เยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์กัญชาเก่าแก่ที่สุดในโลก กลางใจเมืองอัมสเตอร์ดัม

ท่ามกลางสถานเริงโลกีย์แห่งย่านโคมแดง De Wallen ของอัมสเตอร์ดัม นอกจากจะเป็นแหล่งสุราเมรัย และสถานบันเทิงกามารมณ์กลางใจเมืองแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของ ‘The Hash, Marihuana & Hemp Museum’ พิพิธภัณฑ์กัญชาแห่งแรกของโลกเช่นเดียวกัน

นอกจากอัมสเตอร์ดัมจะเป็นเมืองหลวงกัญชาของยุโรปที่ผู้คนสามารถซื้อ และใช้กัญชาได้อย่างสบายใจแล้ว หลายคนที่เป็นผู้เบิกทางก็หันมาให้ความสำคัญเรื่องความรู้ และการเล่าประวัติศาสตร์ในการก้าวผ่านกัญชาเสรีมาตั้งแต่ยุค 70’s หนึ่งในนั้นคือ Ben Dronkers ผู้ต้องการเปิดคลังประวัติศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับกัญชา, กัญชง และแฮชให้กับประชาชน โดยให้ความสำคัญกับประโยชน์ของกัญชาในแง่สันทนาการ และการแพทย์ รวมไปถึงอุตสาหกรรมกัญชง

The Hash, Marihuana & Hemp Museum ถูกก่อตั้ง และเปิดให้บริการในปี 1987 โดย ‘Ben Dronkers’ นักธุรกิจชาวดัชท์ เจ้าของ Sensi Seeds (หนึ่งในค่ายเมล็ดกัญชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก) และ ‘Ed Rosenthal’ ชาวอเมริกันผู้เป็นกระบอกเสียงแนวหน้าเสรีกัญชา และเจ้าของหนังสือระดับตำนานอย่าง ‘Marijuana Growers Handbook’

Dronkers มองเห็นความสำคัญของการสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อพื้นที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์การใช้กัญชาทั้งด้านสันทนาการ และการแพทย์ (recreational and medical usage) ร่วมไปถึงอุตสาหกรรมกัญชง (industrial hemp) ที่เป็นพืชเศรษฐกิจของปัจจุบัน และอนาคต 

Museum archives ในปัจจุบันมีถึง 9,000 ชิ้น ทั้งจากการเดินทางของ Dronkers และผู้คนในวงการกัญชาที่ได้ยินเรื่องพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จนเริ่มมีการส่งของมาจากทั่วทุกมุมโลก (รวมไปถึงผู้บริจาคที่ไม่ประสงค์จะออกนามด้วย) สารพันสิ่งของสะสมถูกสลับเวียนออกมาโชว์ในแต่ละนิทรรศการ รวมไปถึงถูกยืมไปจัดแสดงในประเทศอื่นๆ อย่าง สเปน และอังกฤษ

“พวกเราถูกจับตามองเป็นพิเศษจากรัฐบาลและถูกสั่งปิดให้สัปดาห์แรก
แต่เพราะพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย เราจึงสามารถเปิดให้บริการต่อไปได้” 
– Gerbrand Korevaar, ภัณฑารักษ์

ความผูกพันของกัญชาและชาวดัชท์ ในอดีตสังคมดัชท์มีการใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างแพร่หลาย นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ช่วงของการล่าอาณานิคม และยึดครองแผ่นดินใหม่ในการเดินเรือ ทั้งยังเป็นยุคทองของจิตรกรรมภาพวาดสีน้ำมัน (Dutch Golden Age) ที่เปลี่ยนจากสไตล์บาโรกมาเป็นแนวภาพวาดเหมือนบุคคล, ภาพนิ่ง และวิวทิวทัศน์ เราจึงได้เห็นการใช้ผ้าใบจากใยกัญชงเป็นจำนวนมาก

การปลูกกัญชงด้านอุตสาหกรรม (industrial hemp) แพร่หลายในหมู่ชาวดัชท์ ทุกฐานะทางสังคมต่างใช้ประโยชน์จากต้นพืชนี้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเส้นใย, เมล็ด, ราก, ใบ ฯลฯ ซึ่งสืบต่อมาจนถึงเวลาปัจจุบันที่มีการยอมรับการสูบ และใช้กัญชา (tolerance policy)

ของสะสมในพิพิธภัณฑ์แต่ละชิ้นล้วนประกอบให้เรื่องราวของกัญชาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยในช่วงแรกของสะสมส่วนใหญ่จะเป็นไปป์สูบ ต่อมาก็เริ่มมีงานศิลปะ, ภาพวาดสีน้ำมัน, หนังสือตำรับยา และขวดยาโบราณ รวมไปถึงใบปลิว และตั๋วงานกัญชาในตำนานอย่าง High Times Cannabis Cup ฯลฯ

หนึ่งในของสะสมชิ้นที่เก่าแก่ที่สุดในคลังคงจะเป็นหนังสือตำรับยาดัชท์ ‘The Cruydeboek ฉบับปี 1608’ (ฉบับแรกตีพิมพ์เมื่อปี 1554) โดย ‘Rembert Dodoens’ ที่ระบุถึงคุณสมบัติของกัญชา ไม่ว่าจะเป็นการนำเมล็ดมาแช่นมแล้วต้มกินเพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง, การนำใบ และเมล็ดมารักษาภาวะตัวเหลือง หรือการนำรากมาต้มเพื่อรักษาอาการเจ็บปวดตามข้อ และกระดูก 

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ ‘Smoker’s Painting’ ชุดภาพวาดสีน้ำมันที่บันทึกภาพเหล่าชาวนา และเกษตรกรที่กำลังพี้สูบยาเส้นผสมกัญชาในยามว่าง ยาเส้นในยุโรปตั้งแต่อดีตถือเป็นของมีมูลค่าสูง เหล่าเกษตรกรที่ทำงานตามไร่นาจึงมักนำกัญชงมาสูบผสมกับยาเส้น ภาพชุดนี้วาดโดย ‘Rembrandt van Rijn’ ศิลปินในช่วงศตวรรษที่ 17 นับว่าเป็นสิ่งที่มีมูลค่าที่สุดในพิพิธภัณฑ์ เพราะหากไม่ได้อยู่ที่นี่ภาพวาดเหล่านี้ก็คงไปจัดแสดงภายใน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม’ (Rijksmuseum Amsterdam)

นอกจากนี้ตัวพิพิธภัณฑ์ยังให้ความสำคัญกับแฮช (hash) ที่นับว่ามีอิทธิพลในแถบยุโรปเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่การสูบแฮชจะเป็นที่นิยมในวัฒนธรรมของชาวดัชท์มากกว่าการสูบดอก ในอดีตแฮชถูกนำเข้ามาจากประเทศใกล้เคียงอย่างโมร็อกโก, อัฟกานิสถาน และเลบานอน ซึ่งจะเร็วกว่าดอกกัญชาที่ถูกส่งมาจากอินโดนีเซีย และไทย

ส่วนไฮไลท์เด็ดของที่นี่ก็คือ ห้องทำดอกกัญชา (flowering room) ที่มีต้นจริงกำลังออกดอกอยู่ถึง 5 ต้นใหญ่ แต่เนื่องจากกฎหมายที่ควบคุมการปลูกไว้เพียง 5 ต้น ทางพิพิธภัณฑ์จึงทำงานร่วมกับ Cannabis College เพื่อปลูกต้นอ่อน (vegetation room) เอาไว้สลับกันโชว์ผู้เข้าชม

ด้วยจำนวนของสะสมที่เพิ่มขึ้นในทุกปี พิพิธภัณฑ์จึงตัดสินใจขยายพื้นออกไปเป็น Hemp Gallery ในปี 2009 ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของอุตสาหกรรมเส้นใยกัญชงเป็นพิเศษ โดยมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากใยกัญชงพร้อมกับเปิดไอเดียความเป็นไปได้มากมายหากเราหันมาใช้ประโยชน์จากมัน

ก่อนการระบาดของโควิด-19 มีผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้กว่า 100,000 คนต่อปี แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยววัยรุ่นที่มาลองเปิดประสบการณ์ใหม่ โดยตัวพิพิธภัณฑ์ไม่เพียงต้อนรับเฉพาะผู้สูบเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้เข้าชมมีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้สูงอายุ รวมถึงกลุ่มทัศนศึกษาจากโรงเรียนต่างๆ ในประเทศเยอรมัน (ที่เห็นว่ากำลังวางแผนเปิดเสรีกัญชาในปีนี้)

“เราเชื่อว่าการจัดแสดงสิ่งของเหล่านี้จะช่วยเล่า และสร้างโครงประวัติศาสตร์ของกัญชา
ที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในหนังสือเรียนในประเทศเนเธอร์แลนด์ และในยุโรป” 
– Simone Badoux, หัวหน้าแผนกการตลาด

ปัจจุบัน Dronkers ในวัย 73 ปียังคงทำงานร่วมกับ ‘Gerbrand Korevaar’ คัดเลือกสิ่งของมาโชว์ในพิพิธภัณฑ์อายุกว่า 36 ปีแห่งนี้ รวมไปถึงออกหนังสือ ‘Weed of Wonder’ ร่วมกันในปี 2021 เพื่อบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์กัญชาโลก และวัฒนธรรมกัญชาของชาวดัชท์

The Hash, Marihuana & Hemp Museum
ที่อยู่: อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
Hemp Museum, Oudezijds Achterburgwal 148
Hemp Gallery, Oudezijds Achterburgwal 130
ค่าเข้าเยี่ยมชม: 9 ยูโร
เว็บไซต์: Hash Marihuana & Hemp Museum

FYI: ปัจจุบัน The Hash, Marihuana & Hemp Museum มีสองสาขาให้เข้าชมคือ อัมสเตอร์ดัม และบาร์เซโลน่า (ที่เปิดให้บริการเมื่อปี 2012) โดยภายในพิพิธภัณฑ์จะมีไกด์ทัวร์แบบ audio tour ซึ่งแนะนำให้หยิบมาฟังควบคู่กับการเยี่ยมชม

ขอขอบคุณ

Simone Badoux – Head of marketing
Gerbrand Korevaar – Museum curator