“วันหนึ่งชายหนุ่มทั้ง 5 มารวมตัวกันที่ Wayfer Records สร้างทุ่งข้าวโพด แล้วก็บู้มม…เกิดเป็น Cornboi”
‘Cornboi’ 5 หนุ่มที่มีใจรักดนตรี และเสียงเพลง พวกเขาใช้ความสามารถของแต่ละคนทำวง และทำเพลงออกมาแล้วถึง 8 เพลง ไม่ว่าจะเป็น ‘หน้าร้อน’ ‘เอ่อคือเรามีไรจะบอก’ ‘สิ่งที่เธอพูดออกมา’ ‘เป็นเพียงเพราะ’ ‘โบจจิ’ ‘ไวกว่านี้!’ ‘Postcard’ และซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง ‘ก่อนที่’ ด้วยชื่อเพลงที่จำง่าย ท่อนฮุกที่ติดหู บวกกับท่วงทำนองสไตล์ Cornboi ทำให้ไม่ว่าใครฟังก็ต้องรู้ว่านี่คือ เพลงของ 5 หนุ่ม ภูมิ – ภูมิ โชติทิฆัมพร (ร้องนำ), โฟน – ศุภณัฐ เผ่าละมาน (เบส), เสิร์ช – จักรพงศ์ จิตรทรัพย์ (กีต้าร์), บอย – ณัฐพงษ์ แสงสว่าง (กีต้าร์) และ เสือ – อภิสิทธิ์ ศรีแย้ม (กลอง) EQ อยากชวนผู้อ่าน ไปทำความรู้จักพวกเขา และเพลงเพราะๆ ของเขากัน
อะไรคือ จุดเริ่มต้น และแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดวง Cornboi
เสือ: ทุกคนเป็น 1 ในสมาชิกของชมรมดนตรีของมหาวิทยาลัย ส่วนผมเป็นรุ่นพี่ ได้เห็นศักยภาพของแต่ละคน จึงค่อยๆ ชวนเขามาทำเพลงด้วยกัน
Cornboi (.fromtheday) ชื่อนี้มีที่มาอย่างไร
เสิร์ช: ตอนนั้นจะตั้งชื่อวงกัน แล้วไม่รู้จะตั้งว่าอะไร เพื่อนๆ ก็ไม่รู้จะ ผมดันไปอินวงดนตรีวงหนึ่งที่มีชื่อยาว และคล้องจองกัน ก็อยากได้ชื่อยาวๆ ในวงเราบ้าง ผมเลยคิดในใจ แล้วมีคำว่า ‘from the day you gone’ ขึ้นมาในหัว ซึ่งมันดูเข้าท่าดีนะ เลยคิดว่าคำว่า gone จะคล้องจองกับคำไหนได้บ้าง เลยลองหา หาไปหามา ก็ได้คำว่า Corn มา ก็กลายเป็น [FromTheDayYouGone] IGROWMYCORNEVERYDAY ผมพูดทุกวันจนได้ชื่อนี้มา เสนอเพื่อนไปเพื่อนก็ชอบ นานวันเข้ามันยาวจัด (หัวเราะ) กลัวจำไม่ได้ พี่เสือเลยเสนอว่า ไหนๆ เรามีชื่อยาวของวง เราก็ลองมีมาสคอตของวงด้วยดีไหม เป็นน้องข้าวโพด เราก็รู้สึกว่า ดีนะ เป็นน้อง ‘Cornboi’ เลยใช้เป็นชื่อเล่นของวงพวกเรามาโดยตลอด จนเอามาใช้เป็นชื่อวงจริงๆ เพราะจำง่ายกว่า และเรียกง่ายกว่า
Cornboi ทำวงมากี่ปี แล้วมีแนวเพลงแบบไหน
เสิร์ช: น่าจะ 3 ปีได้แล้วครับ เป็นแนวเซิ้ง (หัวเราะ) เป็นแนวป๊อบครับ
ใครคือศิลปินที่แต่ละคนชื่นชอบ และมีอิทธิพลต่อการทำเพลงของวง
ภูมิ: ตั้งแต่ช่วงทำวงแรกๆ ผมค่อนข้างจะฟังเพลงไทยน้อย ฟังเพลงอินดี้ญี่ปุ่น เกาหลี จริงๆ ที่ชอบที่สุดคือ ‘TENDRE’ เป็นศิลปินญี่ปุ่น เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง และเมโลดี้ด้วย ฏ
เสิร์ช: ที่ฟังหลักๆ วนไปวนมาก็มีตั้งแต่ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน มาจนถึงฝรั่ง แต่ที่อินมากๆ และมีอิทธิพลต่อการทำเพลงคือ ‘The 1975’ ครับ และ ‘Phum Viphurit’ เป็นคนที่ชอบ ‘Cory Wong’ เขาเป็นมือกีตาร์เลยเอามาปรับใช้กับวง
บอย: เมื่อก่อนจะฟังวงไทยเสียส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยฟังต่างชาติ เพื่อนๆ ก็เริ่มมาฟังต่างชาติมากแล้ว ที่ฟังหลักๆ ตอนนี้ก็ ‘The 1975’ เหมือนกันครับ
โฟน: ผมชอบ ‘Arctic Monkeys’ ’The Strokes’ ชอบตั้งแต่มัธยมแล้ว ตอนนี้ก็ยังฟังอยู่ ยึดอะไรบางอย่าง และพยายามยัดเยียดให้เพื่อนๆ แบบว่าเวลาทำเพลงก็ เฮ้ย…เอาแบบนี้ๆ (หัวเราะ)
เสือ: ของผมจริงๆ แล้วต้องบอกก่อนว่า พวกเราฟังเพลงในสโคปเดียวกันอยู่แล้ว ก็จะแชร์ๆ กัน แต่นอกจากที่ทุกคนฟัง ผมก็จะฟังพวกเพลงบรรเลง ‘Nate Smith’ เป็นมือกลองที่ตีให้ Cory Wong เหมือนกัน
จุดเด่นของวง Cornboi คืออะไร
บอย: ความหล่อ (หัวเราะ)
เสือ: เอกลักษณ์ที่มา และส่วนใหญ่ที่คนฟังได้ คือ ภาษาของภูมิมากกว่า เพราะเขาใช้ภาษาได้ไม่เหมือนกับคนแต่งเพลงในช่วงนี้ เขาจะใช้ภาษาที่ค่อนข้างเก๋านิดหนึ่ง อีกหนึ่งจุดคือ ความเฮฮา เพราะวงค่อนข้างเป็นกันเอง เวลาที่อยู่ด้วยกัน หรืออยู่กับแฟนคลับ
“คำของภูมิ เมโลดี้ภูมิ และมันเหมือนความเก๋าๆ อะไรบางอย่างของภูมิผสมกับดนตรีที่ไม่ได้เก่า” – โฟน
โฟน: ตอนนี้คิดว่าน่าจะยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เออ..ก็น่าจะเป็นเนื้อร้องของภูมิ (หัวเราะ)
เสิร์ช: กลับมาที่เดิมๆ (หัวเราะ) การแต่งเพลงด้วย เพราะภูมิเป็นหลักในการแต่งเพลง น่าจะเป็นที่เนื้อร้อง และเมโลดี้ที่จำง่าย แบบ ลมเย็นๆ ที่มาจากไอร้อน
เสือ: บุคลิกของวง เวลามีออกงาน หรือ Live คนฟังเขาจะมาเห็นความเป็นกันเอง ความสนุกกกสนาน เขาก็ชอบครับ
คิดว่าอะไรที่ทำให้เพลงของ Cornboi ฮิตในกลุ่มเด็ก Gen Z
ภูมิ: น่าจะเป็นวัยที่ใกล้เคียงกัน การสื่อสารด้วย แต่ผมเองก็ไม่ได้แก่กว่าเด็ก Gen นั้นเท่าไรหรอก ก็รู้สึกว่า การเล่าเรื่องจากเพลง อาจจะ relate เขาได้ครับ
ชื่อเพลงของ Cornboi มีที่มาอย่างไร
โฟน: มาจากความมั่วซั่วล้วนๆ เลยครับ ‘เอ่อคือเรามีไรจะบอก’ ตอนนั้นผมกำลังคิดว่าจะตั้งชื่อเพลงอะไรดี แล้วเนื้อหาเพลงฟีลกำลังจะบอกรักเพื่อน มันก็ต้องฟีลกล้าๆ กลัวๆ สิ พอนึกถึงตัวเองถ้าต้องบอกรักอะไรสักอย่าง จะบอกอะไรที่สำคัญแต่ไม่กล้าบอก ก็แบบ ‘เอ่อเพื่อน คือมีอะไรจะบอกว่ะ’ อะไรทำนองนี้
เสิร์ช: อย่าง ‘โบจจิ’ ก็เป็นชื่อตัวละคร ถ้าเพลงไหนที่มีชื่อมาแล้ว อย่าง ‘หน้าร้อน’ ก็ใช้ชื่อนั้นไปเลย เพราะเราชอบชื่อนี้ ก็ใช้ไปเลย
เนื้อหา และการนำเสนอเพลงส่วนใหญ่เป็นแบบไหน
ภูมิ: จริงๆ ค่อนข้างหลากหลายพอสมควร การเข้าถึงเนื้อหาเพลง หลายๆ เพลง ส่วนใหญ่จะมาจากประสบการณ์ของตัวเองด้วย และมีของเพื่อนๆ นำมาตีความอีกที
เสิร์ช: รักสิ่งของ รักสัตว์เลี้ยง รักพ่อแม่ รักในศิลปิน
โฟน: บางเพลงอาจไม่พูดถึงความรักเลยก็มีครับ อย่างเพลงไวกว่านี้ ก็เล่าเรื่องการนัดกันแล้วไปสาย มันก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่เราต้องเจอกันอยู่แล้ว ผมรู้สึกเหมือนเปรียบเทียบ Cornboi เป็นคนๆ หนึ่งที่เจอทั้งเรื่องเศร้า เรื่องรัก หรือเรื่องอื่นๆ ทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวันด้วยครับ
“บางอย่างก็ไม่ได้เล่าแค่เรื่องคู่รักของหนุ่มสาวอย่างเดียว เราพูดเป็นกลางๆ ทั้งเรื่องความรัก คนในครอบครัว สิ่งของ หรือสัตว์เลี้ยง นำเสนอไปทางกลางๆ และให้คนฟังได้คิด” – เสือ
กว่าจะเป็นหนึ่งเพลงของ Cornboi ใช้เวลานานเท่าไร
โฟน: บางเพลง 2 อาทิตย์ อย่างเพลง ‘Postcard’ เร็วสุด บางเพลงก็ครึ่งปี ซึ่งผมว่ามันแล้วแต่เพลงมากๆ ว่าตอนนั้นมันมาเร็วมาช้า บางเพลงภูมิแต่งคืนเดียวเสร็จ หรือได้ 2 เพลงเลย บางเพลงก็แต่งข้ามปี
ภูมิ: ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับที่ผมแต่งเพราะว่า ถ้าเพลงไหนที่แต่งเสร็จเร็วก็จะเอามาทำต่อได้เลย บางเพลงก็แต่งมาแค่ท่อนเดียว ยังคิดไม่ออก แล้วไปทำอย่างอื่นก่อนนานๆ ค่อยกลับมาทำอีก
เพลงไหนของวงที่คิดว่ายากที่สุด
ภูมิ: มันยากคนละแบบในทุกๆ เพลงเลยครับ เพราะว่าเราก็ไม่ได้มีประสบการณ์เยอะขนาดนั้น เราก็เพิ่งทำมาไม่นานมาก ในแต่ละเพลงก็มี Mode มีดีเทลที่แตกต่างกันพอสมควร วิธีใช้วิธีเล่นต่างๆ ก็ต่างกัน มันก็เหมือนการทดลอง เลยไม่รู้ว่า มันต้องใช้อะไรบ้าง มันเลยยากทุกเพลง แต่เราทำเพลงช้าอาจไม่ถนัดมาก
เสิร์ช: อยู่ที่เพลง จังหวะ และช่วงเวลาในตอนนั้น ว่าเราจะจัดการตรงนั้นอย่างไร
การทำงานในเพลง ‘ก่อนที่’ (Moon) เป็นอย่างไรบ้าง
ภูมิ: เพลงนี้เกี่ยวกับการที่เราต้องจากใครสักคน อาจไม่ใช่คนรัก อาจเป็นสิ่งของที่เรารักมากๆ หรือสัตว์เลี้ยง พ่อแม่ เพื่อนๆ ก็ได้หมดเลย ในทุกๆ ความสัมพันธ์ เราอาจจะรู้อยู่แล้วว่า วันหนึ่งมันต้องจบลง ถึงรู้แบบนั้นแต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรให้เปลี่ยนไปได้ อย่างไรมันก็ต้องจบลงอยู่ดีครับ อยากให้ยอมรับมันให้ได้ ประมาณนั้นครับ
โฟน: ตอนแรกคุยกันว่าเพลงนี้ฟีลแบบอคูสติก แค่กีตาร์ ไม่ต้องมีกลอง มีเบส มันก็ถูก Develop มาเรื่อยๆ จนกลายเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน ซึ่งเราแก้ไปหลายดราฟต์มาก
เสิร์ช: Moon_new Moon_new new มู้นนน (หัวเราะ) กว่าจะได้เวอร์ชั่นนี้ก็นานพอสมควร แล้วก็มาขั้นตอนการอัด และถ่ายเอ็มวี
โฟน: ตอนแรกมีกีตาร์ไฟฟ้ามารู้สึกว่ามู้ดมันยังไปไม่ถึง ลองใส่กลอง ฟีลมันจะพุ่งพล่านไปหรือเปล่า ส่วนเอ็มวีเราแค่เล่าสตอรี่ให้ผู้กำกับฟังครับ
บอย: เราคิดกันบ่อยมาก
ช่วยเล่าโมเมนต์ที่ประทับใจในการทำวง Cornboi ของแต่ละคนให้เราฟังหน่อย
บอย: ผมว่าทุกโมเมนต์ครับ เอาจริงๆ มันก็มีทั้งดี และไม่ดีนะ สุดท้ายมีงานออกมามันก็ดีตลอด ได้ทัวร์กับเพื่อน เหมือนเราทำให้มันกลายเป็นงานอดิเรก นั่นแหละมันดี ได้อยู่กับเพื่อน ได้ทำเพลง นั่นมันก็ดี
เสือ: จริงๆ สิ่งที่ดีที่สุดคือ ‘คำตอบ’ คำตอบของเรื่องอะไร ผมคือคนเดียวในวงที่ต้องทำงานประจำ ซึ่งนั่นทำให้ผมไม่สามารถเข้ามาอินไซด์กับวงได้ เรากินนอนกันไม่ได้เหมือนแต่ก่อนตอนเริ่มทำวงด้วยกัน ตอนที่เริ่มทำวงด้วยกันคือ การที่น้องๆ ทุกคนมาอยู่ห้องผม ณ ปัจจุบันนี้มันไม่มีแบบนั้นแล้ว ทุกคนก็แยกย้าย ตัวเองก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเองเหมือนกัน และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหนักอึ้งมากที่สุดคือ ผมเคยตัดสินใจว่าจะออกจากวงดีกว่า ให้น้องๆ ไปกันต่อ ผมเลยตัดสินใจพูด ตอนที่คุยกันว่า พี่ออกดีกว่าไหม พวกนายจะได้ไปต่อ น่าจะภูมิ หรือโฟน ที่พูดออกมาว่า ไม่เป็นไรหรอกพี่ พี่ก็ไปทำงานของพี่ ไม่เห็นเป็นไร ผมก็ทำกันได้ ผมเองที่มองว่าเป็นเรื่องหนัก แต่น้องๆ บอกไม่เป็นไรก็ไปด้วยกันต่อได้ ผมประทับใจตรงนี้ครับ มันเหนียวแน่นกันตรงนี้แหละ
ภูมิ: ผมชอบการทำงานร่วมกันกับวงนี้ เพราะเวลาเราต้องการอะไร หรือชอบไม่ชอบอะไรตรงไหน เราพูดกันได้ตรงๆ เลย คุยกันด้วยเหตุผลจริงๆ รู้สึกว่าพอทำงานด้วยแล้วค่อนข้างจะสบายใจ
เสิร์ช: ผมประทับใจจากที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ตอนนี้เราเริ่มที่จะเป็น Someone ขึ้นมา มีคนติดตามเวลา Live มีคนดูเยอะ เวลาไปคอนเสิร์ตมีคนต่อคิวขอถ่ายรูป เป็นโมเมนต์ที่เราไม่คิดว่ามันจะมีแต่มันก็มีนะ การทำงานก็เหมือนเดิมชิลๆ กับเพื่อนอยู่แล้ว มันจะจริงจังขึ้นกว่าตอนที่ทำแรกๆ ตอนนั้นยังไม่มีค่ายยังอินดี้จะทำอะไรก็ได้ พอมีค่ายเราก็เริ่มจริงจัง และมีความรับผิดชอบมากขึ้น เป็นอีกอย่างที่ชาเลนจ์ตัวเอง รู้สึกประทับใจทั้งเรื่องการทำงานตรงนี้กับเพื่อน และเรื่องภายนอกที่แฟนคลับได้รับ บางทีมีคนมานั่งปรับทุกข์กับพี่เสือ คือมันมีหลายอย่าง และรู้สึกว่ามันสนุก เราเป็น Someone ใน anyone who watching us แค่นี้แหละครับ
โฟน: โมเมนต์ที่ผมชอบที่สุดกับไอพวกนี้เหรอครับ ชอบตอนไปทัวร์ครับ หมายถึง ตอนหลังจากเล่นเสร็จ มันสุดยอดมาก แต่เราจะไม่พูดดีเทลครับ มันคือ magical หลังจากเล่นเสร็จ (หัวเราะ) และอีกช็อตที่รู้สึกว่าเป็นโมเมนต์ที่สนุกทุกครั้งคือ ตอนอัดเพลงในสตูฯ มันรู้สึกเหมือนเราผ่านการ Brainstrom ใครมีไอเดียอะไรตรงนั้นก็ใส่ไปให้หมด ถ้าใส่ไปแล้วไม่เวิร์กก็ลบทิ้ง (หัวเราะ)
“เหมือนเราได้กลายเป็นบางคนสำหรับอีกคน เราไม่ใช่เป็นใครก็ไม่รู้ที่เดินสวนกัน กลายเป็นคนที่เขาตั้งใจมาหา เขารู้จักชื่อเรา เขารู้นิสัยเราพอสมควร รู้ว่าเราจะพูดยังไง ปรับทุกข์ได้” – ภูมิ
ถ้าต้องเลือก 1 เพลง เพื่อบอกความเป็น Cornboi จะเลือกเพลงอะไร
เสือ: ‘เอ่อคือเรามีไรจะบอก’ ผมชอบเพลงนี้ ด้วยแนวดนตรี ผมชอบแบบนั้น ตอนนั้นรู้สึกว่าเลเยอร์ในโปรแกรมมันเยอะมาก ผมชอบมากๆ ที่เราได้ทำเพลงที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะมาใช้ ก็เลยชอบเพลงนี้เป็นการส่วนตัว และชอบมาตลอด
โฟน: ของผม ‘ไวกว่านี้’ ด้วยความที่ Cornboi มี Attitude ของวงเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีความสนุก ไม่ใช่เพลงที่เศร้าเกิน ด้วยดนตรีของมัน มีการเล่นเอฟเฟกต์โน่นนี่นั่น มันดูมั่วซั่วดี จังหวะดนตรีที่สนุก กับเนื้อเพลงที่ไม่ได้เล่าเรื่องความรัก หรือเรื่องอะไร เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน ผมว่าเพลงนั้นคือ Cornboi จริงๆ
บอย: ของผมก็เหมือนโฟนครับ ด้วย element ของ ‘ไวกว่านี้’ มีความเป็น Cornboi มากที่สุด ฟีลวิ่งเล่นสนุกๆ เรื่องซาวด์เราได้ทดลองตลอดสำหรับทุกๆ เพลง ในสิ่งที่มีอยู่แล้ว
เสิร์ช: น่าจะ ‘ไวกว่านี้’ มันน่าจะเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า ถ้าเป็นตัวผมเอง ก็คือผมไม่ได้คิดอะไรเยอะเลยกับเพลงนี้ เราต้องการแบบนี้ แล้วมันไปแบบนี้จริงๆ ซึ่งเพลงนี้ได้มาโดยบังเอิญ แบบอยู่ดีๆ นั่งแจมกัน ผมดีดคอร์ดหนึ่งแล้วมาเล่นๆ กัน เฮ้ย..ได้ว่ะ แล้วก็เก็บไปใช้ แล้วมาทำใหม่ก็ได้เป็นแบบนี้ เราก็เปลี่ยนโน่นนิดนี่หน่อย โอเค เข้าที่ เรารู้สึกว่านี่คือความปุปปับ และมั่วซั่วที่เป็น Cornboi มากกว่า
ภูมิ: ถ้าพูดในพาร์ทดนตรี หรือโดยรวม ผมรู้สึกว่าเป็นเพลง ‘ไวกว่านี้’ เหมือนกัน จริงๆ เมื่อก่อนจะรู้สึกว่าเป็นเพลง ‘เอ่อคือเรามีไรจะบอก’ แบบที่พี่เสือชอบ แต่พอผ่านกาลเวลามา เหมือนเราได้พัฒนาขึ้นจากอันนั้น และมันมีความเป็นตัวเราเข้าไปมากกว่าเดิม ผมเลยรู้สึกว่า อันนี้ใช่สุด ด้วยเลเยอร์ดนตรี วิธีการเล่นต่างๆ หรือความซนในการใช้เครื่องมือต่างๆ เอฟเฟกต์ต่างๆ และเนื้อเพลงด้วย แต่ถ้าพูดถึงในพาร์ทของเนื้อร้อง หรือความหมายของเพลง ผมรู้สึกว่าเลือกไม่ถูกว่าเพลงไหนเป็น Cornboi มากที่สุด เพราะผมเป็นคนแต่งเองด้วย ผมแต่งมาทุกเพลงก็รู้สึกว่ามันเป็น Cornboi หมด ประมาณนั้นครับ
การเป็น Cornboi ให้อะไรกับพวกเราบ้าง
ภูมิ: ผมรู้สึกว่าให้เยอะมาก ทำให้เราได้คอนเนกชั่นใหม่ๆ ได้เจอคนใหม่ๆ ได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ผมไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้ไปทัวร์ต่างจังหวัด มีวงดนตรี มีคนรู้จัก มีคนร้องเพลงเราได้ เป็นเรื่องที่ดี
เสิร์ช: ถ้าได้จริงๆ คือ ได้รู้หลายๆ อย่างในเรื่องของเบื้องหลังเพิ่มมากขึ้นครับ การทำดนตรีมันต้องมีเรื่องหลังบ้าน เรื่องคอนเทนต์ลงเพจ เรื่องการเปิดยูทูป เรื่องการรับเงิน มันทำให้รู้ว่า ทำวงดนตรีมันมีเรื่องหลังบ้านด้วยนะ เราต้องทำหลายๆ อย่าง ตอนทำวงแรกๆ ก็วุ่นวายกับเรื่องพวกนี้อยู่ ได้มีสกิลเรื่องการอัด การเล่นที่เพิ่มมากขึ้นด้วย การฟัง และมีเรฟเฟอร์เรนท์มากขึ้น พออยู่กับเพื่อนก็ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ และทำออกมาได้ สำหรับของแถมคือ เหมือนที่ภูมิพูด ได้คนที่รู้จัก ที่ร้องเพลงของเราได้เยอะขึ้น คนที่อยากจะมาพูดโน่นนี่ให้ฟัง แบบ ‘พี่หนูหัดเล่นกีตาร์เพลงไวกว่านี้มันยาก พี่เล่นอย่างไร’ มันคือของแถมที่ได้มา เป็นอะไรที่เยอะมาก เป็นอีกอย่างที่ประทับใจมากในการเป็น Cornboi
บอย: นั่นคือ กำไรของพวกเรา และพวกเราก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย เราทำงานด้วยกัน เราก็ได้อะไรหลายๆ อย่าง เหมือนเราเรียนคนละคณะ การทำงาน และความรู้ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน เราก็มาแชร์กัน และได้เรียนรู้ด้วยกันในนี้ ได้ทำงาน และได้โตขึ้น เราสามารถทำงานกับบริษัท สามารถติดต่องานโน่นนั่นนี่ ถือว่าได้โตมากๆ
โฟน: ของผมน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี อย่างตอนไปทัวร์ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ตอนทำเพลง หรือตอนเข้าสตูดิโอ เป็นประสบการณ์ที่ตอนเด็กๆ เล่นดนตรีแล้วโตมาอยากมีแบบนี้มานานแล้ว และตอนนี้ก็มีแล้ว เลยรู้สึกว่าดีจังเลย แล้วผมเคยเล่นดนตรีกลางคืนอยู่ช่วงหนึ่งตอนเรียนมหา’ลัย ซึ่งการไปทัวร์แล้วเล่นเพลงของตัวเอง และมีคนร้องตามได้มัน Fulfill มากกว่าการ Cover เลยรู้สึกชอบตรงนี้มากๆ มันอิ่มเอมใจ
เสือ: สิ่งที่ Cornboi ให้กับผมคือ ทำให้ความฝันของผมเป็นจริง ผมมีความฝันแค่อย่างเดียว และทำเป็นอยู่อย่างเดียวคือ การตีกลอง แล้วผมแค่อยากเป็นศิลปิน Cornboi มันทำให้ความฝันที่มันอยู่แค่มโนภาพ กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้
อยากบอกอะไรกับแฟนเพลง หรือคนที่คอยซัพพอร์ตเราไหม
บอย: ก่อนอื่นต้องขอบคุณมากๆ ถ้าไม่มีทุกคนก็ไม่มี Cornboi ถึงแม้จะเป็นคำที่เลี่ยนแต่โคตรจริงเลย ขอบคุณที่คอยซัพพอร์ต คอยติดตามพวกเรา และตามไปดูคอนเสิร์ต
เสิร์ช: อยากบอกแฟนคลับว่า ฟังเพลงพวกเราเยอะๆ อย่าเพิ่งไปไหน เพราะทุกวันนี้เราก็พยายาม และตั้งใจทำผลงานดีๆ ออกมาให้ทุกคนฟัง
โฟน: ตั้งใจทำทุกอย่าง ทั้งโชว์ ทำเพลง คิดโน่นนี่นั่น ทุกอย่างที่ดีเพื่อให้พวกคุณได้รับในสิ่งที่ดี เท่าที่เราจะทำได้ในขณะนั้น
ภูมิ: ขอบคุณที่สนับสนุนพวกเราตลอดมา ทำให้มีกำลังใจ และเรี่ยวแรงที่จะอยู่บนเส้นทางนี้ต่อ ก็ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกกำลังใจ อ่านทุกคอมเมนต์แล้วรู้สึกดีมาก มีหลายๆ คนบอกให้พวกเราอย่าเพิ่งเลิกทำนะ เพราะยังไม่ค่อยมีงานเล่น และตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ (หัวเราะ)
บอย: เมนต์ทุกเมนต์ เราเห็นทุกอย่าง และเราได้รับครับ หลังบ้านพวกเราก็ดูแลกันอยู่ครับ
Cornboi จะมีอะไรให้เราได้ติดตามอีกบ้าง
โฟน: ซิงเกิ้ลต่อไปผมรู้สึกว่าอะไรๆ มันจะเริ่มตกตะกอนมากขึ้น เพราะทำเพลงมาประมาณหนึ่งแล้ว ถ้านับตั้งแต่เพลงแรกคือ หน้าร้อน จนถึงเพลงล่าสุด เหมือนเราได้เจอตัวเองมากขึ้น อย่างหน้าร้อนเรางมๆ จับอะไรมายัดๆ จนเพลงหลังๆ เริ่มรู้แล้วว่าต้องแบบนี้ มันจะเป็นเรา ซิงเกิ้ลต่อไปเริ่มเจอตัวเอง มันเลยรู้สึกใช่ รอติดตามเร็วๆ นี้
เสิร์ช: แพลนในอนาคตของเราก็ไปเรื่อยๆ ครับตอนนี้ เรื่องการทำเพลงก็ยังมีมาเรื่อยๆ
ภูมิ: จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะพัฒนาไปเรื่อยๆ ฝากทุกคนติดตามด้วยครับ
โฟน: อนาคตอันใกล้ก็น่าจะอยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง
ภูมิ: จริงๆ ก็คิดๆ คุยๆ กันไว้ แต่อาจยังไม่เหมาะในตอนนี้ ต้องรอติดตามในอนาคต ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเหมือนกัน มันต้องมีแน่ๆ
เสิร์ช: เพลงใหม่รอติดตามเร็วๆ นี้ เร็วจริงๆ เร็วมาก ชื่อเพลง ‘เอาไว้ก่อน (Hold On)’ ปล่อยวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ผลงานเอ็มวีร่วมงานกับน้องปันปันยียีครับ รอติดตามนะครับ
ติดตามผลงาน หรืออัพเดตข่าวสารของ Cornboi ได้ที่
YouTube: Wayfer Records
Facebook: Cornboi.fromtheday
Instagram: @cornboi.fromtheday
และ Music Streaming ทุกแพลตฟอร์ม