้ต้องนัดล่วงหน้า และบางทีพูดภาษาไทยไม่ค่อยรู้เรื่อง เราเลยคิดว่า ถ้าเกิดปัญหากับแมวเราตรงนั้นแล้วเขาจะทำอย่างไร แล้วแต่ละที่คือ อยู่ไกล เราเลยอยากทำโรงแรมแมวที่มีมาตรฐานที่ชัดเจน มีพนักงานที่ถูกส่งไปเทรน และดูเรื่อง Grooming ด้วย เขาจะได้รู้ว่าแมวสุขภาพดีเป็นอย่างไร ส่งไปเทรนกับคุณหมอ และเข้ามาอบรมให้เรา เข้าโครงการกับมหาวิทยาลัยที่มืออาชีพ และทำ Swab Test แบบแรนด้อม คือ การป้ายชาม ป้ายกระบะทราย ป้ายพื้น ป้ายกระจก ก่อน-หลังทำความสะอาด เพื่อดูว่ามาตรฐานเราผ่านไหม ซึ่งเหล่านี้เราทำมาเรื่อยๆ พอหมดโครงการ อาจารย์ก็เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้เราต่อ เราก็ยังทำต่อไปครับ ไม่ใช่แค่เลี้ยงแมวจบ เพราะมันมีบริบทที่มากกว่านั้น

“ถ้าถามว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าไว้วางใจเราคือ ระยะเวลาด้วย ความมืออาชีพ และเราทำจริงจัง” 

พิษโควิด และการฟื้นตัวของคอมมูทาสแมว

คนไม่เที่ยว เราได้รับผลกระทบ 100% เพราะล็อคดาวน์อยู่บ้านไม่ได้ไปไหน ต่างประเทศไม่ต้องพูดถึง ก็ยังไปไม่ได้ ได้รับแน่นอนครับ ตอนนั้นเราทำการจัดการพนักงาน เนื่องจากไม่ได้ใช้พนักงานเยอะอยู่แล้ว และเราก็ไม่ได้ให้พนักงานออกเลยนะ ซึ่งตอนนั้นก็ได้ภาครัฐช่วยเรื่องประกันสังคม แต่เราทำการปิดชั่วคราว 1 สาขา คือ สาขาพระราม 9 และทำการซ่อมโน่นนี่นั่น และมูฟมาที่สุขุมวิท หลังจากโควิดคลี่คลาย มันค่อนข้างเทิร์นเร็ว เพราะลูกค้าฝากเลย เพราะคนอั้นเที่ยว และบางคนที่เมื่อก่อนเลี้ยง 1 – 2 ตัว มาเจออีกที 6 ตัว 

รายได้จากโรงแรมแมว เพื่อคอมมูแมว

โครงการ ‘รักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร’ อันนี้คือ จุดเริ่มต้นที่พวกเราอยากจะแบ่งปันสังคม ตอนนั้นเราหักทุกๆ 10 บาท ต่อ 1 ห้อง และต่อ 1 คืน พอได้บัดเจ็ตเราก็บริจาคครับ ทุกวันนี้ยังหาช่องทางการช่วยเหลืออื่นๆ อยู่ครับ เพราะโครการนี้เราหยุดทำไปตั้งแต่โควิดระบาด ตอนนี้กำลังดูๆ และพิจารณาโครงการอื่นๆ ว่าทำอะไรตรงไหนได้บ้าง

“แมวมันเลือกเกิดไม่ได้เนอะ ผมอาจจะมีแมว และซื้อแมวมาเลี้ยง แต่ในขณะเดียวกัน แมวที่อยู่ข้างนอก หรือแมวจรบางทีเขาไม่ได้เกิดถูกบ้าน ไหนๆ วันนี้เราทำธุรกิจด้านนี้เราก็อยากตอบแทนคืนกลับสังคม เราก็ดูอยู่ว่า โครงการไหนรับแมวมาแล้วหาบ้านให้แมว เราก็อยากจะซัพพอร์ต เพราะเขาต้องการบัดเจ็ต”

อุปสรรค ปัญหา และความท้าทายของการทำ Kofuku Cat Hotel 

แค่เราคิดก็มีปัญหาแล้วครับ ตอนทำก็มีปัญหาตลอดมา ถ้าถามผมวันนี้ว่า ในอดีตปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่เราเจอในการทำธุรกิจโรงแรมแมวคืออะไร บางทีผมนึกไม่ออก เพราะมันผ่านมาแล้ว แต่ถามว่ามีปัญหาไหม มีอยู่แล้ว ขอแค่วันนี้ เรามี Mindset ในการจัดการปัญหาเท่านั้นเอง ทุกอย่างมีทางออกหมดครับ การมีทัศนคติที่ดีต่อปัญหาอันนี้สำคัญกว่าปัญหาสำหรับคนทำธุรกิจนะครับ

“ความยากคือ เราทำแบบไม่รู้อะไรเลยในตอนแรก แต่เราอยู่ในกลุ่มคนที่รักแมว และศึกษาจริงๆ ว่าพฤติกรรมแมวเป็นอย่างไร คุยกับคุณหมอ มีที่ปรึกษา อันนี้คือความยากแต่ชาเลนท์ แล้วมันทำให้เราเซ็ทมาตรฐานให้กับคนอื่นได้ ในราคาที่จับต้องได้ เพราะคนส่วนใหญ่ฝากแมวหลายคืน ส่วนใครที่มีกำลังก็เพิ่มออปชั่นเสริมเอาเอง” 

(อะไรคือชาเลนจ์ของการทำโรงแรมแมว)

ผมว่าเรื่องพนักงาน เพราะเป็นหัวใจหลักของเรา การที่เราได้พนักงานที่มีความรักสัตว์ และแก้ไขปัญหาได้ เพราะมันต้องตัดสินใจเฉพาะหน้า รอถามเราอย่างเดียวไม่ได้ การเทรนนิ่งเราต้องทำให้ถึง ต้องมั่นใจก่อนว่า คนนี้ดูแลได้จริงถึงปล่อยได้ เรื่องต่อมาคือ โรคที่มากับแมว ซึ่งบางทีแสดงอาการ หรือไม่แสดงอาการ เพราะตลาดนี้เป็นตลาดเกิดใหม่ เรื่อง Regulation ของภาครัฐที่ผมพยายามผลักดัน ซึ่งผมเคยไปให้ข้อมูลกับทางเขต เคยให้ข้อมูลกับมหาวิทยาลัยที่เขาทำรีเสิร์ชให้ภาครัฐที่ต้องออกกฎหมาย

“วัคซีนบางวัคซีนควรเป็นวัคซีนบังคับหรือเปล่า? สำหรับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เพราะถ้าสัตว์คุณเป็นแล้วคุณไม่รู้ แล้วไปติดตัวอื่น เกิดการกระจาย ทำให้โดยรวมดรอปลง ซึ่งมันยังเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับตลาดสัตว์เลี้ยง ถ้าทำให้มันมีมาตรฐาน คนที่เขาอยากเลี้ยงเขาก็จะจำ และเลี้ยงได้ง่ายขึ้น เพราะรู้สึกว่ามันรองรับ สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปไหนมาไหนได้ทุกที่ ผมว่าเป็นสิ่งทีสังคมไทยยังชาเลนจ์อยู่ อยู่ที่ว่าจะก้าวข้ามผ่านจุดนั้นไปได้หรือเปล่า”

คนเลี้ยงแมวแบบระบบปิด คุณมีความระมัดระวังขนาดไหน อย่างถ้าแมวหลุดทีหนึ่ง มันก็สงสารน้องเนอะ แต่ผมมั่นใจว่า คนเลี้ยงไม่ได้ตั้งใจ ระบบติดตาม หรือระบบอะไรบ้างที่สามารถเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะผมเคยเป็นคนไม่เลี้ยงสัตว์ แล้วเข้ามาอยู่ในตลาดเลี้ยงสัตว์ เราเข้าใจว่าอันนี้คือ Point หนึ่งของคนที่กำลังชั่งใจว่าจะเลี้ยงไม่เลี้ยงดี 

ความประทำใจของการทำ Kofuku Cat Hotel

เรื่องแรกคือ การสร้างงานของคนที่รักแมว พนักงานหลายๆ ท่านที่ทำงานกับเรา เขารักแมว แต่เขาไม่รู้ว่าจะใช้ความสามารถนี้ไปทำอะไรได้บ้าง อาจทำให้เขาภูมิใจว่า มันมีอาชีพแบบนี้นะ คุณแค่เล่นกับแมวทั้งวัน ทำให้แมวมีความสุขตามมาตรฐานที่เราตั้งไว้ คนมันแฮปปี้นะ 

“การสร้างคุณค่าในการทำงานให้พนักงาน เพราะเราไม่ได้คิดแค่ให้เงินเดือน หรือค่าจ้างไปวันๆ และอีกอย่างคือ คุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงมันดีขึ้น บางคนเขามาฝากกับเรา เรามีคำแนะนำให้เขา มันก็ทำให้โดยรวมดีขึ้น ทำให้สุขภาพแมวดีขึ้น เมื่อเรามีความรู้ และข้อมูลที่ถูกต้อง อันนี้เป็นอีกอันที่เราให้คุณค่ากับสังคมที่เป็นสัตว์เลี้ยง ที่นี่จึงเปรียบเหมือนช่องทางการสื่อสารอีกช่องทางหนึ่ง”

อีกส่วนคือ Business Model ที่เราคิดขึ้นมาค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ และคอนโทรลในตัวของมันเองได้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบไหน เชื่อไหมครับ โรงแรมแมวแต่ละที่ก่อนโควิดจะระบาดเปิดเดือนละที่ แต่หลังโควิดเหลือไม่กี่ที่ครับ ทุกวันนี้จะเป็นโรงพยาบาลมาเปิดรับฝากเลี้ยงแบบปลอดเชื้อ แต่ของเรายังยืนหยัดอยู่ตรงนี้ และผ่านไปได้ครับ 

ปีนี้แพลนไว้ว่าจะเพิ่ม 2 สาขาครับ กำลังดูอยู่ ต้องติดตามครับ เราคือ ออปชั่นหนึ่ง บางท่านอาจฝากที่อื่นอยู่ ถ้ามีโอกาสอยากจะเรียนเชิญครับ เพราะเราค่อนข้างพยายามในการดูแลแมว อย่างที่บอกว่า ผมจะเน้นหนักอยู่ 2 เรื่อง และจะบอกพนักงานอยู่เสมอคือ ความสะอาด และความปลอดภัยครับ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง และมาตรฐานต่างๆ เราทำตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว จนถึงทุกวันนี้