'ซอฟต์บอย' หนึ่งในค่านิยมของผู้ชายในโลกสมัยใหม่ ถ้าพูดให้เห็นภาพแบบง่ายๆ พวกเขาก็คือผู้ชายผิวสวยหน้าใส แต่งตัวด้วยเสื้อผ้า unisex ฟังเพลงนอกกระแส สนใจความเคลื่อนไหวทางสังคม แฮชแท็กสนับสนุนเฟมินิสต์ อ่านหนังสือลึกซึ้ง สนใจปรัชญา ชื่นชมศิลปะ สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ เป็นหนุ่ม sensitive และกล้าที่จะแสดงออกถึงคุณลักษณะที่แตกต่างจากค่านิยมผู้ชายแบบดั้งเดิม ถ้ายกตัวอย่างบุคคลที่มีภาพลักษณ์ภายนอกแบบนี้ก็คือ 'Timothée Chalamet' 'Noah Centineo' และ 'Harry Stlyes' (ภายหลังเริ่มฉีกออกจากภาพลักษณ์นี้แล้ว)

Thimothée Chalamet / Noah Centineo / Harry Styles

Photo Credit: L'officiel USA / Elle

ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกประเด็นที่หลายคนคาดไม่ถึงเกี่ยวกับซอฟต์บอย นั่นก็คือ ซอฟต์บอยกับการกลายเป็น ‘The New F*ck Boy’ ในโลกเดทติ้งปัจจุบัน, การอ่อยด้วยอิมเมจซอฟต์บอย (Softboy Baiting) และค่านิยม Softboy ของผู้ชาย Gen Z

Softboy is the new F-Boy?

อย่างที่เราได้อธิบายความหมายของ Soft Boy ไปข้างต้น หนุ่มๆ เหล่านี้ยังมีมุมของความพร้อมในการรับฟังคนอื่น เหมือนจะเป็นคนที่ดีรอบด้าน มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ แต่อีกมุมพวกเขาก็เป็น ‘เจ้าพ่อของการปั่นหัวคน’ ด้วยการใช้ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยเพื่อชักใยให้คนรัก คนคุยของเขาทำทุกอย่างที่เขาต้องการ"

ฟังดูดาร์กและชวนตั้งคำถามว่ามันขนาดนั้นจริงๆ เหรอ แต่ปรากฏการณ์เหล่านี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่คนในโลกออนไลน์ออกมาแชร์กันว่า มันมีอยู่จริง ทุกท่านอาจจะลองโหลดแอพนัดเดทสีแดงแล้วสำรวจโลกแห่งการเดทติ้งดูเพิ่มเติมก็ได้ว่าจะพบกับหนุ่มๆ ในลักษณะเหล่านี้หรือไม่ หรือไม่ก็ลองไถคอนเทนต์ในโลกโซเชียลดูก็ได้ รับรองเลยว่าคุณจะเจอเหล่า Softboy (หรือ F-Boy) ได้ง่ายๆ แน่นอน

เมื่อลองชำแหละลึกลงมาอีกหน่อย F-Boy สายละมุนเหล่านี้มักจะเป็นคนที่เชื่อ และพยายามสร้างภาพให้คนอื่นเห็นว่าเขาคือ 'nice guys' ในโลกศตวรรษที่ 21 เพียงเพื่อจะให้ได้ผู้หญิงที่เขาต้องการมาเป็นแฟน หรือในบางครั้งก็แค่เซ็กส์ การใช้คำบอกเล่าว่าฉันเซนซิทีฟ กล้าที่จะเปิดเผยด้านที่อ่อนไหว เข้าใจผู้หญิง รับฟัง เป็นห่วงเป็นใยในความรู้สึกอีกฝ่ายนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือในการ ‘อ่อยสาว’ และ ‘อ่อยสื่อ’

สิ่งที่อันตรายของคนเหล่านี้คือ พวกเขาเป็นตัวพ่อในการสร้างแผลใจให้กับผู้หญิง และมีเจตนาข้างในที่เป็นคนละขั้วกับความซอฟต์ที่เห็นภายนอก (ตัวอย่างซอฟต์บอยวอนนาบี หรือ nice guys สามารถพบเห็นได้ในหนังอย่าง Promising Young Woman และ Do Revenge)

Photo Credit: ScreenQueens / imdb

‘Softboy’ กับภาพ และการแสดงตัวตนเพื่อขายตลาดทุนนิยมสีรุ้ง

การสร้างภาพของซอฟต์บอย เพื่อสร้างยอดผู้ติดตาม และกระแสความสนใจทางโซเชียลมีเดียนั้น เป็นอีกหนึ่งสูตรสำเร็จที่เห็นได้บนบนสื่อออนไลน์ จนเกิดเป็นลักษณะของ ‘ซอฟต์บอยวอนนาบี’ ขึ้นมา ไม่ว่าผู้ชายเหล่านี้จะทำตัวเป็นซอฟต์บอยเพื่อให้ได้ประโยชน์บางอย่างทางสังคม หรือเขาเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ตาม แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าภาพลักษณ์ของหนุ่มนุ่มนิ่มสามารถสร้างโอกาสโดยอาศัยค่านิยมในอุดมคติแบบใหม่ของผู้ชายเพิ่มคุณค่าในตัวเองได้อย่างแนบเนียน

ในตลาดทุนสีรุ้ง (Rainbow Capitalism) ที่เน้นทำตลาดกับกลุ่มผู้หญิงที่สนับสนุนความเท่าเทียม และ LGBTQ+ ภาพของซอฟต์บอยนั้นตอบโจทย์กลุ่มตลาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นลุคที่มีความเควียร์ ดูเปิดกว้าง ขายจิ้น พร้อมกับการ call out ความเสมอภาค บวกกับท่าทีที่ดูเข้าอกเข้าใจในประเด็นเรื่องเพศ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าเจน Z สาย woke ตกหลุมพรางได้อย่างง่ายดาย

ทำไม ‘ซอฟต์บอย’ ถึงกลายเป็นที่ต้องการ และเป็นค่านิยมของผู้ชายในโลกสมัยใหม่

ซอฟต์บอยที่ถูกกล่าวถึงในบทความนี้คือ การวิพากษ์วิจารณ์คนที่ใช้ภาพจำ หรือตัวตนการแสดงออกทางสังคมฉกฉวยผลประโยชน์จากผู้หญิง และชุบตัวเพื่อขายตัวเองในตลาดทุนนิยมสีรุ้ง ทั้งที่เบื้องหลังพวกเขานั้นไม่ได้สนับสนุนความเท่าเทียม และไม่ได้ปฏิบัติกับคู่เดทอย่างนุ่มนวลเหมือนกับภาพลักษณ์ภายนอกของพวกเขา

ต้องบอกก่อนว่า ถ้าคุณนิยามตัวเองเป็นซอฟต์บอยแล้วสบายใจ ไม่ได้ทำเรื่องเดือดร้อนแก่ใครก็จงทำต่อไป หรือวันหนึ่งวันใดที่ไม่อยากนิยามแล้วก็ไม่ต้องนิยาม และได้โปรดอย่าพยายามเป็นซอฟต์บอยเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ หรือความสัมพันธ์ถ้ามันไม่ใช่ตัวตนของคุณ

หากพบเห็นเหล่าซอฟต์บอยวอนนาบีที่หากินกับภาพลักษณ์นี้ทั้งที่ไม่แม้แต่จะพยายามเข้าใจความเท่าเทียม พวกเราก็ควรจะช่วยกันตรวจสอบ ตักเตือนเพื่อนรอบตัวว่า อย่าอินเกิน ดูดีๆ ก่อนว่าเขามีเจตนาอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อน หรือเราเองเข้าไปติดกับดักความสัมพันธ์เป็นพิษจากเหล่าซอฟต์บอยวอนนาบี ทั้งในโลกเดทติ้ง และโลกมีเดีย

โลกทุกวันนี้ต้องการซอฟต์บอยกันมากขึ้น เพราะสังคมส่วนใหญ่กำลังเบื่อหน่ายกับค่านิยมดั้งเดิมของผู้ชาย ที่ประกอบสร้างให้ผู้ชายกลายเป็นคนที่ไม่มีความเข้าอกเข้าใจทางอารมณ์ กรอบความเป็นชายแบบโลกเก่ามันไม่โอบรับต่อพวกเขาอีกแล้ว ถ้ามาดูกันจริงๆ อย่างเรื่องผู้ชายห้ามร้องไห้เนี่ย มันก็ออกจะล้าหลังไปหน่อย เพราะถ้าผู้ชายอยากจะร้องไห้ ก็ควรได้ร้อง แถมค่านิยมผู้ชายแบบเก่านี้ยังผลิตซ้ำให้เกิดความรุนแรงทางเพศด้วย เพราะมันกดดันให้ผู้ชายต้องเป็นอะไรสักอย่างที่ห่างไกลจากการเป็นมนุษย์ธรรมดา ที่สามารถบอกเล่าความรู้สึกของตัวเอง และเข้าอกเข้าใจความรู้สึกคนอื่น

ถ้าหากโลกยังขับเคลื่อนด้วยบทบาททางเพศแบบเดิม โลกเราก็จะไม่สามารถพัฒนาไปถึงจุดที่อาชญากรรมและความรุนแรงทางเพศน้อยลง คนมีอิสระได้เป็นตัวเอง และคนทุกเพศมีความเท่าเทียมที่จะเลือกนิยาม หรือไม่นิยามตัวเองก็ได้ตามที่สะดวกใจ

ซอฟต์บอยเป็นเพียงหนึ่งในค่านิยมทางวัฒนธรรมอันหลากหลายที่เกิดขึ้นมา เพราะโลกต้องการผู้ชายที่กล้าจะเป็นตัวของตัวเอง กล้าที่จะรู้สึก เข้าอกเข้าใจคนอื่น ไม่ผลิตซ้ำพฤติกรรม หรือกรอบแนวคิดของผู้ชายที่เคยกดทับ จนเป็นพิษต่อพวกเขาเอง และสังคมอย่างที่เป็นมาในอดีต

อ้างอิง

Cosmopolitan

Glamour Magazine UK

LGBTQ and All