ประเทศไทยของเราขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งล้วนเป็นพลังขับเคลื่อนให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งยังเป็นหมุดหมายที่เหล่านักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกอยากมาเยือนสักครั้ง และเมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยเพิ่งปลดล็อก ‘เสรีกัญชา’ ไป ทำให้การใช้กัญชาทางการแพทย์ การซื้อ-ขายกัญชา และการใช้กัญชาภายใต้เกณฑ์ที่กำหนด กลายเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย เปิดโอกาสให้กับเหล่าผู้ใช้งานในวงการสายเขียว ซึ่งวันนี้ EQ อยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ‘การท่องเที่ยวกัญชา’ (Cannabis Tourism) การท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับคอกัญชา ที่เรามองว่าเป็นโอกาสใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มันคืออะไร เปิดโอกาสให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเศรษฐกิจได้อย่างไรบ้าง เตรียมแพ็กกระเป๋าแล้วออกเดินทางไปกับเราได้เลย
ความเป็นไปได้ของการท่องเที่ยวกัญชาในไทย
‘การท่องเที่ยวกัญชา’ หมายถึง การท่องเที่ยวไปยังปลายทางใดๆ ก็ตามที่การบริโภคกัญชาเป็นสิ่งไม่ผิดกฎหมาย เพื่อสำรวจมุมมองที่หลากหลายของอุตสาหกรรมกัญชา ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ การเยี่ยมชมไร่กัญชา และร้านขายกัญชา, การเข้าร่วมอีเวนท์ หรืองานเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับกัญชา, การทดลองผลิตภัณฑ์อุปโภค และบริโภคที่มีส่วนผสมของกัญชา ไปจนถึงการทำกิจกรรมเชิงสุขภาพอย่างสปา หรือการบำบัดรูปแบบต่างๆ โดยทั่วไปแล้วการท่องเที่ยวกัญชาจะเปิดโอกาสให้เหล่านักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่าง ไม่เหมือนใคร พร้อมดื่มด่ำไปในโลกของกัญชา ที่ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเจ้าพืชชนิดนี้มากขึ้น ทั้งเรื่องของสายพันธุ์ และประโยชน์สารพัดของมัน นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรม และการพักผ่อนหย่อนใจในปลายทางต่างๆ ที่ตัวเองเลือกได้อีกด้วย
หากเราพิจารณาตามความหมายข้างต้นนี้ เราจะพบว่า ประเทศไทยภายหลังการเปิดเสรีกัญชา กลายเป็นปลายทางที่น่าสนใจ และมีศักยภาพที่จะตอบสนองการท่องเที่ยวกัญชาได้เป็นอย่างดี ทั้งสภาพแวดล้อมที่สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน, พื้นที่ที่มีศักยภาพในการจัดเทศกาล และงานอีเวนท์ต่างๆ, สตรีทฟู้ดที่เป็นวัฒนธรรมด้านอาหารแสนเลื่องชื่อ และวัฒนธรรมเชิงสุขภาพของไทยอย่างการนวดไทย และการทำสปา ศักยภาพที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่สามารถนำมาประยุกต์กับการท่องเที่ยวกัญชาได้ทั้งนั้น หากเราสามารถสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวแบบนี้ได้ ก็อาจจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว
จากข้อมูลของ MMGY Travel Intelligence และ Enlightn Strategies พบว่า ในปี 2020 นักท่องเที่ยวร้อยละ 29 สนใจการท่องเที่ยวเชิงกัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการพักผ่อน รวมทั้งรายงานของ Harris Poll ในเดือนพฤษภาคม 2022 ยังระบุด้วยว่า การใช้กัญชาเพื่อการพักผ่อนเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่นักท่องเที่ยว Gen Y ชาวอเมริกันใช้เลือกสถานที่พักผ่อน โดย 43% ของพวกเขาจะเลือกปลายทางที่กัญชาถูกกฎหมายแล้วเท่านั้น ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่า การปลดล็อกกัญชาน่าจะเข้ามาเป็นตัวแปรที่ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพ ในการเป็นปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวที่อยากใช้กัญชาร่วมกับการพักผ่อน ซึ่งทำให้ภาพของการท่องเที่ยวกัญชาในประเทศไทยมีความเป็นไปได้มากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้เราจะเห็นได้ว่า เม็ดเงินหมุนเวียนในอุตสาหกรรมกัญชานั้นเป็นจำนวนเงินที่สูงพอสมควร รายงาน ‘Asian Cannabis Report’ โดย Prohibition Partners ระบุว่า จากการคาดการมูลค่าทางการตลาดของอุตสาหกรรมกัญชาถูกกฎหมายในเอเชีย จะมีมูลค่าสูงถึง 392,000 ล้านบาท ในปี 2024 อีกทั้ง Forbes ยังประมาณการว่า ยอดขายกัญชาประมาณ 4,500 ล้านดอลลาร์ (จากทั้งหมด 25,000 ล้าน) มาจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกัญชา ซึ่งนับรวมตั้งแต่ค่าโรงแรม, อาหาร, สถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่น และบริการอื่นๆ
เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่า หากประเทศไทยของเราเปิดโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวกัญชา ศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมนี้จะมีมากเพียงใด ดังนั้นเราลองมาดูกันดีกว่าว่า การท่องเที่ยวกัญชาในประเทศไทยจะเป็นแบบไหนได้บ้าง
เมื่อกัญชามาคู่กับ Wellness
ตั้งแต่มีการเปิดเสรีกัญชาในประเทศไทย หนึ่งประเด็นที่หลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดี คงหนีไม่พ้นการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางสุขภาพ และการแพทย์ ซึ่งการใช้กัญชาในเชิง Wellness ก็ดูจะตอบรับกับวัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยผลสำรวจของ The Harris Poll ในปี 2022 พบว่า 91% ของผู้ใช้กัญชาวัย 21 ปีขึ้นไป ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางด้านสุขภาพ และ Wellness
เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ สปา และการนวดไทยก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ขึ้นชื่อในบ้านเราอยู่ไม่น้อย ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาเราจะเริ่มเห็นสปา หรือแบรนด์เครื่องหอมต่างๆ เริ่มนำกัญชาเข้ามาใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ และการบริการด้าน Wellness ทั้งหลาย ซึ่งการเปิดประสบการณ์การทำสปาด้วยกัญชานั้นมีอัตราค่าบริการตั้งแต่ 2,000 บาท ไปจนเกือบถึงหลักหมื่นบาทกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า เป็นประสบการณ์สายเขียวที่ลักชูสุดๆ ไปเลย
นอกจากนี้ประเทศไทยของเราก็เพิ่งมีการสนับสนุนการท่องเที่ยวกัญชาเพื่อสุขภาพ ที่พัฒนาขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเป็นการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวกัญชาเชิงสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ การเพิ่มมูลค่า, ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับชุมชน และมุ่งเน้นให้เห็นถึงคุณค่าจากการเลือกใช้ประโยชน์ของกัญชาเพื่อสุขภาพบนพื้นฐานความเข้าใจอย่างแท้จริง ผ่าน 6 เส้นทางท่องเที่ยวกัญชาเพื่อสุขภาพ ‘Thailand Cannabis Wellness Tourism Experience’ ได้แก่ ‘จังหวัดเชียงราย’ ปลายทางที่นอกจากจะมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์ที่ไร่กัญชาครบวงจรแล้ว ยังสามารถเที่ยวชมความงามของศิลปะล้านนาได้อีกด้วย, ‘จังหวัดนครราชสีมา’ กับการเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชน พร้อมศึกษาโมเดลการปลูกกัญชาในโรงเรือน และแหล่งผลิตกัญชาทางการแพทย์ต้นแบบ ก่อนปิดท้ายด้วยการจิบไวน์ที่ปากช่อง, ‘จังหวัดบุรีรัมย์’ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนเส้นทางสายกัญชา ที่มาพร้อมกับเวิร์กช็อปน้ำมันกัญชา และการนวดประคบสมุนไพร, ‘จังหวัดอุบลราชธานี’ ปลายทางสำหรับการดูงานวิสาหกิจกัญชา และสมาร์ทฟาร์ม ที่ผนวกเข้ากับเส้นทางท่องเที่ยวสายวัฒนธรรม จากช่องเม็กถึงผาแต้ม, ‘จังหวัดชลบุรี’ หมุดหมายที่เหล่านักท่องเที่ยวคุ้นเคย กับเส้นทางท่องเที่ยวที่ ‘Miracle Cannabis Land’ พัทยา เพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับกัญชง-กัญชาจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ก่อนช็อปปิ้งสินค้าที่ ‘Ganja Witch Shop’ ช็อปกัญชาครบวงจรแห่งแรกของเอเชีย และเส้นทางสุดท้าย ‘จังหวัดภูเก็ต’ กับการเรียนรู้ศาสตร์ของกัญชาที่ ‘Cannabis Phuket By HHT’
การประกาศ 6 เส้นทางในเมืองท่องเที่ยวของ ททท. นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี ของการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกัญชาในประเทศไทย เพื่อจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวของบ้านเราต่อไปอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้คุณได้ลองสัมผัสประสบการณ์กัญชาในประเทศไทย แต่ก็ใช่ว่าเมืองไทยจะมีศักยภาพแค่ด้านสุขภาพ และการแพทย์เท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วอาหารไทยก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน
สตรีทฟู้ดไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก
อาหารไทยเป็นหนึ่งวัฒนธรรมที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมาแต่ไหนแต่ไร ด้วยรสชาติที่ซับซ้อน และหลากหลายทำให้อาหารไทยเป็นเป้าหมายที่เหล่านักท่องเที่ยวจากต่างชาติอยากมาสัมผัสความเป็นต้นตำรับสักครั้ง ดังนั้นการนำกัญชาเข้ามาผนวกกับวัฒนธรรมอาหารไทย ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่น่าสนใจสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการใช้กัญชาผสมในอาหาร ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อีกต่อไปแล้ว องค์ความรู้ในเรื่องของวิธีการ และความเหมาะสมในการใช้กัญชาเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย สามารถศึกษา และนำมาประยุกต์ใช้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างเส้นทางท่องเที่ยวกัญชาเชิงอาหาร และเครื่องดื่มในประเทศได้อีกด้วย
Photo Credit: Globetrender
หนึ่งในวัฒนธรรมอาหารที่สร้างชื่อให้กับบ้านเรามาโดยตลอดคงหนีไม่พ้น ‘สตรีทฟู้ด’ หรืออาหารริมทาง ที่นอกจากจะมีความหลากหลายแล้ว ยังสะท้อนวิถีชีวิต และรสชาติแบบโลคอลจริงๆ อีกด้วย เมื่อพูดถึงสตรีทฟู้ด อีกหนึ่งสิ่งที่มักจะมาคู่กัน คือ พฤติกรรมการจัดทริปตระเวนชิมอาหารทั้งคาว และหวานหลายๆ ร้านในหนึ่งทริป ซึ่งเรามองว่า หากมีร้านสตรีทฟู้ดที่เป็น ‘Cannabis-infused Food’ หลายๆ ร้าน ตัวเลือกในการจัดทริปตระเวนกินของนักท่องเที่ยวสายเขียวก็น่าจะหลากหลาย และเกิดขึ้นได้ไม่ยาก โดยที่การรวมกลุ่มของร้านอาหารเพื่อจัดกิจกรรมตระเวนชิมอาหาร หรือ ‘Food Tour’ แบบนี้อยู่ไม่น้อยเลยในต่างประเทศ (ทั้งสายเขียว สายคลีน สายกิน มีทุกรูปแบบหลากหลายมาก)
ตัวอย่างจากต่างประเทศที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้น ‘กรุงอัมสเตอร์ดัม’ ที่นอกจากจะเป็นเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์แล้ว ยังเป็นเมืองหลวงของกัญชาอีกด้วย ซึ่งที่อัมสเตอร์ดัมมีสิ่งที่เรียกว่า ‘Coffee Shop Tour’ และ ‘Food Tour’ ที่ผสานวัฒนธรรมอาหารเข้ากับกัญชา ผ่านการเดินชิมเมนูกัญชาในร้านต่างๆ ที่ทำให้นอกจากจะได้ชิมอาหารรสชาติดีแล้ว ยังมีพื้นที่ที่ถูกจัดสรรเอาไว้สำหรับคอกัญชาโดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งจากตัวอย่างนี้ เราสามารถพูดได้เลยว่าศักยภาพของอาหารสตรีทฟู้ดไทยกับการทำ Food Tour ดูจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
หากจะมองให้ไกล หรือยกระดับกัญชาให้หรูหราขึ้นอีกสักหน่อย ในหลายๆ ประเทศก็เริ่มทำเมนูกัญชาแบบ ‘Fine dining’ จับคู่กับไวน์ เสิร์ฟในภัตตาคาร ให้เมนูสายเขียวกลายเป็นเมนูสุดหรูสำหรับเหล่านักชิม ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารในบ้านเรานั้นก็เริ่มมีบ้างแล้ว อย่างการจัดเสิร์ฟมื้อค่ำสุดพิเศษ ‘BONG Appetit’ ในโรงแรม The Slate Phuket โดยเชฟ Steven John จาก Empty Plates Bangkok เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า บ้านเราก็มีศักยภาพมากพอที่จะรังสรรค์อาหารมื้อหรูเอาใจคอกัญชา ที่อยากลองยกระดับประสบการณ์ด้านอาหารไปอีกขั้นหนึ่ง
420-Friendly โอกาสใหม่ของที่พักเอาใจสายเขียว
การมาเที่ยวสาย Wellness หรือแค่กินดื่มเฉยๆ โดยไม่มีที่พักก็อาจจะไม่ครบวงจรของการท่องเที่ยว ดังนั้นการมีที่พักสายเขียว เปิดพื้นที่ต้อนรับเหล่า Cannabis tourists ทั้งหลายก็น่าจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ตอบโจทย์ แต่จะให้โรงแรม หรือรีสอร์ทต่างๆ หันมาเปิดเป็น ‘Cannabis-friendly’ ทั้งหมดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการเปิดคอมมูนิตี้ที่รวบรวมข้อมูล และแหล่งที่พักสำหรับผู้ใช้กัญชา ก็น่าจะทำให้เหล่านักท่องเที่ยว สามารถแพลนทริปท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้นมากเลยทีเดียว
ซึ่งธุรกิจนี้ก็มีอยู่จริงๆ ในหลายประเทศ อย่างเช่น ‘Bud & Breakfast’ บริษัทสำรองที่พักออนไลน์สำหรับสายกัญชาโดยเฉพาะ ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2014 นึกภาพง่ายๆ ก็เหมือนเป็น agoda หรือ airbnb ของที่พัก ‘420-friendly’ นั่นเอง ซึ่งหากมีเครือข่าย หรือเว็บไซต์ให้บริการแบบนี้ในไทยมากขึ้น (หรืออาจจะมีที่พักเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริการเหล่านี้สักจำนวนหนึ่ง) ก็อาจจะช่วยให้ภาพของการท่องเที่ยวกัญชาชัดเจนขึ้น แถมยังช่วยให้เหล่านักเดินทางที่จะปักหมุดมาสู่ประเทศไทย ได้มองเห็นโอกาส และจุดประสงค์ในการท่องเที่ยวที่หลากหลายขึ้นอีกด้วย (ไม่ใช่แค่ภาพของทะเลสีคราม วัดวาอาราม และอาหารสตรีทฟู้ดทั่วๆ ไปอีกแล้ว)
บอกเลยว่าการให้บริการที่พักแบบ 420-friendly นั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอีเวนต์ 420 ของสายกัญชา ที่ห้องพักมักจะถูกจองจนเต็ม (เรียกว่า ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าเลยดีกว่า) เท่านี้ก็เห็นแล้วว่า หากมีการสนับสนุน หรือเปิดพื้นที่ให้กับการท่องเที่ยวกัญชา เศรษฐกิจของบ้านเราก็น่าจะพัฒนาไปอีกขั้นอย่างแน่นอนเพราะ ถ้ามี destination ใหม่ๆ ให้ท่องที่ยวได้แบบครบวงจร ใครจะไม่อยากลองล่ะ
ที่เราได้กล่าวมาข้างต้นเป็นโอกาสเพียงส่วนหนึ่งจากการเปิดเสรีกัญชาเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสในเรื่องของเทศกาล และอีเวนต์เกี่ยวกับกัญชาอีกด้วย อย่างในปี 2022 ที่ผ่านมา มีการจัดงานเทศกาลที่เปิดพื้นที่ให้สายกัญชาในหลายๆ จังหวัด เช่น ‘อีสานเขียว E-San Music Festival Thailand’ ‘พันธุ์บุรีรัมย์’ และ ‘Thailand 420 Legalaew’ เป็นต้น และในปี 2023 นี้ ก็จะมีการจัดงานเทศกาลกัญชาอีกหลายงานให้ติดตามกันด้วย นอกจากนี้แนวคิดแบบ ‘Cannabis Sand Box’ หรือการจัดพื้นที่แบบจำกัดสำหรับผู้ใช้กัญชา เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับพวกเขาโดยเฉพาะก็น่าสนใจเช่นกัน
ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมาเป็นเพียงการชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ และความน่าสนใจของการผลักดัน ส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในบ้านเรา แต่เราก็ยังต้องทำความเข้าใจว่า การใช้กัญชาในไทยยังไม่ได้เสรีแบบ 100% แนวคิดเรื่องการท่องเที่ยวกัญชาจึงยังต้องการการสนับสนุน และบริหารจัดการที่ดี ให้เกิดการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ทั้งเกษตรกรต้นทาง ผู้ให้บริการต่างๆ และนักท่องเที่ยว เพื่อทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ที่สุด ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศ และสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่น ภายใต้พื้นที่ และข้อจำกัดของกฎหมายที่ภาครัฐกำหนด ท้ายที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อภาครัฐ และภาคเอกชนร่วมมือ ให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ และมุมมองใหม่ของกัญชา ล้างภาพการแปะป้าย ตีตราว่ากัญชาต้องคู่กับคนบาปออกไปอีกด้วย
อ้างอิง
Once in Life
Tat Review Magazine
Bangkok Post
High Times
PR News Wire
Naewna
Food&Wine
Facebook: Munchies Food Tour
Travel Daily Media