Culture

ศิลปะ สีสัน และแฟชั่นบนเรียวปากที่ไร้ขีดจำกัด "PiM COSMETIX" ลิปสติกที่ก้าวข้ามความเป็นคอสเมติก

“ลิปสติกกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน หากไร้ซึ่งสีสันบนริมฝีปาก ก็เหมือนขาดความสวยงามในชีวิตไป”

เพราะเพียงแค่คุณทาลิปสติกบนริมฝีปาก ก็สามารถเปล่งความสวยงามที่โดดเด่นและมั่นใจได้ในแบบที่คุณเป็น เหมือนกับที่ ‘คุณแม้ว – รัชนี นิมมานเทอดวงศ์’ และ ‘คุณไป – ธนา​ แสงศร’ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ ‘PiM COSMETIX’ เพราะเชื่อว่า สีสันจะช่วยสรรค์สร้างโลกให้สวยสดงดงาม การทาลิปสติกคือแฟชั่นและศิลปะอย่างหนึ่ง จึงเกิดเป็นแบรนด์ลิปสติกสัญชาติไทยที่โดดเด่นด้วยสีสันสดใส แปลกตา และไม่ซ้ำใคร โดยลงมือทำจากความชื่นชอบด้วยตัวเองทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน ทำให้ PiM COSMETIX ถ่ายทอดความสวยงามผ่านริมฝีปากและเรือนร่างของผู้หญิงมานานกว่า 6 ปี โดยมีให้เลือกมากกว่า 30 เฉดสี!

“ก่อนทำแบรนด์เราพัฒนาและทำสีประมาณ 2 ปีกว่า ตอนนั้นทำเป็นงานอดิเรก ควบคู่กับงานประจำของเรา เพราะเราชอบทำงานคราฟต์มาจนถึงจุดหนึ่ง พอรู้สึกว่าสูตรเป็นที่น่าพอใจ ก็ลองทำแบรนด์และต่อยอดกับมันดู”

แรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างแบรนด์คืออะไร?

"ตอนที่เราเรียนจบด้านศิลปะก็ทำงานเกี่ยวกับกราฟิกดีไซน์ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เราได้ไปเที่ยว ปาร์ตี้ เฟสติวัล เลยเริ่มเพ้นท์ตัวเองก่อน เพราะเราชอบเพ้นท์ เราก็ซื้อสีนีออนที่ใช้เพ้นท์สเปเชียลเอฟเฟ็กต์จากเมืองนอก และมันหายาก เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากหาสีมาใช้สำหรับตัวเองก่อน เพราะเราอยากได้สีที่ต้องการจริงๆ อยากลองผสมเอง ซึ่งตอนนั้นสีที่เราซื้อจากเมืองนอกไม่ตอบโจทย์สภาพอากาศเมืองไทย พอเจอความร้อนหรือเหงื่อสีก็ไม่ติดทน มันไม่เหมาะกับการออกแดดนานๆ หรือเวลาที่อยู่ในเฟสติวัลหลายชั่วโมง เราเลยพัฒนาสีเองมาประมาณ 2 ปีกว่า เริ่มทำสีลิปสติกและทำแบรนด์จริงๆ ในปี ค.ศ. 2017 ค่ะ" 

จุดเด่นของ PiM COSMETIX อยู่ที่ตรงไหน?

"เรื่องโทนสีสันค่ะ เพราะเราทำโทนสีที่ใช้เพื่องานศิลปะ มันจะมีทุกเฉดทุกโทนที่สามารถนำมาเพ้นท์ได้ การนำเสนอและกิจกรรมทุกอย่างของเราเป็นไอเดีย และเราออกแบบเองตั้งแต่แพ็กเกจจิงจนถึงตัวผลิตภัณฑ์ ส่วนกิจกรรมที่ทำออกมาก็ค่อนข้างเป็นตัวเราค่ะ"

เลือกทำ ‘ลิปสติก’ เพราะ?

"ลิปสติกเป็นสีที่โดดเด่นที่สุดในเครื่องสำอางของผู้หญิง เวลาคนแต่งหน้า การทาลิปสติกจะเป็นสีที่ชัดที่สุดบนใบหน้า และเรารู้สึกว่าลิปสติกมีความมหัศจรรย์คือ มันสามารถสะท้อนอารมณ์และตัวตนในตอนนั้น รวมทั้งรสนิยมของคนที่ทา แถมยังสามารถเปลี่ยนบุคลิกได้อีกด้วย เมื่อวานเราอยากจะเรียบเท่ แต่วันนี้เราอยากจะสวยหรู อยากจะดูอ่อนหวาน ซึ่งเราสามารถใช้สีลิปสติกเพื่อเปลี่ยนบุคลิกได้ เราก็เลยอยากเริ่มทำลิปสติกก่อน"

เพราะอะไรถึงทำลิปสติกแบบ Hand Crafted?

"จากพื้นฐานที่เรียนศิลปะ บวกกับเป็นคนที่ชอบทำงานฝีมือ เราเลยเริ่มศึกษาข้อมูลเหล่านี้ในเว็บนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ซึ่งสมัยก่อนเราต้องไปดูจากเว็บเมืองนอกหมดเลย เพราะในไทยยังไม่มีสอน เราก็เข้าไปศึกษาส่วนผสมของลิปสติกพื้นฐานว่าควรเป็นอย่างไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ทั้งแบบแท่ง แบบเหลว ตลับ หรือลิขวิด ซึ่งมันสนุกมากค่ะ เราไม่ใช้อุปกรณ์ที่ซับซ้อน ทำครั้งหนึ่งในปริมาณน้อยๆ เพราะเป็นสีที่แปลกเลยไม่ได้ทำสต๊อกไว้เยอะ เพื่อให้มันสดใหม่"

กว่าจะได้ลิปสติก 1 แท่ง ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง?

"ถ้าเป็นลิปสติกที่เป็นแม่สีเลย มันจะไม่ซับซ้อนมาก ถ้าอยากได้สีที่พิเศษก็ค่อยๆ ปรับไป หรือถ้าอยากให้มีกิมมิคมากขึ้น เช่น ใส่ชิมเมอร์เมทัลลิคจากผงไมก้าธรรมชาติ หรือใส่กลิตเตอร์ เราจะทำทีละน้อยๆ และค่อยๆ ทดสอบ ถ้าทำลิปสติกที่มีสีเรียบง่ายก็ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. บางสีอาจใช้เวลา 1-2 วัน เพราะเราแก้ไขจนกว่าจะได้เฉดสีที่พอใจค่ะ"

ที่มาของชื่อสีลิปสติกแต่ละเฉดคืออะไร?

"แต่ละสีจะมีคาแรคเตอร์ของตัวเอง บวกกับแรงบันดาลใจที่ได้จากการดูภาพยนตร์และละคร บางทีเราได้รับไอเดียจากชื่อตัวละคร สถานที่ หรือสิ่งของอะไรก็ได้ที่เราชอบชื่อ แล้วเอามาตีความ หรือเวลาฟังเพลง เราก็จะจดคำในเพลงหรือชื่อเพลงที่สวยงามเก็บไว้ แล้วเอามาเชื่อมกับชื่อสีที่เราคิดว่ามันเหมาะกับโทนสีที่เรามี ซึ่งมันเป็นการตีความในมุมมองของเราเอง เช่น สีขาว เราตั้งชื่อว่า 'Surreal' เพราะสีขาวเปรียบเหมือนผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับจินตนาการและเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสีสัน มันต่อยอดพัฒนาไปได้อีกมากด้วยจินตนาการที่ไม่สิ้นสุด หรือสี 'Crystal Castle' มาจากชื่อวงดนตรีแนว electronic punk สีนี้มีความพิเศษคือมันเหลือบประกายคริสตัล มันสามารถเปลี่ยนสีไปได้ตามมุมตกกระทบของแสง ทั้งแดง ชมพู ม่วง ฟ้า น้ำเงิน และได้แรงบันดาลใจมาจากสีสันของไฟในคอนเสิร์ต บวกกับจินตนาการแนวเทพนิยายแฟนตาซี อีกสีคือ 'Galantis' ชื่อมาจากดีเจศิลปินดูโอ้ เขาเป็นนักแต่งเพลงแนว electronic dance เราตีความสีนี้เป็นสีของห้วงอวกาศที่เข้มดำเหลือบประกายน้ำเงิน ใส่กลิตเตอร์เพิ่มความระยิบระยับ เหมือนดวงดาวในจักรวาล"

แพ็กเกจจิงได้ไอเดียการออกแบบมาจากอะไรบ้าง?

"เราออกแบบตัวแท่งลิปให้เหมือนผลึกครัสตัลจากความชอบส่วนตัวค่ะ เหมือนกับเครื่องประดับ ซึ่งข้อดีของรูปทรงเหลี่ยมมุมคริสตัลคือมันช่วยให้สีโทนเมทัลลิค ชิมเมอร์ หรือกลิตเตอร์ส่องประกายและเด่นชัดเวลาเจอมุมเหลี่ยมของตัวแท่ง ส่วนฝาขวด เราออกแบบเป็นรูปริมฝีปากน่ารักๆ ซึ่งมีรูให้ร้อยเป็นจี้สร้อยคอ เครื่องประดับ หรือพวงกุญแจห้อยกระเป๋าได้ หรืออะไรก็ได้ตามจินตนาการของคนใช้งาน ดีไซน์ค่อนข้างเปิดกว้างเพราะเราอยากให้คนสนุกไปกับมัน ทั้งการทาสีและการใช้งาน"

เทคนิคง่ายๆ ในการเลือกสีลิปสติกคือ?

"สีสันและโทนการแต่งหน้าให้ตัวเองก็จะเลือกให้เหมาะกับอารมณ์ของวันนั้นเลยค่ะ ดูสถานที่ ผู้คนที่เราจะไปพบเจอ และการแต่งตัวของเรา เพราะถึงแม้จะเรียนศิลปะมา เราก็เป็นคนที่ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์อะไรเลย หลักๆ จะเลือกสีให้เหมาะกับโทนเสื้อผ้า และที่สำคัญคือเลือกสีที่ทาแล้วมั่นใจ"

Must Have Item ของ PiM COSMETIX ที่อยากแนะนำคืออะไร?

"มีประมาณ 5 สี ซึ่งเป็นสีที่เราชอบค่ะ คือ 'Crystal Castle' เพราะเป็นสีที่มีมิติสูงมากและเปลี่ยนเฉดได้ 5 เฉด สีที่ 2 คือ 'Galantis' พื้นสีดำทำให้กลิตเตอร์ระยิบระยับมาก สี 'SteamPunk' เป็นสีทองเมทัลลิคที่มีส่วนผสมของสีทอง ทองแดง โรสโกลด์ ผสมกับประกายของกลิตเตอร์ สี 'Mermania' สีเขียวมินต์เมทัลลิค ซึ่งเราได้แรงบันดาลใจมาจากหางนางเงือก มีความเหลือบหลายเฉดและมีกลิตเตอร์ สีสุดท้ายที่เราใช้บ่อยมากๆ คือ 'Surreal' สีขาวแมตต์ที่ใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ เป็นสีที่ลงบนผิวแล้วเข้าได้กับทุกสี และสามารถผสมกับสีอื่นเพื่อปรับเฉดได้ด้วย"

“เราจะทาปากสีน้ำเงิน สีเขียว หรือสีเหลือง มันก็เป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง ซึ่งการสร้างความสุขให้ตัวเองกับผู้คนที่พบเจอด้วยสีสันสดใส เราว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปแล้ว”

ลิปสติกสีสันแฟนซี คนใช้ต้องกล้าและมั่นใจในตัวเองใช่หรือไม่?

"มันเป็นเรื่องความชอบและรสนิยม เราเห็นน้องบางคนขี้อาย เก็บตัว แต่เขาชอบแต่งหน้าแนวแฟนซีเหมือนกันนะ เขาอาจจะแต่งแล้วไม่ได้ออกไปเจอผู้คนในที่สาธารณะ อาจจะถ่ายรูปเก็บไว้ดูส่วนตัวก็ได้ เพราะทุกวันนี้มันเปิดกว้างมากๆ กับความหลากหลาย ทุกคนสามารถมีอิสระในการแต่งตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลอะไรมาก แค่เราเปิดใจทำในสิ่งที่อยากทำและมีความสุขก็พอแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องอายหรือเขินอะไร"

สีลิปสติกที่แปลกที่สุดของ PiM COSMETIX คือ?

" 'Crystal Castle' เพราะเหลือบหลายสี และ 'Mermania' ค่ะ เพราะเป็นสีที่มีหลายมิติ น่าสนใจ น่าค้นหา มีความแวววาวของเมทัลลิคและโลหะ ประกายชิมเมอร์ที่ละเอียดหรูหรา และมีความโดดเด่นของกลิตเตอร์ ลูกค้าก็จะซื้อไปใช้งานในวาระพิเศษหน่อย แต่งแดร็กควีน งานถ่ายโฆษณา หรือซื้อไปใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ได้ทาปาก เพราะมันสามารถทำเป็นอายไลน์เนอร์ได้ด้วย หรือเบลนด์เป็นเบสก่อนลงอายแชโดว์ เพราะการใช้งานของเราไม่มีกฎเกณฑ์อะไร ขึ้นอยู่กับความถนัดและเทคนิคของแต่ละคน"

“ศิลปะมีชีวิต เพราะมนุษย์มีอารมณ์ ความรู้สึก บุคลิก ซึ่งต่างจากศิลปะบนกระดาษหรือแคนวาส”

ถ่ายทอดศิลปะมีชีวิต ผ่านการทำงาน Body Art 

"Body Art คือศิลปะที่มีชีวิต ไม่เหมือนกับเพ้นท์ลงกระดาษหรือแคนวาส เพราะร่างกายของมนุษย์เป็นสิ่งที่สวยงาม เหมือนผืนผ้าใบที่มีชีวิต เวลาเราเพ้นท์สีสันลงไปบนร่างกายก็เหมือนได้ใช้ชีวิตกับศิลปะอย่างแท้จริง พอมีการเพ้นท์บนหน้า แขน มือ หรือส่วนใดๆ ก็ตาม แล้วออกไปใช้ชีวิตของเรา มันก็คือการแบ่งปันศิลปะอีกรูปแบบหนึ่งโดยไม่ต้องเข้าแกลเลอรี เพราะตัวเราคือแกลเลอรี นี่คือสิ่งที่เราต้องการสื่อสารค่ะ"

“เวลาเราเพ้นท์หน้า ภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับคนที่มาเพ้นท์ พอเขามองกระจกแล้วมีรอยยิ้ม ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้วที่ทำให้เขามีความสุขได้”

อะไรคือเกณฑ์การเลือกโทนหรือเฉดสี ในการทำ Body Art?

"ถ้าเลือกโทนสีทำงานให้ลูกค้าหรือเฟสติวัล เราจะดูคอนเซ็ปต์ของงานแล้วตีความก่อน จากนั้นก็มาสเก็ตช์ตัวลวดลายกราฟิก และดูองค์ประกอบอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าหน้าผม สถานที่ และการจัดไฟ เพราะบางครั้งก็มีไฟที่พิเศษกว่าแสงไฟขาวธรรมดา อย่างไฟแบล็คไลท์ เราก็สามารถเลือกสีนีออนเพื่อเล่นกับไฟแบล็คไลท์ หรือใช้สีล่องหน ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าในแสงปกติ สมมติว่าได้ธีมสัตว์ป่า เราก็อาจจะออกแบบเป็นลายเสือโคร่งหรือเสือดาว ซึ่งโทนสีปกติคือส้มดำ แต่พอเป็นแบบแฟนซี มันจะเป็นอะไรก็ได้ ซึ่งอาจออกแบบผสมผสานกับสัตว์ชนิดอื่น เช่น ลวดลายนกยูง"

การทำ Art Exhibition หรือ Festival ของ PiM COSMETIX มีอะไรบ้าง?

"เราใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการรับโจทย์ ตีความ และร่วมกันออกแบบ ซึ่งจะมีเรากับสามีช่วยกันทำงานและคิดคอนเซ็ปต์ ตัวอย่างงานเฟสติวัลที่เราไปร่วม ชื่อ ‘มหรสพเฟสติวัล’ ในปี ค.ศ. 2019 ธีมงานคือสรวงสวรรค์สไตล์กรีก เรากับสามีเลยเอามาตีความแบบใหม่ เพราะต้องออกแบบบูธของเราเอง สุดท้ายก็เลือกใช้ความเป็นไทยและสีสันฉูดฉาด ออกมาเป็นสไตล์กรีกผสมลิเกที่มีการตกแต่งทั้งเสากรีกโรมันและโทนสีฉูดฉาด มันจะเข้ากันได้ดีกับทีมงานของเราที่แต่งตัวแฟนซีสดใส น้องๆ แดร็กก็จะแต่งเป็นเทพต่างๆ เซนต์เซย่า เจ้าแม่กาลี ฯลฯ สนุกสนานและเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจค่ะ"

ผลงานที่ชื่นชอบและประทับใจคือ?

"งานที่เราได้ไปโชว์เคสคือเฟสติวัลชื่อ ‘Episode’ จัดที่เวียดนาม เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปโชว์เคสที่ต่างประเทศ ซึ่งได้เชิญศิลปินไปทำงานด้วยอีก 2 คน ความสนุกคือ เป็นเฟสติวัลที่อยู่ริมหาด เราได้เพ้นท์นางแบบที่เป็นอาสาสมัครจากในงานนี้ ถือว่าค่อนข้างประทับใจ เพราะเป็นการทำงานต่างประเทศครั้งแรกของเราเลย และได้ร่วมงานกับเพื่อนซึ่งเป็นศิลปินที่เก่งมาก ทุกอย่างเราวางแผนและ improvise หน้างาน"

“สีที่สดใสสร้างพลังให้กับเราเหมือนยาปลุกใจ เพราะฉะนั้น สีมีพลังช่วยสร้างความรู้สึกให้เรามีชีวิตชีวา เพราะการที่คนเราลุกขึ้นมาทำให้ตัวเองสนุกสนานสดใสด้วยสีสันเป็นสิ่งที่ดี”

จริงไหมที่สีสันไม่มีการแบ่งเพศ?

"เราไม่ได้ยึดติดกับเพศสภาพอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เวลาเราร่วมงานกับศิลปินคนไหนก็จะดูที่ผลงานของเขา เราไม่ได้สนใจว่าเพศสภาพเขาคืออะไร เราจึงร่วมงานกับแดร็กบ่อยมาก เพราะชอบการทำงานของเขาที่มีการเพอร์ฟอร์ม การแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม เต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชื่นชมมาก สีไม่มีการแบ่งเพศอยู่แล้ว ใครจะใช้สีอะไรก็ได้ ยิ่งเปิดกว้างก็ยิ่งทำให้คนเรามีความสนุกสนาน สร้างความสุขให้ตัวเองมากกว่าเดิม"

ถ้าในโลกนี้ไม่มีลิปสติก จะเป็นอย่างไร?

"เราอาจสร้างแฟชั่นขึ้นมาใหม่โดยไม่ได้ใช้วิธีการทาสีลงบนปาก เราอาจตกแต่งริมฝีปากด้วยวัสดุอื่นๆ เช่น เอาดอกไม้แห้งมาติด ใช้เครื่องประดับหรือกระดาษพิมพ์ลายสวยๆ ซึ่งมันก็คือแฟชั่นและการตกแต่งที่ทำให้เราดูสวยในแบบที่เราเป็นได้ หรืออย่างง่ายๆ คือ ใช้อะไรก็ได้ที่ให้สีจากธรรมชาติ อย่างกุหลาบที่บดให้เป็นน้ำสีแดงๆ ก็เอามาแต้มได้"

PiM Cosmetix ช่วยเปิดประสบการณ์ให้ตัวเองมากน้อยแค่ไหน?

"สิ่งที่เราได้จากลิปสติกหรือสีเพ้นท์คือ มันช่วยเปิดโอกาสให้เราได้ทำงานกับผู้คนหลากหลาย �