Culture

สนทนาภาษา ‘นักพากย์ฟีลกู้ด’ กับอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่ทำให้ได้เป็นตัวเองอย่างแท้จริงในวัย 36 ปี

เบื้องหลังคอนเทนต์พากย์เสียง ผสมผสานทักษะการละครที่สร้างเสียงหัวเราะ และมอบพลังบวกให้กับผู้ติดตามนับล้านคนใน TikTok ‘ปาร์ตี้ นักพากย์ฟีลกู้ด’ หรือ ‘วัชรพล นนท์ภักดี’ คือคนที่เคยเต็มไปด้วยความทุกข์ และผ่านความล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เรียกได้ว่า กว่าที่จะมาพบความสุขในชีวิตกับอาชีพคอนเทนต์ ครีเอเตอร์แบบวันนี้ ก็อายุ 36 ปีเข้าไปแล้ว

เขายอมรับว่าแม้จะดูเหมือนเติบโตไวในอาชีพ แต่เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นใหม่ ถือว่าเริ่มต้นเส้นทางนี้ได้ค่อนข้างช้า แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมามันคุ้มค่ากับการได้เรียนรู้

หลายบทสัมภาษณ์ในอดีต นำเสนอว่าปาร์ตี้ นักพากย์ฟีลกู้ด เริ่มต้นจากความเป็นมนุษย์ซึมเศร้าที่ไม่เคยเห็นคุณค่าในตัวเอง และคิดฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อได้รู้จักกับ TikTok ชีวิตก็เปลี่ยนไป

“เมื่อก่อนเราจะถูกครอบงำตลอดเวลาว่าต้องเดินทางไหน ยังไง อย่างตอนเด็ก โตไปต้องเป็นหมอ พอโตมาเลือกเรียนและทำงานด้านศิลปะ ก็เจอเจ้านายที่เป็นฝ่ายนำ เราไม่ค่อยได้เป็นตัวเอง มันเลยกลายเป็นปม พอวันหนึ่งได้ลาออกมาเป็นอิสระ และได้เจอ TikTok กลายเป็นว่าโลกมันเปลี่ยนเลย แบบว่า เฮ้ย! ชีวิตยังมีจุดโฟกัสอื่นที่น่าสนใจอยู่”

เรียกว่า ‘น่าเหลือเชื่อ’ ไหม กับการเป็นนักพากย์ฟีลกู้ดแบบทุกวันนี้

“เหลือเชื่อเลย ตอนนั้นทั้งซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย รู้สึกไม่รักตัวเอง แต่สุดท้ายก็รู้ว่านั่นคือกำแพงที่เราสร้างขึ้นเอง เราเลือกได้ว่าจะกระโดดลงเหวไปไหม หรือจะกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่มีอยู่ข้างใน แล้วเลือกใช้มันให้เกิดประโยชน์”

ก่อนจะเป็นครีเอเตอร์ก็เป็น Anti-Fan มาก่อน จริงเหรอ?

“เป็นเพราะเรามาจากแพลตฟอร์มที่ทำคลิปยาวอย่าง Socialcam ด้วย กว่าจะตัดต่อ กว่าจะเขียนสคริปต์ พอมาเจอพวกคลิปสั้น เราไม่เก็ทว่าการทำคลิปสั้นๆ แค่ 15 วินาที แต่ได้ยอดวิว 5 ล้าน มันคืออะไรวะ (หัวเราะ) แต่พอเราเปลี่ยนจุดโฟกัส ปรับตัวเองได้ เราก็เอนจอยไปกับโลกใบใหม่นี้นะ เพราะมันก็ทำให้เราได้เป็นตัวเองแบบ 100%”

คิดว่าความยาก-ง่ายของอาชีพคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ยุคนี้คืออะไร

“ความง่ายคือการที่ทุกคนเป็นได้ และเป็นได้ง่ายขึ้น แต่ความยากคือการรักษามันให้อยู่กับเราได้แบบยาวๆ มันดังได้ง่าย แต่ก็ดับได้ง่ายมากเหมือนกัน เพราะโลกโซเชียลเป็นเรื่องแพลตฟอร์มของความรู้สึก มันมาไวไปไว”

เมื่อใครๆ ก็เป็นครีเอเตอร์ได้ ถือว่าเป็นอุปสรรคไหม

“ประสบการณ์มันสอนว่านี่คือความสนุกมากกว่า มันคือเสน่ห์ของอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์เลย เหมือนเวลาเราขายของในตลาด ถ้าเราขายอยู่ร้านเดียว มันก็จะขายไม่ได้ ไม่มีใครมาสนใจ แต่ถ้าเรามีคนที่คล้ายๆ กัน อยู่ในตลาดเดียวกัน ก็จะกลายเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เราไปต่อได้ อย่างคลิปพากย์นรกแบบที่ตี้ทำ ตอนนี้มีคนทำเยอะมาก มันก็เป็นการบ้านของเราแล้วว่า จะทำยังไงต่อเพื่อให้ต่างจากคนอื่น”

อะไรคือความต่างที่คุณพูดถึง

“ถ้าพูดถึงชื่อปาร์ตี้ต้องนึกถึงความ ‘ฟีลกู้ด’ มันคือคอนเซ็ปต์และคาแรกเตอร์ที่ตี้ยึดถือมาตลอด ไม่มีใครที่มากดติดตามนักพากย์ฟีลกู้ดแล้วจะได้ความเครียดกลับไป”

ทำอย่างไรให้ตลกได้ตลอด

“เวลาคิดคอนเทนต์ เราจะพยายามไม่ซีเรียส ไม่กดดันตัวเอง เราจะเน้นทำคลิปที่เราชอบตัวเอง ชอบจังหวะ ชอบเสียง เพราะความเป็นธรรมชาติตามแบบฉบับของตัวเองจะพาเราไปข้างหน้าได้อย่างอัตโนมัติ และมันจะพอดีกับคนที่มาติดตามเรา ให้เขารู้สึกว่า นี่แหละ คือความตลกที่เขาต้องการ”

ความเป็นตัวเองเคย ‘แป้ก’ บ้างไหม

“บ่อย (หัวเราะ) แป้กในที่นี้คือแป้กกับตัวเองด้วยนะ ประมาณว่าทำอะไรวะ อยากกลับไปถ่ายใหม่จัง แต่ก็มองว่าความแป้กเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เพราะความผิดพลาดมันเป็นเสน่ห์ของความไม่กดดันตัวเอง”


เคยคิดไหมว่าจาก TikToker จะก้าวขึ้นสู่ครีเอเตอร์ระดับ Top

ใครจะคิดว่าวันหนึ่ง คนที่เล่น TikTok เพราะความซึมเศร้าในช่วงลาออกจากงาน จะก้าวสู่การเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ตัวท็อป เจ้าของรางวัล The Winner Best Entertainment & Lifestyle Influencer จาก Tellscore ได้

“ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ เพราะเราเล่น TikTok เพื่อคลายเครียด เยียวยาตัวเอง แต่กลายเป็นว่าพอได้ทำอะไรที่มันมีความสุขและเป็นตัวเอง มันดันเป็นเส้นทางที่พาเราก้าวเดินมาถึงจุดที่เคยฝัน คือการอยากมีบ้าน มีรถ มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้มองว่ารางวัลคือจุดสูงสุดของชีวิต เพราะเราถือว่าสตาร์ทช้ากว่าเด็กรุ่นใหม่ เลยมองว่ามันเป็นโอกาสใหม่ๆ มากกว่า”

เคยเสียดายไหมที่เริ่มเส้นทางนี้ช้ากว่าคนอื่น

“มีบางโมเมนต์นะที่คิดว่าแบบ เออ ทำไมฉันไม่ลาออกมาโฟกัสกับอันนี้ตั้งแต่แรกเลยนะ แต่ก็ไม่ได้เสียดาย เพราะเชื่อว่าทุกอย่างมีจังหวะของมัน ไม่ต้องไปเร่งรีบ ขอแค่ไม่หยุดทำและไม่หยุดพัฒนาตัวเอง มันก็จะพาเราไปถึงจุดที่ใช่”

ขอคำนิยามอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์ สไตล์นักพากย์ฟีลกู้ด

“ตี้มองว่าอาชีพคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ คือการต่อยอดโอกาสที่ได้รับจากโซเชียลมีเดีย ไม่มีใครเคยคิดว่าคนที่จบการแสดงมาจะได้ใช้วิชานี้เป็นเบื้องหน้าตอนอายุ 36 แล้ว ทั้งงานโฆษณา ละคร ซีรีส์ งานพากย์เสียง มาหมดเลย และที่สำคัญคือเราสามารถต่อยอดการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลเยียวยาตัวเอง ไปสู่การเยียวยาคนอื่นได้ด้วย ถือเป็นความสุขอีกอย่างที่ทำให้ตี้อยากทำคอนเทนต์ทุกวัน เพราะเรารู้ว่าเราทำเพื่อใคร”

ปิดท้ายด้วย 3 เรื่องราวที่ได้เรียนรู้จากการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์

  • ไม่ว่าจะเล่นแพลตฟอร์มไหน สิ่งที่ต้องยึดไว้ตลอดคือความสม่ำเสมอ เพราะ AI จะผลักดันเราให้กลายเป็น Top Creator ได้ในสักวันหนึ่ง
  • ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราได้ตลอด นอกจากความเป็นตัวเองและความคิดสร้างสรรค์
  • ถ้าอยากเอาดีด้านคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ต้องเอากฎเกณฑ์ที่เคยรู้และความคิดที่ว่า “ฉันทำไม่ได้” ออกไปให้หมด และกล้าลงมือทำ ไม่ต้องถึงกับพยายามเปลี่ยนโลก ไม่ต้องอยากดังตั้งแต่แรก แค่ทำสิ่งที่มีความสุข แล้วโอกาสจะค่อยๆ พาเราเติบโต

ขอขอบคุณสถานที่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ถอดบทเรียนจากประสบการณ์ของนักพากย์ฟีลกู้ดเพิ่มเติมได้ที่ Wanna Be Creator

ติดตาม ‘ปาร์ตี้ นักพากย์ฟีลกู้ด’ ได้ที่

Tiktok: papaparty_feelgood

YouTube: papaparty voice

Facebook: Papapartyvoice นักพากย์ฟีลกู้ด

Instagram: papapartyvoice