กรุงเทพ ฯ — เมืองหลวงแห่งสตรีทฟู้ดของใครหลายๆ คน เมืองที่ไม่ว่าความหิวจะบุกมาเมื่อไหร่ ก็มีอาหารพร้อมเสิร์ฟอยู่ตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง เมืองที่ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของวัน ก็มีของอร่อยๆ พร้อมให้เอนจอยได้ตลอด ตั้งแต่โจ๊กและหมูปิ้งในยามเช้า ไปจนถึงข้าวขาหมูช่วงมื้อเที่ยง ไม่ก็ลูกชิ้นปิ้งสำหรับมื้อบ่ายยามหิว หรือกะเพราไข่ดาวยามดึก เรียกว่าวัฒธรรมการกินของคนไทยนั้นแข็งแรงไม่แพ้ชาติใดในโลก แล้วพอถึงคิดว่าของอาหารวีแกนละ เชื่อว่าหลายคนต้องเบือนหน้าหนี
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา “veganism” หรือวิถีวีแกนนั้น เป็นสิ่งที่หลายๆ คนพูดถึงกันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นทั้งในแง่ดีหรือแง่ร้าย แล้วก็มีอีกหลายๆ คนที่หันไปโอบรับไลฟ์สไตล์วีแกนอย่างเต็มภาคภูมิ แต่ไลฟ์สไตล์ดังกล่าวจะมีที่ยืนในประเทศที่โปรดปรานการกินเนื้อสัตว์สุดๆ อย่างเมืองไทยได้หรือไม่ อนาคตของวิถีอาหารที่ทำจากพืชจะเป็นอย่างไร เราจะพาไปจับเข่าคุยกับ Samantha Häberly เจ้าของและเชฟจากร้านอาหาร plant-based น้องใหม่ในย่านเอกมัย Earthing Café
ความเป็นมาของ Earthling
เราชื่อ Samantha Häberly ค่ะ เป็นนักโภชนาการอาหารทำจากพืช และเป็นเชฟอยู่ที่รีสอร์ทในไทยและมัลดีฟส์ ทานอาหารแบบ plant-based มาได้ 8 ปีแล้ว จุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจในด้าน plant-based nutrition คือตอนที่เลิกทานเนื้อสัตว์ไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ไม่มีร้านอาหารไหนที่จะไปทานได้เลย นอกจากจะไปแล้วค่อยสั่งสลัดเอา ลำบากมากๆ เวลาจะหาของทาน ก็เลยเริ่มสนใจในด้านนี้ค่ะ
เข้าสู่วิถี Plant-Based
คิดว่าน่าจะมาทางนี้อยู่แล้วอะค่ะ ตอนเด็กๆ ชอบทำอาหารกับแม่มาก แต่ไม่เคยรู้สึกอยากจับเนื้อสัตว์เลย เคยถามแม่ไปว่า “วัวทำเนื้อได้ยังไง” เพราะเราไม่เข้าใจว่าสัตว์นั่นแหละก็คือเนื้อ คิดว่าเราควรจะซื่อสัตย์กับเด็กนะคะ เพราะหลายๆ คนก็น่าจะอยากเป็นวีแกนถ้าได้เข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์จริงๆ สำหรับเราเอง เหตุผลแรก (ที่ทำให้เลือกวิถี plant-based) เลยคืออุตสาหกรรมเนื้อสัตว์นั่นแหละ เราไม่เห็นด้วยกับการทำฟาร์มขนาดใหญ่และการทารุณสัตว์แบบนั้น เพราะเราเป็นคนรักสัตว์ ธรรมชาติ และโลกของเรา สำหรับเราแล้วคิดว่าถ้ารักสัตว์ก็ไม่น่าจะทานเนื้อพวกเขาลงนะคะ
แนวคิดของร้าน
คอนเซปต์หลักเลยก็คือ plant-based เราไม่ชอบคำว่า “วีแกน” เพราะคำว่า “veganism” เป็นอะไรที่ชอบทำให้เข้าใจผิด คนชอบคิดว่าอาหารวีแกนควรจะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งไม่จริงเลย เพราะอาหารวีแกนมักจะมีส่วนผสมของน้ำตาลและวัตถุดิบแปรรูปอื่นๆ อย่างมันฝรั่งทอดนี่ก็วีแกน แต่ไม่ดีต่อสุขภาพเลย เราควรต้องใส่ใจดูเรื่องโภชนาการให้มากขึ้น ดูความเชื่อมโยงกันระหว่างสุขภาพสมองและสุขภาพลำไส้ และการรักษาร่างกายจากภายในสู่ภายนอกโดยที่ยังเน้นความอร่อยด้วย คอนเซปต์ก็คือธรรมชาติ โภชนาการและโลกของเรา
โลโก้และชื่อร้าน
เราออกแบบโลโก้และวาดเอง สำหรับเราแล้ว Earthling ก็คือทุกๆ ชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ วัว แมว คุณหรือเราเองก็ตาม คิดว่าเป็นชื่อที่เหมาะสมกับสิ่งที่เราอยากจะทำค่ะ
ทำไมถึงเลือกกรุงเทพ ฯ
คิดว่าที่ไหนก็น่าจะเหมาะกับการเปิดร้าน plant-based ค่ะ ในปี 2022 คนเราใส่ใจกับสิ่งที่ทาน ผลของมันที่มีต่อร่างกาย และโลกของเรามากขึ้น ที่กรุงเทพ ฯ มีชุมชน plant-based ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีคนที่กล้าเปิดใจยอมรับ เราคิดว่านั่นคือสิ่งสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะต่างชาติเท่านั้นที่มาร้านเรา คนไทยก็แวะมาทานด้วยทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์เอง
ทำไมต้องมีไลฟ์สไตล์แบบ plant-based
เพื่อโลกของเรา สุขภาพ และจิตวิญญาณของคุณค่ะ ทุกคนรู้ว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นอย่างมาก แล้วอาหารที่ให้สัตว์ที่เราฆ่ายังสามารถเอาไปใช้เลี้ยงประชากรทั้งโลกได้อีก นั่นคือเรื่องหลักๆ เลย เรื่องต่อมาก็คือโภชนาการค่ะ หลายๆ คนอาจจะเถียงเรา แต่มีการพิสูจน์แล้วว่าคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบ plant-based นั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีโอกาสเป็นโรคต่างๆ น้อยกว่า เช่น โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือมะเร็ง นี่เป็นเหตุผลใหญ่เลยที่ไม่ควรทานเนื้อสัตว์ ถ้าคุณเชื่อในเรื่องของพลังงานและจิตวิญญาณ สัตว์พวกนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อพวกเขาโดนฆ่า และพวกเขายังไม่เคยได้รับความรักอีกด้วย พลังงานพวกนั้นอยู่ในเนื้อสัตว์ที่คุณทาน แล้วคุณก็ได้รับพลังงานพวกนั้นไปด้วย
พื้นที่สร้างสรรค์
เราเชี่ยวชาญในเรื่องของ holistic nutrition ซึ่งเกี่ยวกับการฟื้นฟูจิตใจและร่างกาย เราต้องการให้ทุกคนขยับและเคลื่อนไหวร่างกาย ก็เลยคิดคอนเซปต์พื้นที่สร้างสรรค์นี้ขึ้นมา เราเปิดพื้นที่ให้ทุกคนมาเล่นโยคะและพิลาทิส และฟังเสียงบำบัดไปพร้อมๆ กับดูแลเรื่องโภชนาการ เพราะนี่คือไลฟ์สไตล์ plant-based ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหารเท่านั้น
อดีตและอนาคตของอาหารที่ทำจากพืช
คนที่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์นั้นก็มีเพิ่มมากขึ้น เพราะมีข้อมูลให้เห็นได้ชัด อีกทั้งอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ยังทำตัวแย่ลงไปอีกเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องจำนวนพื้นที่ที่ใช้ การตัดไม้ทำลายป่า และเรื่องภาวะโลกร้อน เมื่อ 30 ปีก่อนเราไม่มีอินเทอร์เน็ต คนเราก็เลยยังไม่ค่อยได้รับข้อมูลแบบนี้
คำแนะนำสำหรับคนทานเนื้อ
อย่ากลัวที่จะลอง หรืออย่ากลัวที่ลองแล้วจะไม่สำเร็จ เราได้ยินจากหลายๆ คนว่าพวกเขาลองทาน plant-based ไป 1-2 อาทิตย์ หรือ 1-2 เดือนไปจนถึง 6 เดือน แล้วพอกลับไปกินเนื้อสัตว์อีก พวกเขารู้สึกเฟล เราว่าจริงๆ แล้วนั่นคือความสำเร็จนะ เพราะพวกเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ถ้าใครต้องการคำแนะนำก็แวะมาหาเราได้ เราพร้อมช่วยเทรนคุณได้ค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าอาหารวีแกนอร่อยแค่ไหน อาจจะเริ่มจาก 1 มื้อ ใน 1 วันหรือ 1 สัปดาห์ แล้วต่อไปก็จะง่ายขึ้น เราอยากชาเลนจ์ให้คนลองงดทานเนื้อสัตว์ดูสัก 2 สัปดาห์ แล้วลองบอกเราว่ารู้สึกยังไง รับรองเลยว่าจะรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างแน่นอน
Plant-Based Movement
คิดว่าที่เมืองไทยก็น่าจะเหมือนกับที่อื่นทั่วโลกที่ plant-based movement แบบนี้จะเติบโตขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เราคิดว่าคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้การทานอาหารแบบ plant-based เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับโลกของเรา อย่างไรก็ตาม ในประเทศอื่นๆ อย่างเวียดนามก็อาจจะยังเติบโตได้ช้าหน่อย เพราะชุมชนคนต่างชาติที่นั่นยังไม่เยอะเท่ากับเมืองไทย คิดว่าคนไทยก็น่าจะสนใจอยู่แล้วด้วยถ้ามีอาหารทางเลือกแบบนี้ให้ทาน อีกอย่างหนึ่งคืออาหารประเภทนี้มักจะมีราคาแพง ทำให้หลายคนอาจจะเอื้อมไม่ถึง เราไม่อยากทำแบบนั้น เราอยากให้ทุกคนรู้สึกสบายใจที่จะแวะมาทานอาหารที่นี่ได้ และต้องการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตรกับทุกคน
เมนูตามฤดูกาล
นอกจากการทานอาหารแบบ plant-based แล้ว เรายังเชื่อว่าวิธีการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุดคือการทานอาหารที่มีตามฤดูกาล เราสามารถลด carbon footprint ได้ถ้าเราทานอาหารที่มีในท้องถิ่นหรือปลูกในชุมชน แทนอาหารนำเข้าจากต่างประเทศเหมือนกับที่หลายๆ ร้านมักจะทำ พวกสมุนไพรหรือวัตถุดิบนำเข้าต่างๆ เช่นมะเขือเทศหรือผลไม้ เราไม่จำเป็นต้องนำเข้าเลยเพราะประเทศไทยก็มีของดีอยู่แล้ว แต่อะโวคาโดหรือสตรอว์เบอร์รี่ก็ไม่ได้มีตามฤดูกาลเสมอไป เราเลยพยายามที่จะออกแบบเมนูของเราให้เป็นไปตามนั้น บางวันตลาดไม่มีวัตถุดิบบางอย่างที่เราอยากได้ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนใช้วัตถุดิบอื่นแทน เราน่าจะเปลี่ยนเมนูประมาณ 3 ครั้งต่อปีได้ค่ะ
เมนู Earthing ที่ห้ามพลาด
Breakfast Scramble
อาหารเช้านี้ทำจากเต้าหู้ออร์แกนิกที่ได้มาจากชุมชน มีโปรตีนจากพืชและขมิ้นชัน ซึ่งช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง และช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับภาวะเครียด
Smoothie Bowls
ทำจากส่วนผสม 100% จากธรรมชาติ ไม่ใส่น้ำตาลและวัตถุดิบแปรรูป ทุกอย่างปลูกในชุมชน
Burgers
โฮมเมดเบอร์เกอร์ปราศจากวัตถุดิบแปรรูปของเราจะช่วยให้คุณหายคิดถึง junk food
Chick’n Wrap
มื้อเที่ยงเบาๆ ด้วยเนื้อไก่ที่ทำจากเต้าหู้ พร้อมมายองเนสโฮมเมด
Moon Milks
สร้างความสมดุลให้กับร่างกายด้วยเครื่องเทศที่ให้ฤทธิ์อุ่น อแดปโตเจน และนมโฮมเมดที่ทำจากพืช
ติดตามและอัปเดตข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับอาหาร plant-based ได้ที่ The Earthling Cafe