Medical or Recreation – ความต่างระหว่างกัญชาเพื่อสันทนาการกับทางการแพทย์

ก่อนหน้านี้ถ้าพูดถึงกัญชาเราคงได้ยินคำว่า กัญชาเกรดการแพทย์ (Medical) กันมาบ้างตามคลีนิค โรงพยาบาล หรือศูนย์วิจัยต่างๆ แต่หลังจากวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565 นี้ ที่กฎหมายได้ปลดล็อกทุกส่วนของต้นกัญชาให้กลายเป็นพืชถูกกฎหมาย และสามารถสูบได้ (หากไม่ใช้ในที่สาธารณะ) เราคงจะได้รู้จักกับ กัญชาเพื่อการสันทนาการ (Recreational) มากยิ่งขึ้น แล้วทั้งสองประเภทนี้ มีจุดที่เหมือนหรือต่างกันตรงไหน กฎหมายได้กำหนดเอาไว้ว่าอย่างไรบ้าง และวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับกัญชาสายพันธุ์ใหม่ของไทย ‘บางกอก ไนท์ เนิร์ส’ (Bangkok Night Nurse) กัน

ระดับของ CBD และ THC ที่แตกต่างกันในแต่ละวัตถุประสงค์

เป็นที่รู้กันว่ากัญชาที่ใช้เพื่อการสันทนาการและการแพทย์นั้นมีความแตกต่าง ด้วยระดับของสาร CBD (Cannabidiol) และ THC (Tetrahydrocannabinol) ที่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการเพาะปลูก การจะนำสารสกัดจากกัญชาไปใช้ ต้องมีการนำมาคัดเพื่อจำแนกให้แน่ชัดว่าระดับของ CBD และ THC ในสารสกัดนั้นๆ เหมาะแก่การนำไปใช้ทำอะไรมากกว่า

สำหรับกัญชาที่จะนำไปใช้ทางการแพทย์ จะต้องมีเปอร์เซ็นต์ของ CBD ที่สูง เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดในการรักษาโรคและอาการเจ็บป่วย เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน พาร์กินสัน อาการเบื่ออาหารในผู้ป่วยเอดส์ ฯลฯ และด้วยความที่ CBD ไม่ส่งผลให้มึนเมา จึงเหมาะแก่การใช้กับผู้ป่วยมากกว่า หรือต่อให้ไม่ได้เจ็บป่วยก็สามารถใช้ได้เช่นกัน เพราะสาร CBD มีฤทธิ์ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับสนิทมากยิ่งขึ้น แต่หากเป็นกัญชาที่เน้นใช้ในเชิงสันทนาการ ก็ควรจะมี THC ในระดับหนึ่งเพื่อการใช้งานจริง

ที่น่าสนใจก็คือ กัญชาสายพันธุ์ ‘บางกอก ไนท์ เนิร์ส’ (Bangkok Night Nurse) ที่เป็นสายพันธุ์ใหม่และพัฒนาในไทย มีสาร CBD มากถึง 15.8% จึงเหมาะแก่การนำไปใช้ทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้านำดอกของสายพันธุ์ ‘บางกอก ไนท์ เนิร์ส’ ไปสกัดในรูปแบบ Full Spectrum ก็จะทำให้สารสกัดนั้นยังสามารถคงคุณค่าทางสารต่างๆ ไว้ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น THC, CBD, CBN ฯลฯ ซึ่งถือเป็นสายพันธุ์แรกของทวีปเอเชียที่สามารถทำได้ ด้วยการวิจัยมากกว่า 3 ปี พร้อมกระบวนการปลูกที่มีมาตรฐาน ซึ่งผ่านการรับรองจาก FDA (Food and Drug Administration) จึงทำให้ตัวดอกจากกัญชา ‘บางกอก ไนท์ เนิร์ส’ มีคุณภาพ และมีส่วนประกอบของสาร THC ต่ำกว่า 1% นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้เพื่อสันทนาการ ด้วยปริมาณของ THC และ CBD ที่เหมาะสม มีฤทธิ์ช่วยลดอาการเจ็บปวด การเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยให้นอนหลับสบาย ต้านอนุมูลอิสระ และบรรเทาความเครียด ถึงอย่างนั้นก็ควรมีการศึกษาเกี่ยวกับตัวกัญชาก่อนใช้งาน สตรีมีครรภ์และเด็กควรเลี่ยง 

คุณภาพของดอกกัญชา

เนื่องจากดอกของต้นกัญชามีระดับ CBD และ THC ที่สูงกว่าส่วนอื่นๆ มันจึงเหมาะที่จะนำมากลั่นเป็นสารสกัดเข้มข้นเพื่อใช้ทางการแพทย์และเชิงสันทนาการ โดยในดอกแห้งของสายพันธุ์ ‘บางกอก ไนท์ เนิร์ส’ มีสาร CBD เฉลี่ยทั้งต้นถึง 15.8% หากเทียบกับค่าเฉลี่ยของดอกกัญชาส่วนมากที่มีปริมาณของสารชนิดนี้ราว 10% แล้ว สายพันธุ์ ‘บางกอก ไนท์ เนิร์ส’ ก็มีระดับของ CBD สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ในขณะเดียวกันก็มีสาร THC ต่ำกว่า 1% ซึ่งเป็นสายพันธุ์แรกและสายพันธุ์เดียวในเอเชียที่สามารถทำได้

ขั้นตอนการปลูกที่ได้มาตรฐาน

การปลูกต้นกัญชานั้นสามารถทำได้ทั้งแบบกลางแจ้งและในโรงเรือน โดยสิ่งที่เป็นตัวควบคุมคุณภาพก็คือสภาพแวดล้อม รวมถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม ภูมิอากาศจะต้องไม่ร้อนและไม่หนาวมากจนเกินไป อย่างในประเทศไทย ภูมิภาคที่เหมาะแก่การปลูกกัญชาแบบกลางแจ้งก็คือภาคเหนือที่อากาศค่อนข้างเย็น

สำหรับขั้นตอนการปลูกกัญชาสายพันธุ์ ‘บางกอก ไนท์ เนิร์ส’ ต้นกัญชานั้นจะอยู่ภายในโรงปลูกเพื่ออุตสาหกรรมกัญชาโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับประกันมาตรฐานระดับสากลและมีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง ดอกกัญชาที่ได้จากการปลูกในลักษณะนี้จึงมีคุณภาพสม่ำเสมอ ด้วยสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิที่สามารถควบคุมได้

กฎหมายการเข้าถึงกัญชาในประเทศไทย

ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา กัญชาได้ถูกถอนจากรายชื่อบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 อย่างเต็มรูปแบบ จากที่ส่วนเมล็ดและดอกเคยถูกจำกัดไว้ไม่ให้มีการสูบหรือแจกจำหน่าย จนตอนนี้สามารถนำไปใช้ได้ทุกส่วนแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถสูบ ปลูก ซื้อขาย และผสมอาหารจำหน่ายได้ โดยต้องมีการจดแจ้งและขอรับอนุญาตตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช อย่างไรก็ตาม ระดับของ THC จะถูกจำกัดอยู่ที่ 0.2% สำหรับการสกัดออกมาเพื่อใช้งานตามเดิม แต่ในส่วนของการใช้ดอกนั้นยังไม่มีกฎหมายกำหนดอย่างชัดเจน และในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายบังคับเกี่ยวกับสาร CBD เนื่องจากไม่สามารถก่อความมึนเมาหรือผลข้างเคียงรุนแรงต่อผู้ใช้

ความตื่นตัวของคนไทยต่อกัญชาเสรี

หลังจากที่ได้มีการปลดล็อกกัญชาให้หลุดพ้นจากการเป็นยาเสพติดแล้ว ความตื่นตัวของคนไทยที่มีต่อกัญชาก็เพิ่มมากขึ้น จึงเกิดเป็นความเข้าใจใหม่ของสังคมเกี่ยวกับพืชชนิดนี้ จากที่เคยถูกมองในแง่ลบมาโดยตลอด ในวันนี้ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกัญชาได้มีการวางขายและโฆษณาบนจอทีวีอย่างเปิดเผย มีการพูดถึงกัญชาเป็นวงกว้างบนโซเชียลมีเดีย แน่นอนว่าตลาดการค้าก็มีการแข่งขันสูงกว่าที่เคย ด้วยความที่ธุรกิจกัญชาใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน แม้แต่แบรนด์ที่ไม่เคยทำธุรกิจด้านนี้ ก็หันมาทดลองใช้กัญชากับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และผู้คนก็หาซื้อต้นกัญชามาปลูกเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ ราวกับว่าเป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่ง

นโยบายรับซื้อดอก จาก GTG

ในเมื่อมีคนปลูกต้นกัญชากันมากขึ้น ทาง บริษัทโกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (GTG – Golden Triangle Group Co., Ltd.) ก็ได้สร้าง “นโยบายรับซื้อดอก” ขึ้นมา เพื่อซื้อดอกกัญชาไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมีเงื่อนไขว่าช่อดอกต้องตรงตามเกณฑ์หล่านี้:

  • ช่อดอกต้องตรงตามมาตรฐาน GACP (Good Agricultural and Collection Practices) หรือก็คือมาตรฐานควบคุมฟาร์ม
  • ช่อดอกนั้นต้องมาจากโรงเรือนในร่ม (Indoor)
  • มีผลทดสอบโลหะหนัก เชื้อรา และต้องไม่มียาฆ่าแมลง
  • ความชื้นของดอกต้องต่ำกว่า 12% 
  • มีการเล็มดอกเรียบร้อยแล้ว
  • สายพันธุ์ของดอกจะต้องมาจากการปลูกต้นโคลนนิ่งแม่พันธุ์ ‘Raksa รักษา’ หรือเป็นต้นโคลนนิ่งจากแม่พันธุ์อื่นก็ได้เช่นกัน

นับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับฟาร์มและชุมชนวิสาหกิจเกี่ยวกับกัญชา ที่จะได้ส่งออกช่อดอกเพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งทางการแพทย์และสันทนาการต่อไป ผ่านนโยบายนี้ของทาง GTG

ขอขอบคุณรูปจาก Golden Triangle Group

อ้างอิง

CannaMD

Krungsri

Leafwell