Late Night Dance Club ผนึกความหลงไหลของราตรีบรรจุลงในเสื้อผ้า

Street Label ‘Late Night Dance Club’ is All About Circular Fashion and Passion

ดึกดื่นแบบนี้ คุณกำลังหมกมุ่นกับอะไรอยู่?

ถ้าคุณยังเป็นคนที่กำลังเปิดคลังแสง หยิบจับ และหาทำในเรื่องที่คุณชอบอยู่ ขอเชิญทุกคนเข้าสมาคม Late Night Dance Club แหล่งรวมพื้นที่ของคนนอนดึกที่ต่างก็มีกิจวัตร และปลดปล่อยพลังงานชีวิตไปกับสิ่งที่คุณชอบเช่นเดียวกับ ท็อป - กิตติฑัตย์ โควหกุล และ ตุ้ม - ศุภนารถ ฮุนตระกูล เจ้าของแบรนด์ Late Night Dance Club หรือ LNDC เสื้อผ้าแนวสตรีทสุดเท่ ผู้ที่คลั่งไคล้และหลงใหลในยามวิกาล ได้หลีกหนีจากโลกภายนอก และสาดไอเดียที่ตัวเองมีลงไปใน LNDC ได้อย่างเต็มที่

คลังแสง LNDC

ท็อปเป็น Marketing Manager & Creative Director อยู่ที่ Carnival ร้านแฟชันใจกลางเมืองที่เอ่ยชื่อถึงที่ไหน คนต่างก็ต้องเคยได้ยินกันหนาหู ทำให้เขาเติบโต วนเวียน และเห็นการเปลี่ยนผ่านโลกแฟชันอยู่เสมอ ในหลายๆ ครั้งเขามองเห็นการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของแฟชันที่รวดเร็ว จนการริเริ่มแบรนด์ของตนเองในครั้งนี้ ไม่ได้คิดอยู่บนเทรนด์ของแฟชันเลยด้วยซ้ำ แต่เขามีแนวคิดที่เกิดจากความชอบส่วนตัวล้วนๆ “แค่เราชอบ คนอื่นก็น่าจะชอบ” (หัวเราะ)

“เราลองหยิบสไตล์ที่ชอบมาทำเป็นแบรนด์ของตัวเองเลย โดยมีพื้นเพมาจากคอมมูนิตี้ที่เราชอบ คือ Dance Community หรือ Hip-Hip Community เพราะฉะนั้นสิ่งพวกนี้มันเป็นคัลเจอร์ ที่ผมมีมาตั้งแต่แรกๆ ผมเลยลองมาทำเป็นเสื้อผ้าดีกว่า”

แบรนด์เสื้อผ้าสตรีทนี้ เป็นแบรนด์ที่ท็อปกับแฟนของเขาเริ่มก่อร่างสร้างตัวได้เพียง 1 ปีกว่าๆ อีกทั้งยังเปิดตัวแบรนด์ในยุคช่วงโควิด-19 ด้วย ดังนั้น สิ่งนี้จึงไม่ใช่อาชีพหลักที่สามารถทำกำไรและทำเงินให้เขาได้ขนาดนั้น แต่ LNDC เปรียบเสมือนส่วนผสมของความรักและความชอบของเขาล้วนๆ ที่มีไฟฝันในการจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเข้าไปซัพพอร์ต Sub-Culture ที่ตนเองรัก และถูกผนึกความรักและความชอบที่เขามีบรรจุลงในเสื้อผ้า

“การที่เรามีสามารถซัพพอร์ตซึ่งกันและกันได้เนี่ย มันจะเป็นโมเดลที่ทำให้เกิดสังคมที่เป็นวงกลม คนนี้มีเสื้อผ้าช่วยซัพพอร์ตตรงนี้ได้ มันทำให้เกิดการซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นตัวแบรนด์มันถูกก่อตั้งมาแบบนี้เลย เราอยากช่วยซัพพอร์ตคนกลุ่มนี้มากๆ กลุ่มที่เป็น Sub-Culture ในสังคม”

เสน่ห์ของแบรนด์

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าเสื้อผ้าล้วนเท่ากับความอินเทรนด์ ความทันยุคสมัยอยู่เสมอ และเมื่อท็อปเองต่างไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เป็นตัวตั้งเลยด้วยซ้ำ 

“เรารู้สึกว่าทุกอย่างมีความเสี่ยงเสมอนะ การทำตามเทรนด์ก็อาจจะไม่เวิร์กก็ได้ สมมติคนฮิตและอินเสื้อผ้าแนวนี้มาก ตอนนี้มันขายได้จริง และมีคนใส่เยอะ แต่ถ้าเทรนด์มันหายไปล่ะ เสื้อตัวนี้อาจจะไม่ถูกหยิบมาใส่เลยก็ได้นะ เราแค่อยากให้คนซื้อของเรา เพราะเขาถูกใจมันจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยดีไซน์หรืออะไรก็ตาม”

“เสน่ห์มันเป็นเรื่องที่พูดยากครับ แต่แบรนด์ของผม ผมอยาก Present ออกมาให้คนเห็นแล้วพูดว่าอันนี้น่ารักอ่ะ มันไม่จำเป็นต้อง Touch ความรู้สึกของทุกคนก็ได้นะ แค่บางคนก็ได้ แค่คนที่ชอบอะไรเหมือนกันๆ ก็พอ เนี่ยแหละเสน่ห์”

ในฐานะเจ้าของแบรนด์ เขาอยากให้เสื้อผ้าที่ทุกคนซื้อออกไป ถูกใช้ไปนานๆ เขาจึงอยากให้แบรนด์ของเขามีคุณค่ากับที่ได้นำไปใส่ อยากให้คนคิดถึงเวลาจะหยิบชุดตัวเก่งออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก หรือได้ทำกิจกรรมที่มันพิเศษ มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าเสื้อของเขาเองถูกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ที่ผ่านการใส่ออกไปข้างนอก เพราะมันช่วยดึงคุณค่าของแบรนด์อย่างที่เขาตั้งใจไว้

“ถ้าวันหนึ่งเกิดเบื่อเสื้อตัวนี้แล้ว ผมมีแผนว่าอยากให้เขาส่งเสื้อเหล่านั้นมาให้เรา เดี๋ยวเราจะทำการ design แบบสุ่มกลับไปให้ใหม่ โดยลูกค้าเสียเพียงแค่ค่า Production ที่เกิดขึ้น”

Heart Label Collection – จึงเป็นคอลเลคชั่นที่มีความตั้งใจอยากให้แผนของเสื้อผ้ามันวนลูปเป็นวงกลม เพราะในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า มีความเสียหายอยู่เยอะมาก เขาจึงเลือกนำเสื้อที่เคยถูกทำแล้วมีตำหนิ หรือถูกนำไปใส่ถ่ายแบบแต่ไม่ได้วางขาย มาดีไซน์ให้เกิดเป็นงานชิ้นใหม่ขึ้นมา หรือแม้กระทั่งการที่ส่งเสื้อผ้ากลับมาให้ทางร้านดีไซน์ใหม่ โดยที่คนก็อาจไม่สามารถเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเสื้อผ้าชิ้นนี้ และมันอาจจะเป็นเพียง 1 ชิ้นบนโลกนี้ที่ถูกทำให้เกิดขึ้นเลยก็ได้ ถึงแม้จะเบื่อเสื้อตัวนี้แล้วแต่ท็อปก็ยินดีที่จะให้ทุกคนกลับมาทำใหม่ได้ เพราะเขาอยากให้ผู้ซื้อเกิดความตื่นเต้นและตกหลุมรักในเสื้อตัวเดิมๆ ของเขาเสมอ

ท็อปบอกเราว่าเสื้อผ้าของทางร้านจะมีประโยคที่เป็นหัวใจหลักของร้าน คือ ‘If you don’t need anymore you can give to someone else’ หากคุณไม่ได้อยากได้เสื้อตัวนี้อีกต่อไปแล้ว จงอย่าคิดมากและนำมันไปให้ใครสักคนก็ได้ 

“เพราะการให้ใครสักคนหนึ่งมันมีความสำคัญ มันมีคุณค่าที่ได้ส่งต่อไปยังอีกคน เรามีแนวคิดมาจาก Toy Story เลย เหมือนกับที่แอนดี้ได้ส่งต่อกล่องของเล่นให้คนอื่น วู้ดดี้ก็จะมีคุณค่าต่อเด็กคนอื่นต่อๆ ไป” ท็อปเสริม

แรงบันดาลใจที่อยากส่งต่อ

เมื่อพูดถึงเรื่องศิลปะกับประเทศนี้ ท็อปกับเราถึงกับถอนหายใจ เพราะประเทศนี้อาจไม่ได้ให้ค่ากับเรื่องศิลปะ หรือเราแทบจะไม่ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัวเลยด้วยซ้ำ 

“ประเทศนี้มันทำให้เราไม่กล้าทำอะไรเลย เราไม่มีศิลปะแขนงใหม่ เราไม่มีกลุ่มคนที่ออกทำอะไรใหม่ เราอยากให้มันเกิด Sub - Culture เยอะๆ หรือมี Story ดีๆ แชร์ให้กัน แบบตรงนี้เก้าอี้ใหม่สวย รถไฟฟ้าขบวนนั้นมีกราฟฟิกตี้ ตรงนั้นมีคนเล่นดนตรี ตรงนี้มีกลุ่มเต้น”

“มันกลายเป็นคนกลุ่มเรากันเองที่ต้องคิดอะไรให้ประเทศ เพื่อให้คนมองว่าประเทศไทย เจ๋งว่ะ เมืองไทยมีแบรนด์เสื้อผ้าแบบนี้ด้วยนะ เมืองไทยมีเฟสติวัลแบบนี้ด้วยนะ เพราะคนพวกนี้เขาเอาไอเดียแบบนี้มาต่อกลอนกับคนทั้งโลกเลยนะ เพราะเราไม่เคยคิดแข่งจะกับใครในประเทศเลย แต่เรากำลังคิดว่าเราแข่งกับคนทั้งโลก ถ้าเขาได้เห็นศักยภาพของประเทศไทยมันไม่ได้ธรรมดาเลยนะ”

“สิ่งที่ผมทำแบรนด์เสื้อผ้าก็เหมือนหนีความจริงนะ เหมือนเราทำออกมาเพื่อระบายอารมณ์เฉยๆ เลยอ่ะ ถ้าทุกคนต้องการจะหลีกหนีพื้นที่แบบนั้น พยายามหาพื้นที่ใหม่แบบนี้เหมือนกัน ผมก็อยากให้ทุกคนได้มีพื้นที่แบบนี้ด้วย”

“เวลาคนเห็นแบรนด์เรา ไม่ต้องซื้อก็ได้ แต่เห็นแล้วเขาอยากทำแบรนด์ขึ้นมา ผมอยากให้เป็นแบบนั้น เห็นแบรนด์นี้แล้วรู้สึกน่ารักอ่ะ ผมรู้สึกดีนะ มันเหมือนเราทำอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้วให้แรงบันดาลใจคนอื่น มันสำคัญนะ ผมอยากให้เขามีแรงบันดาลใจในประเทศนี้ กล้าที่จะทำ กล้าที่จะลอง กล้าออกจากพื้นที่ของตัวเอง เหมือนกับว่าฉันกล้าที่จะเสี่ยงในสิ่งที่ฉันรัก ฉันชอบ ฉันก็ทำเลย”

Late Night “….” Club

“จริงๆ แล้ว Late Night Dance Club มันมาจากคนที่หมกมุ่นกับอะไรดึกๆ ดื่นๆ กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนไม่อยากไปนอน เหมือนดึกๆ ก็ยังนั่งทำมันอยู่”

ท็อปยกตัวอย่างไปถึงความชอบของตัวเองที่ได้เต้น แม้จะดึกดื่นก็ยังออกมาเต้นได้อย่างไม่หยุดพัก เต้นแบบไม่รู้จักเหนื่อยเลยด้วยซ้ำ ทุกคนล้วนออกมาเต้นและแสดงออกทางความรู้สึกด้วยภาษากายผ่านการเต้น ดังนั้น การเต้นจึงเป็นสื่อกลางหลักที่เชื่อมความสัมพันธ์ของคนใน Community เข้าด้วยกัน เพราะการเต้นจึงเกิดเป็น Late Night “Dance” Club ในรูปแบบของท็อปนั่นเอง 

“มันเป็นเรื่องตลกเหมือนกันนะ แค่เราอินกับเรื่องหนึ่งมากๆ ไม่จำเป็นต้องเต้นเหมือนผมอย่างเดียว แค่คุณชอบดูซีรีส์ เขียนบท หรือทำอะไรก็ตามเพราะ Late Night มันเป็นช่วงเวลาของความเป็นศิลปิน มันให้ความรู้สึก โหหหห ดึกขนาดนี้ยังทำอยู่เลยหรอเนี่ย”

การมีช่วงเวลาดึกดื่นของแต่ละคนจึงแตกต่างกันออกไป ไม่จำเป็นต้องเป็นเต้นก็ได้ แค่เราได้มีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราชอบดู ชอบทำ หรือชอบฟัง ก็เพียงพอที่จะเป็นความชอบของเราแล้ว ดังนั้นคุณสามารถเติมช่องว่างตามแต่คุณจะพึงประสงค์ Late Night “….” Club ช่วงเวลาของคุณมาถึงแล้ว…

ติดตามและอัปเดตแฟชันแนวสตรีทสุดเท่ทั้งหมดได้ที่ Late Night Dance Club, latenightdanceclub

What are you doing up in the wee hours of the night?

If you’re the kind of person who likes to burn the midnight oil doing what you love, Bangkok-based fashion label Late Night Dance Club (LNDC) might just be the vibe you’re after. Founded by กิตติฑัตย์ “Top” โควหกุล and ศุภนารถ “ตุ้ม” ฮุนตระกูล, LNDC caters to those who prefer the nighttime solace to the outside world.

Following their own trends

As a marketing manager and creative director of the famed sneakers store Carnival, Top has seen first-hand how quickly trends shift in the fashion world. He and his partner wanted to found a label that’s based on their own interests and preferences, not on trends. “Because I like it, other people might like it as well”, he says with a laugh.

“We take the styles we like and turn them into a brand. It’s pretty much based on all these subcultures and communities we love such as dance and hip-hop communities.”


Launched just over a year ago in the middle of the pandemic, LNDC is purely a passion project for the two founders. It’s the way for them to express their mutual love for their favorite subcultures.

“When we support one another, it will create this circular model where we can rely on one another. That’s our brand’s ethos. We want to make sure that we provide that kind of support to those within those subcultures.”

What makes LNDC stand out?

“I think that there’s risk in everything. Following trends doesn’t mean you will be a successful brand. Trendy clothes may sell well, but what happens when the hype fizzles out? They won’t probably be worn again. We want people to buy our stuff because they love our design.”

“I want to make people go “That’s cute” when they see what LNDC has to offer. I don’t even care if it doesn’t please everyone as long as it strikes a chord with those who share the interests as ours. I think that’s what makes our brand special.”

As one of the brand owners, Top wants to see his clothes being worn time and again. He wants his customers to get their money's worth and think of his clothes whenever they’re about to get dressed up for various occasions. 

“We have this campaign where customers can send us the pieces that they no longer enjoy. We’ll pick a new design by random and send it back to them at a small production cost.”

This brings us to LNDC’s Heart Label Collection. Top explains that his awareness about the impact of the fashion industry has led him to the collection that promotes circular fashion. He approaches this by breathing new life (and design) to flawed and unsold garments, making sure that their maximum value is retained. He further adds that the slogan for his brand is “If you don’t need it anymore, you can give it to someone else” and customers are welcome to send him their old LNDC pieces should they no longer want them.

 

“Giving is so important. This transfer of value is inspired by Toy Story – when Andy is giving up his toys so that other kids can enjoy Woody like he did.”

The art scene in Thailand

When asked what he thinks about the lack of support for art in our country, he shakes his head and says, “Living in this country, we feel unmotivated to do anything. We don’t dare to create new art forms or break out of the box. We want to see subcultures thrive in our society. We want to see beautiful benches and cool graffiti on trains. We want to see people out and about, playing music and dancing.”

“It’s up to us small groups of people to be the creative force that puts Thailand on the map. People behind all these clothing brands and music festivals are making their mark on the international stage. Our potential is just boundless.”

“Running LNDC is a way for me to escape reality and vent any frustrations I have. I hope everybody can find their own outlet to deal with those feelings.”

“I don’t expect people to buy our clothes. I just hope that they find some sort of inspiration when they look at what we offer as a label. We want to inspire people to step out of their comfort zone and do risky things. If you love it, just do it!”

Late Night “….” Club

“[The name] Late Night Dance Club came from those late nights where people stay up to work on their passion projects.”

Top admits to us that he enjoys dancing so much that no matter how late it gets, he would still be out dancing the night away with his crew.

“It’s kind of funny how that came to inspire LNDC. You don’t have to be a dancing maniac like me though. You might be a series addict and you might want to become a scriptwriter. It doesn’t matter as long as you’re passionate about something. Late nights are definitely the golden hour for us artist types.”