Art

CupcakKe แร็ปเปอร์สุดมั่นที่มีดีมากกว่าเสียงคราง

“Smack my asssss” 

เปิดมาแบบนี้ร้อยทั้งร้อยอาจจะร้องท่อนต่อไปได้ทันที จากสภาวะหลอนหูของเสียงรีมิกซ์ของ CupcakKe แร็ปเปอร์สุดมั่นจากชิคาโก้ ที่ไม่ว่าจะสไลด์หน้าจอ TikTok ไปกี่ครั้งก็ต้องเจอทุกครั้ง กับปรากฏการณ์ไวรัลที่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทุกแนวดนตรี ที่โดนเสียงครางสุดเสียวกับเนื้อเพลงชวนจักจี้หูจับมารีมิกซ์ พร้อมยอดวิวรวมกว่า 2.4 ล้านวิว ตั้งแต่ เพลงป๊อปของศิลปินดัง ยันเพลงคลาสสิคระดับ โมทซาร์ท หรือแม้แต่เวอร์ชันเพลงชาติไทยที่ไม่พลาดจะกลายเป็นหนึ่งในไวรัลนี้ด้วย

ด้วยเหตุผลที่เสียงของเธอยังคงก้องอยู่ในหัว และไม่ว่าเราจะฟังเพลงเวอร์ชันปกติก่อนโดนจับรีมิกซ์ยังไง ก็ไม่อาจต้านทานเสียงครางอันทรงพลังที่แทรกเข้ามาในหัวทันทีไม่ได้ เราก็เลยขอมาทุกคนมาทำความรู้จักกับแร็ปเปอร์สาวความมั่นใจทะลุร้อยอย่าง CupcakKe 

ที่ถึงแม้เพลงของเธอจะเต็มไปด้วยความทะลึ่งกับมุกตลกใต้สะดือ การพูดถึงเรื่องเพศและเซ็กซ์อย่างโจ๋งครึ่ม จนอาจทำให้คนมองข้ามความสามารถและมองเธอเป็นเพียง internet meme แต่จะมีศิลปินคนไหนที่ไฟแรงปล่อยสองอัลบั้มเต็มได้ภายในหนึ่งปี และในทุกเพลงฮิตก็มีตั้งแต่เรื่องราวบนเตียง การยอมรับในรูปร่างของตัวเอง ไปจนถึงประเด็นการเมือง การเหยีดผิว เพศ และเชื้อชาติ 

https://www.youtube.com/watch?v=jYpZ3yvag5c

Cum Cake เดบิวต์อัลบั้มของเธอถูกปล่อยออกมาในปี 2016 พร้อมกับเพลง “Vagina” ต้นตอของไวรัล “smack my ass like a drum” ในตอนนี้นั้นเอง ซึ่งในตอนนี้เพลงดังกล่าวถูกปล่อยออกมา ทุกสื่อดนตรีต่างก็ให้ความสนใจกันเธอในทันที กับความกล้าที่ออกมาพูดถึงเรื่องเพศอย่างแซ่บถึงใจในมุมมองของผู้หญิง ตอบรับกับกระแสดังระเบิดของตัวแม่ Carbi B ที่ออกมาปูทางแสนปังให้วงการแร็ปเปอร์หญิงไปก่อนหน้าไม่นาน แหวกขนบฮิปฮอปที่มักจะมีแต่แร็ปเปอร์ชายออกมาชวนเสียวผ่านลีลาการแร็ปในมุมมองของผู้ชายเท่านั้น แน่นอนว่าทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาในทันที โดยเฉพาะกับกลุ่มแฟนคลับของเธอที่เรียกตัวเองว่า slurpers 

แน่นอนว่าเมื่อทุกหูพร้อมที่จะรับฟังเรื่องราวของเธอ เธอก็เสิร์ฟมาแบบไม่ยั้งพร้อมกับการเป็นกระบอกเสียงและเคียงข้างทุกความแตกต่าง อย่างเช่นในเพลง LGBT จากอัลบั้ม Audacious ในปี 2016 ที่ตั้งใจมอบให้กลุ่ม LGBTQ+ โดยเฉพาะ รวมไปถึงเพลง “Crayon” ในปี 2018 จากอัลบั้ม Ephorize ที่นอกจากเรื่องเพศแบบเสียวๆ แล้วยังเต็มไปด้วยเรื่องราวชีวิตที่กว่าจะมาถึงวันนี้ของเธอ กับการเติบโตมาท่ามกลางกับเรื่องวุ่นวาย ปัญหาที่ส่งผลทั้งความมั่นใจและจิตใจ การยอมรับในรูปร่างตัวเองและอีกมากมาย เช่นในเพลง “Self Interview” และ “Pedophile” ที่พูดถึงเรื่องราวของเด็กสาวที่ถูกผู้ใหญ่คุกคามทางเพศ จากประสบการณ์วัยเด็กกับการต้องเป็นคนไร้บ้านต้องอยู่ในสถานพักพิงกับแม่ของเธอ 

https://www.youtube.com/watch?v=hu_XwnAiMXg

“โลกควรได้รับรู้เรื่องนี้ และเด็กสาวที่อาจต้องเจอกับเรื่องราวแบบนี้จะได้รู้วิธีการรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนเดียวแน่ๆ ที่ต้องเจอกับเรื่องราวแบบนี้ ฉันรู้ว่ามีเด็กอีกหลายคนต้องเจอเช่นกัน เสียงของทุกคนมีคุณค่าและฉันก็แค่พยายามจะใช้เสียงของฉันให้มีประโยชน์มากที่สุด” ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของเธอกับนิตยสาร Dazed ที่เธอเล่าถึงความรู้สึกเมื่อทุกคนพร้อมจะมองข้ามสิ่งเลวร้ายที่เธอเจอ เพียงเพราะเธอแร็ปเกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศ และเพลงที่ชวนเสียวของเธอ ที่ว่าตามจริงแล้วก็มีเพียงไม่กี่เพลง (แต่ก็ดันดังและติดหูแบบปฏิเสธไม่ได้) 

“ฉันมีเพลงเป็นร้อยเพลง พวกเพลงเสียวๆ ก็มีแค่ไม่กี่เพลงเอง” 

โดยเฉพาะกับ “Cpr” จากอัลบั้ม Queen Elizabeth เมื่อปี 2017 อีกหนึ่งไวรัลด้วยท่อนร้องคราง ที่ไม่ว่าจะถูกจับไปรีมิกซ์กับเสียงหรือวิดีโอไหนก็พร้อมเรียกยอดวิวและเสียงหัวเราะ ที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ถึงต้องสมัครแอคเคาท์ TikTok แล้วมาคอมเมนท์บนหนึ่งในวิดีโอรีมิกซ์ด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ

https://www.youtube.com/watch?v=-7Sfx-7I6KU

ภายใต้ไวรัลแห่งความเสียวนี้ จริงๆ แล้วทำให้เราสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รวมถึงในบ้านเราเองได้หลากหลายมุมด้วยเช่นกัน อันดับแรกเลยแน่นอนกับโชคชะตาของคนดวงจะดังช่วยไม่ได้ ที่ต่อให้เพลงถูกปล่อยออกมาเมื่อหลายปีแล้ว ก็ยังถูกขุดกลับมาดังได้อีกครั้งอย่างไม่มีใครคาดคิด ที่เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าดนตรีคือตัวเชื่อมโยงผู้คน สังคม และวัฒนธรรมให้เข้ากันได้โดยไม่มีใครสามารถบังคับได้ 

หากใครยังจำกัดได้เมื่อปีสองปีที่แล้วได้เกิดปรากฏการณ์ไวรัลคล้ายๆ กันนี้มาก่อนแล้วกับประเด็นเรื่องเพลง “ปูหนีบอีปิ” ของ พร จันทพร พอดีม่วน ที่ ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล แห่งวง Blackpink ได้หยิบเอาท่าเต้นพร้อมเพลงดังกล่าวไปเต้นในรายการ knowingbros ที่หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่พร้อมกับยอดวิวกว่า 98 ล้านวิวในตอนนี้ ก็ตามมาด้วยประเด็นการพูดคุยของชาวเน็ตอย่างเผ็ดร้อนที่แบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งคือคนที่มองว่าเนื้อหาของเพลงมีความสองแง่สองง่าม ไม่เหมาะสมกับการเล่นคำกับอวัยวะเพศหญิง อีกฝั่งที่มองว่าเป็นเพียงความบันเทิงและความสวยงามของการเล่นคำและภาษาไทย ที่ดิ้นได้ยิ่งกว่าภาษาอังกฤษ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ได้อมยิ้มไปกับเพลงอย่าง “ลิ้นจี่หน้าหอ” ของ ชนัล ปฐมวงศ์ หรือที่สุดแห่งความไวรัลในบ้านเราอย่าง “ยายมี ยายมี ขายหอย ยายมอย ยายมอย ขายหมี

และในขณะที่เรากำลังขำกับไวรัลนี้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแนบเนียน แบบที่เราแทบไม่รู้ตัว คือการเปิดกว้างและยอมรับการพูดถึงในเรื่องเพศ เรื่องบนเตียงอย่างเปิดเผย และการถูกปฏิบัติให้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่าน 

แต่สำหรับสังคมไทยที่ยังมีมุมมองต่อเรื่องราวเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดถึง ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เอาไว้ เป็นความทะลึ่งตึงตังที่น่าอับอาย แต่หารู้ไม่การฝังหัวด้วยแนวคิดและผลักเรื่องเหล่านี้ให้ออกจากการความเป็นปรกติเท่าไหร่ ยิ่งเหมือนการละเลยปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นกับเยาวชนไทย เพราะปัญหาเรื่องเพศที่เกิดขึ้นในสังคมนั้น จะถูกปิดบังและซุกซ่อนไว้ใต้พรมเพราะการตีตราของผู้ใหญ่ที่ทำให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องน่าอับอาย 

ติดตามและอัปเดตผลงานต่างๆ ทั้งหมดได้ที่ cupcakkeafreakk

Tiktok: cupcakkeafreak

รูปภาพทั้งหมดจาก cupcakkeafreakk