Daily Pickup

ชอบมูหรือตกเป็นเหยื่อการตลาด

เมื่อสินค้าต้องพึ่งพาการตลาดสายมู และของสายมูต้องพึ่งพาการตลาดเช่นเดียวกัน

จะซื้อของสักชิ้น ต้องดูอะไรบ้าง ชอบไหม สวยไหม คุณภาพดีหรือเปล่า บางคนอาจจะพิจารณาเพียงแค่นั้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่อาจจะดูต่อไปว่า แล้วของชิ้นนั้นมันเสริมดวงอะไรให้เราบ้าง ตรงกับเรื่องที่อยากจะเสริมไหม สีเป็นกาลกิณีรึเปล่า ผิดหลักฮวงจุ้ยไหมนะ ฯลฯ ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดปรากฏการณ์รถคันนี้สี...หรอก

Photo credit: Cat Crawford

เมื่อสินค้าต้องพึ่งพาการตลาดของสายมู

ปรากฏการณ์ตารางสีเสื้อมงคลคงพอจะบอกอะไรเราได้หลายระดับ แม้มันอาจจะไม่สามาถพูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคนรุ่นไหนให้ความนิยมในเรื่องมูเตลูมากขึ้นหรือแพร่หลายขึ้น หรือนำเอามูเตลูมาใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ในการดำเนินชีวิตมากขึ้น แต่มันก็ทำให้เห็นได้ว่า ในระดับที่ง่ายที่สุดอย่างสีเสื้อมงคลประจำวัน ที่อาจจะไม่ต้องซื้อเสื้อใหม่ อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนสไตล์หรือตัวตน หรือสูญเสียอะไรเพิ่มมากขึ้น (ก็แค่เปลี่ยนสีเสื้อเอง) 

การเพิ่มความสบายใจในแบบที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มขึ้น ก็อาจจะดีกว่าก็ได้

Photo credit: Atonio_Diaz

สิ่งนี้คือ ‘มูลค่าเพิ่ม’ ในทางการตลาดของความเชื่อ ที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ในระดับไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มมากขึ้น ไปจนถึงเพิ่มอีกนิดหน่อยก็สบายใจแล้ว ที่แบรนด์ต่างๆ หยิบเอาประเด็นเรื่องดวง โชคลาง มาใช้ในการสร้างแผนการตลาดและขับเคลื่อนยอดขายของตัวเอง

ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดก็คือเรื่องสีของรถยนต์ไงล่ะ ถ้าหมอ(ดู) บอกว่าสีที่ถูกโฉลกที่สุดคือสีแดง แล้วรถยนต์รุ่นที่อยากได้ที่สุดกลับไม่ผลิตสีแดง สำหรับสายมู (ในระดับหนึ่ง) ก็คงอาจจะลังเลใจว่าจะหันไปดูรุ่นอื่น ยี่ห้ออื่นที่มีสีแดงดีไหม หรือว่าจะติดสติ๊กเกอร์รถคันนี้สีแดงดี

Photo credit: chobrod

ประเด็นเรื่องการตลาดแบบมูเตลูถูกนำมาใช้ตั้งแต่สินค้าใหญ่ๆ อย่างการสร้างบ้าน สีของรถยนต์ไปจนถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สินค้าเหล่านั้นจะสามารถหยิบเอาเรื่องนี้มาสร้างมูลค่าให้แก่สินค้าตัวเองให้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าตัดสินใจซื้อได้สำหรับนักช้อปสายมู

ที่ผ่านมา มีตั้งแต่เบอร์มงคลของค่ายมือถือต่างๆ ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการซื้อเบอร์หรือเลือกมาใช้บริการค่ายมือถือนั้นๆ ได้ หรือจะเป็นสีของแล็บท็อป ที่เลอโนโว หยิบเอาประเด็นสีมงคลมาใช้ในการสร้างการตลาดแบบใหม่ให้กับแล็บท็อปของแบรนด์ตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าการตลาดนี้อาจจะใช้ได้ในกรณีคล้ายกับการเลือกสีรถยนต์

การได้เลือกในสิ่งที่ทำให้สบายใจ อาจจะไม่ต้องเสียเพิ่ม หรือเสียเพิ่มนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!

Photo credit: Lenovo

สินค้าสายมูเองก็ต้องพึ่งการตลาดแบบใหม่ 

แม้จะดูเหมือนว่ามูเตลูได้รับความนิยมมากขึ้นในคนรุ่นใหม่ (ที่แม้ดูเหมือนว่าเจเนอเรชั่นนี้จะมีความเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นก็ตาม) ผ่านหลากหลายประเด็นที่เราเห็นกันในโซเชียลมีเดีย ทั้งตารางสีเสื้อ ต้นไม้มงคล กระเป๋าเหนี่ยวทรัพย์ ฯลฯ แต่เมื่อแล่เนื้อถือหนังมันออกมาก็จะพบว่า มันคือเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่ถูกนำมาห่อหุ้มด้วยแพ็กเกจแบบใหม่แสนเก๋ที่เข้ากันได้ดีกับจริตหรือความนิยมของคนรุ่นใหม่

ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือกระแสกำไลลาและกำไลหินนำโชคก่อนหน้านี้ ที่กลายเป็น ‘ของมันต้องมี’ ที่ดาราคนดังทุกคนล้วนใส่กันจนเกิดเป็นกระแสใส่กันทั้งบ้านทั้งเมือง ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็ถือเครื่องรางของขลังในแบบอดีต (ตะกรุด) ที่ถูกนำมาปรับรูปโฉมให้ดูสวยเก๋ ทันสมัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำมาร้อยกับหินมงคล ที่ใส่ตะกรุดที่มีดีไซน์งานโลหะประดับหมุดดูราวกับมาจาก Valentino การสร้างสีสัน รูปทรง (เช่น รูปหัวใจ) ใหม่ๆ เพื่อลดความขรึมขลังน่ากลัวและปรับแต่งให้กลายเป็น ‘แฟชั่นเครื่องประดับ’ ที่ไปกันได้กับการแต่งกายในแบบเทรนดี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงเนื้อแท้ของความขลังเช่นเดิม

Photo credit: warehouse

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราเห็นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นจตุคามรามเทพ ซึ่งก็สามารถจัดอยู่ในประเภทพระเครื่องแบบในอดีต ไอ้ไข่ก็อาจจะสามารถจัดประเภทให้อยู่ในหมวดหมู่ของกุมารทอง หรือบุคคลสำคัญที่เสียชีวิตไปแล้ว เช่น แม่พุ่มพวง หรือแม้กระทั่งเสด็จพ่อร.5 ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งดวงหรือโชคลาภในด้านต่างๆ ภายหลังการเสียชีวิต หรือแม้กระทั่งวอลเปเปอร์สายมู ที่กลายมาเป็นของฮิตล่าสุด มันก็คือการแปลงร่างของ การรีแพ็กเกจใหม่ของสิ่งของสายมูต่างๆ ที่ พยายามปรับให้เข้ากับความเป็นปัจจุบันของคนรุ่นใหม่ จากเนื้อตัวร่างกายก็กลายมาสู่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ถือเป็นอวัยวะใหม่ของคนเราไปแล้ว

Photo credit: Thairath

ทำไมเราถึงต้องมู

ไม่ว่าจะเป็นมูเตลูในแบบเก่าหรือแบบใหม่ที่ถูกรีแพ็กเกจแล้ว แก่นแท้ของการมูเตลูก็ไม่ต่างกัน ซึ่งมีไม่กี่เรื่อง ความรัก การเงิน โชคลาภ สุขภาพ การงาน ฯลฯ ซึ่งแท้จริงแล้วมันก็คือการเติมเต็มภาวะของความไม่มั่นคงไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางจิตใจของคนเรานั่นเอง ซึ่งความไม่มั่นคงเหล่านั้น มันอาจจะเกิดจากสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม หรือแม้แต่ประสบการณ์ส่วนตัวของใครมัน 

เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ในยามบ้านเมือง สังคม หรือเศรษฐกิจกำลังระส่ำระสาย สายมูจะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น

Photo credit: allure