Daily Pickup

Love and Leashes: เพราะซีรีส์เกาหลีไปไกลถึง การสร้างความเข้าใจเรื่อง BDSM แล้วนะซิ

หลายครั้งที่ BDSM ถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจ สร้างกระแส การพูดถึง ในหลากหลายแง่มุม ถูกบ้าง ผิดบ้าง ปะปนกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่คล้ายกันคือ ภาพเหล่านี้จะเต็มไปด้วยความรุนแรง การหลอกล่อ ความไม่สมยอม แต่การกระทำทั้งหมดจะถูกปิกปากเอาไว้ด้วยการกระทำภายใต้ความโรแมนติก ซึ่งทั้งหมดนี้ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงของ BDSM ไปไกลโข 

Love and Leashes (2022) รักจูงรัก ผลงานภาพยนตร์เกาหลีบน Netflix ที่ถูกดัดแปลงมาจาก Webtoon เรื่อง Moral Sense โดยในซีรีส์นี้ได้ ซอฮยอน จากวง SNSD มารับบทบาทนายหญิง, อี จุงยอม จากวง U-KISS ที่มารับบทบาทของ นายหญิง และ ทาสชาย ภายใต้ความสัมพันธ์แบบ BDSM

เรื่องราวเกิดขึ้นโดยมีพื้นหลังเป็นบริษัทแห่งหนึ่งที่ดังมีพนักงานชื่อละม้ายคล้ายกันอย่าง จองจีอู (ซอฮยอน) และ จองจีฮู (อี จุนยอง) จีอูจึงได้บังเอิญเปิดพัสดุของจีฮูอย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงได้ล่วงรู้ความลับของชายหนุ่มขี้อายคนนี้ และเปิดประตูก้าวเข้าสู่ความตื่นตาตื่นใจแบบที่เธอไม่เคยพบมาก่อน ในรูปแบบความสัมพันธ์ของนายหญิง - ทาสชาย ในแบบ BDSM 

อีกหนึ่งประเด็นที่เป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง Love and Leashes นั้นก็คือเรื่องของ การยินยอม (Consent) ที่นับเป็นหนึ่งในหัวใจของ BDSM เลยก็ว่าได้เพราะการเพลย์ในแต่ละครั้งจะต้องได้นับการยินยอมจากทั้งฝ่าย Sub และ Dom ที่มีความเข้าใจตรงกันว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่คืออะไร มีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่จะตามมาได้หรือไม่

ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อาจจะนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ของภาพยนตร์เกาหลีที่กำลังพยายาม Normalize รสนิยมในแบบ BDSM ให้กลายเป็นเรื่องปรกติที่สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน ล้างภาพจำแบบเดิมที่ผิดเพี้ยนไป ภาพที่ต้องเต็มไปด้วยความโหดร้าย การขู่เข็นที่ไม่ได้เกิดจากความยินยอม ทั้งยังสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องของ BDSM ที่ต้องได้รับการยินยอมของทั้งสองฝ่ายเสียก่อน และยิ่งถ้ามองให้รอบด้านมากขึ้นแล้ว ยังเพื่อลดปัญหาการอ้างรสนิยม BDSM ในการเป็นใบเบิกทางที่ฝ่ายชายในเกาหลีนิยมใช้ความรุงแรงทางเพศกับฝ่ายหญิงซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลเกาหลีพยายามแก้ไขมาโดยตลอด

แต่ถึงอย่างไรภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังแอบซ่อมุมมของวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่ฝังแน่นอยู่ในสังคมเกาหลีมาอย่างยาวนาน กับการเป็น Male-Sub (Submissive) ในแบบทาสชายที่แพรวพราวและมากไปด้วยประสบการณ์ กับ Fem-Dom (Dominant) นายหญิงมือใหม่ที่แม้จะเปี่ยมไปด้วยอำนาจในการควบคุมการเพลย์ แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ และในตอนสุดท้ายก็ดันตกม้าตายหลงรักเจ้าทาสของตัวเองเสียอย่างนั้น

มันทำให้ผู้เขียนหวนคิดย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่มีดราม่าในท้อปปิกที่ “คนไทยไม่สนับสนุนผลงานบันเทิงของไทยด้วยกันเอง แต่กลับไปดูภาพยนตร์เกาหลีแทน” ส่วนตัวคิดว่าเรื่อง Love and Leashes ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ดีที่ว่า ทำไมคนไทยถึงหันหน้าออกนอกประเทศไปดูซีรีส์ต่างประเทศกันเสียหมด เพราะเรื่องราวในซีรีส์มันเกินไปกว่าการให้ความบันเทิง มันคือการเปิดประตูความหลากหลาย เปิดมุมมองเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศที่แตกต่าง รื้อสร้างความคิดแบบเดิม จนไปถึงช่วยให้เราได้เข้าใจ Sub-culture ที่แสนจะลึกลับอย่าง BDSM ยังมีประเด็นทางสังคม การยอมรับตัวตนของคนที่แตกต่าง ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดออกมาให้เข้าถึงง่ายแบบโรแมนติก คอมเมดี้ ที่ไม่ต้องปีนกะไดดูเสียด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้น่าจะพอตอบคำถามของผู้ขับรถที่ถามว่า “ทำไมภาพยนตร์ไทย ถึงทำให้ดีมากๆ เหมือนเกาหลีไม่ได้” และตอบคำถามของนักแสดงด้านหลังว่า “ทำไมคนไทยไม่ดูหนังไทย”