กัญชากลายเป็นสิ่งผิดได้อย่างไร
หลังจากการพ่ายแพ้ของประเทศญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้อเมริกาได้เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นเป็นเวลานานถึง 7 ปี มันคือคำที่ดูหอมหวานกับการเข้ามาปูพื้นฐานสังคมให้ใหม่โดยประเทศผู้ชนะ แต่แท้ที่จริงแล้วก็คือการเข้ามาครอบงำและยึดครองประเทศผู้แพ้ แน่นอนว่า กฎหมายต่างๆ ถูกอนุวัติการมาใช้โดยไม่ได้คำนึงถึงบริบทต่างๆ ในสังคม รวมไปถึงพระราชบัญญัติควบคุมกัญชาปี ค.ศ. 1948
ที่เรากล่าวได้ว่ามันคือการบังคับใช้กฎหมายแบบไม่คำนึงถึงบริบทนั้น เพราะในช่วงปี ค.ศ. 1940 นั้น เกษตรกรได้รับการสนับสนุนโดยรัฐที่มีการบังคับออกมาให้เป็นหน้าที่ของผลเมืองในการปลูกเจ้าพืชต้นนี้ เพื่อนำมาใช้ในการผลิตเชือกในกองทัพเรือและสายร่มชูชีพในกองทัพอากาศ และเรื่องความผูกพันธ์ระหว่างวัฒนธรรม สังคม และผู้คนของญี่ปุ่นกับกัญชาที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์
จากพืชที่ได้รับการเคารพ ถูกใช้อย่างแพร่หลายในเทศกาล ชีวิตประจำวัน และพิธีกรรมสำคัญๆ กฎหมายก็ได้เปลี่ยนทัศนคติของคนในสังคมให้กัญชา กลายเป็นพืชต้องห้าม มีสารอันตราย และเป็นที่น่ารังเกียจ
กฎหมายกัญชาในญี่ปุ่น
กฎหมายกัญชาในญี่ปุ่นนั้นนับว่ามีความเข้มงวด และโทษหนักที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การครอบครองกัญชามีโทษจำคุกถึง 5 ปี การมีครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย มีโทษจำคุกสูงสุดถึง7 ปี และปรับ 2 ล้านเยน หรือประมาณ 5 แสนบาท ถ้าหากเพาะพันธุ์หรือนำเข้าก็มีโทษเช่นกัน กับการจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยซึ่งกำลังจะเดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องระวัง และถ้าเป็นการเพาะปลูกเพื่อจำหน่าย มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับ 3 ล้านเยน หรือประมาณ 5 แสนบาท ราวๆ 780,000 บาท ซึ่งเมื่อได้เปรียบเทียบโทษแล้ว การลงโทษในหมวดหมู่ของกัญชานั้นมีความรุนแรงกว่าคดีข่มขืนเสียด้วยซ้ำ
แม้ว่าสหรัฐอเมริกาฯ ต้นทางที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสีย และเข้าใจพืชที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 12,000 ปีนี้ผิดไป จะได้ทำงานลดโทษ และอ่อนข้อให้กับกัญชาลงบ้างแล้ว หรือแม้แต่กระทั้งเสรีเสียด้วยซ้ำ แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงแข็งขันและเข้มงวดกับการปราบปรามกัญชาอย่างต่อเนื่อง
Photo credit: IT Media
คดีล่าสุดที่นักแสดงหนุ่มอย่าง ‘ยูซึเกะ อิเซยะ’ (伊勢谷 友介) ที่เคยรับบทจากภาพยนตร์ Rurouni Kenshin, Fly Me to Saitama, 13 Assassins และ Sukiyaki Western: Django ถูกจับในข้อหาใช้กัญชา และยอมรับสารภาพในคดี แน่นอนว่าวงการบันเทิงญี่ปุ่นแบนเขาทันที หน้าที่การงานในเส้นทางนี้ได้จบลงในพริบตา แต่ก็ยังได้ ‘โยสึเกะ คุโบสึกะ’ (窪塚 洋介) อีกหนึ่งนักแสดงญี่ปุ่นที่เคยฝากผลงานไว้กับเรื่อง Silence ของ ‘มาร์ติน สกอร์เซซี่’ (Martin Scorsese) ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยปกป้องเหตุการณ์นี้ว่าการสูบกัญชาของอิเซยะนั้น “ไม่ได้ทำร้ายใคร” นับว่าเป็นความกล้าหาญอย่างมากในวงการบันเทิงญี่ปุ่น
ย้อนกลับไปปี ค.ศ. 2017 ‘ซายะ ทาคากิ’ (高樹 沙耶) นักแสดงสาวชาวญี่ปุ่น ถูกจับกุมในข้อหาครอบครองกัญชาปริมาณ 55 กรัม ที่เธออ้างว่า มันเป็นของคนไข้ที่ใช้เพื่อรักษาโรคหลอดหัวใจตีบ และเขาขอปลูกบนที่ดินของเธอ ด้วยความเข้มงวดนี้ ทำให้เธอต้องโทษจำคุก 3 ปี โดยจำคุก 1 ปี ในเรือนจำและจำคุกเพื่อรอลงอาญา 6 เดือน ทำให้เส้นทางในวงการบันเทิงของเธอหยุดลง และเมื่อได้รับการปล่อยตัว เธอได้ถางเส้นทางเดินใหม่ในฐานะนักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกัญชา และทำให้การลงโทษที่เกินความจำเป็นนี้เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง
อนาคตของกัญชาในญี่ปุ่น
แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีการใช้เส้นใยกัญชงกันอย่างแพร่หลาย แต่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่นั้นมาจากการนำเข้า เพราะการผลิตใช้ในประเทศนั้นไม่เพียงพอ แม้ว่าทางการจะอนุญาตให้มีการปลูก ก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมที่มีเพียง 37 ฟาร์มในญี่ปุ่น พร้อมกับเมื่อปี ค.ศ. 2003 ทางการญี่ปุ่นได้ทำการถางป่ากัญชา กัญชงในฮอกไกโดคิดเป็นเกือบร้อยละ 80 ของป่ากัญชาทั้งประเทศ เรียกได้ว่าเกือบสูญพันธ์ุกันเลยทีเดียว
แม้ว่าในปี ค.ศ. 2016 สาร CBD จะกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายในญี่ปุ่นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจากทางรัฐบาล นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนก็มองเห็นช่องทางการทำสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการจากการใช้สาร CBD กับสภาพสังคมที่เคร่งเครียดทั้งการทำงานและการใช้ชีวิต สาร CBD นี่ล่ะ คือคำตอบที่จะแซงหน้าบุหรี่ในญี่ปุ่น
จะบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากก็คงไม่ผิดนัก กับการทำให้กัญชานั้นกลายเป็นพืชที่ผิดกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว กัญชากับวัฒนธรรมญี่ปุ่นนั้นได้หลอมรวมกันเป็นเนื้อเดียว เป็นส่วนหนึ่งซึ่งกันและกัน แต่น่าเสียดายที่ซากความคิด รวมถึงความเชื่อแบบผิดๆ จากยุคหลังสงครามที่มาจากอเมริกา ได้แยกเอากัญชาออกจากความเป็นญี่ปุ่นไป การสูญเสียสายพันธุ์ เรื่องราว และความเชื่อมโยงของคน สังคม และกัญชา ที่เราเชื่อว่ามันไม่มีทางที่จะหวนกลับคืนมาได้เหมือนเดิม
เรายังมองว่าถ้าญี่ปุ่น ได้มีโอกาสพัฒนาสายพันธุ์เป็นของตัวเอง มีการเพาะปลูกได้แบบเสรี ความใส่ใจในรายละเอียด และความพิถีพิถันในแบบการสร้างสรรค์ผลงานของคนญี่ปุ่น เชื่อได้เลยว่า สายพันธุ์กัญชาที่ถูกส่งออกมา จะต้องเต็มไปด้วยความลุ่มลึก ซับซ้อน และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบที่ไม่สายพันธ์ุไหนสามารถเลียนแบบได้อย่างแน่นอน
Fun Fact
นอกจากกฎหมายที่รุนแรงติดอันดับโลกแล้ว ราคากัญชาของญี่ปุ่นนั้นก็แพงติดอันดับโลกไม่แพ้กัน อ้างอิงราคาจาก VICE และ Price of Weed
ในโตเกียว ราคากลางของกัญชาอยู่ที่ 32.66 USD ต่อ 1 กรัม
ในเกียวโต ราคากลางของกัญชาอยู่ที่ 29.65 USD ต่อ 1 กรัม
ราคากัญชาที่คุณภาพพรีเมียมในโตเกียวอยู่ที่ 65 USD ต่อ 1 กรัม
อ้างอิง