Art

จากดาดฟ้าสู่เวที: 11 ปีของ ‘ROOFTOP’ สู่วันที่พวกเขาเรียกตัวเองว่า นักดนตรีได้อย่างเต็มปาก

เวลา 11 ปี คงยาวนานมากพอที่จะทำให้ใครหลายคน ‘ถอดใจ’ จากการวิ่งไล่ตามความฝัน แต่ไม่ใช่กับ 2 หนุ่ม ‘บี๊บ’ - ศิรสัณฑ์ หอวิจิตร (ร้องนำ) และ ‘โก้’ - วศิน อัศวนฤนาท (กีตาร์) ดูโอ้มากความสามารถแห่ง ‘ROOFTOP’ วงดนตรีใต้สังกัด Spicy Disc ที่ใช้เวลามากกว่า 1 ทศวรรษในวงการดนตรี ทั้งเรียนรู้ เติบโต และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จนถึงวันนี้พวกเขาคืออีกหนึ่งวงดนตรี ที่พิสูจน์ให้เราได้เห็นแล้วว่า ความพยายามไม่เคยทำให้ใครผิดหวังอย่างแท้จริง 

แน่นอนว่า การเดินทางบนถนนสายนี้ไม่เคยง่าย แต่ ‘ความรัก’ ในเสียงดนตรีคือ พลังที่ทำให้พวกเขายังคงสามารถยืนหยัดสู้บนเส้นทางสายนี้ได้อย่างมั่นคง และนี่คือ บันทึกการเดินทางตลอด 11 ปีบนถนนสายดนตรีของ ROOFTOP วงที่เริ่มต้นจากการรวมตัวของเพื่อนสนิทบนดาดฟ้า สู่วันที่ได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตของตัวเองครั้งแรก

เพื่อนสนิทที่รวมตัวบนดาดฟ้า

“พวกเรามีความเหมือนกันคือ เรามีวงดนตรีอยู่ในทุกที่ที่ไป พอเข้ามหา’ลัย เราก็เข้าชมรมดนตรี (วง Banchi) เหมือนกัน แล้วเราต้องไปเล่นดนตรีที่งานๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นงานของพวกผู้ใหญ่ ประมาณงานสัมมนาของพวกอาจารย์ ไปเล่นเพลงสุนทราภรณ์อะไรแบบนั้น” บี๊บเริ่มต้นเล่า 

เพราะกำลังอยู่ในวัยเลือดพลุ่งพล่าน แม้การเล่นดนตรีจะเป็นสิ่งที่รัก และหลงใหล แต่การต้องเล่นเพลงสุนทราภรณ์ตลอดทั้งวัน ก็ทำให้หนุ่มๆ แห่งวง Banchi วงดนตรีประจำคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ค่อยจะเอนจอยสักเท่าไร หลังจากแสดงเสร็จ พวกเขาจึงพาตัวเองขึ้นไปนั่งปรับทุกข์บนดาดฟ้า ก่อนที่จะลงความเห็นว่า “มันต้องหาที่ระบาย!”

“เราก็พากันขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วก็คุยกันว่าอยากเล่นเพลงมันๆ อยากเล่นเพลงร็อก แล้วมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่ามีห้องซ้อมนะ ไปไหม ไประบายอารมณ์กัน เราก็ไปกันเย็นวันนั้นเลย มันจึงเป็นที่มาของชื่อ ROOFTOP แล้วหลังจากนั้นก็ซ้อมกันตลอด เราซ้อมดนตรีกันแบบนี้อยู่หนึ่งปี ไม่มีงานอะไรเลย” — บี๊บ

คอนเนกชั่นคือ ใบเบิกทางของวง

บี๊บ และโก้ไม่ปฏิเสธว่า ‘คอนเนกชั่น’ คือ สิ่งสำคัญ และเป็นปัจจัยที่ช่วยให้พวกเขาได้มีที่ทางอยู่ในวงการดนตรี เมื่อในท้ายที่สุดวง ROOFTOP ซึ่งตอนนั้นมีสมาชิก 5 คน คือ บี๊บ, โก้, อาร์ - รัญชน์ จารุทรรศนกุล (เบส), กอล์ฟ - ณัฐพล วิไลเมธาพันธ์ (กีต้าร์) และ พีช - พชร จิราธิวัฒน์ (กีต้าร์) มีโอกาสแสดงดนตรีในงานที่มี เต้ง - พิชัย จิราธิวัฒน์ ที่เป็นลุงของพีช หนึ่งในสมาชิกในวง และเป็นผู้บริหารค่าย Spicy Disc 

“มีอยู่งานหนึ่งที่เด็กๆ จัดกันเอง เป็นงานที่ร้านอาหาร แล้วมีสามมหา’ลัยมารวมกัน เราก็ได้เป็นตัวแทนจากจุฬาฯ​ คือดูดีเนอะ แต่จริงๆ ไม่มีอะไร เราแค่รู้จักคนจัดงานเฉยๆ แล้ววันนั้นพีชก็เรียกพี่เต้งมาดูงานด้วย พอพี่เต้งมาดูก็บอกว่าพวกนายมีของ เล่นดีมาก มาเข้าค่ายเลย ซึ่งวันนั้นเราดีใจกันมากนะ รู้สึกว่าพวกเราจะได้เป็นศิลปินแล้วเว้ย” บี๊บเล่า

“เริ่มต้นเพลงแรกของ ROOFTOP ก็คือเพลง ‘ไทม์แมชชีน’ เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Countdown ซึ่งก็เป็นเพราะว่าพีชเล่นเรื่องนั้น แล้วเอาวงไปทำเพลง ก็เป็นเพราะคอนเนกชั่นอีกนั่นแหละ แต่ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก เพลงก็ให้ทางค่ายหาโปรดิวเซอร์ ทำมาให้เสร็จเรียบร้อย แล้วเราก็เข้าไปอัดอย่างเดียว แล้วก็ถ่ายเอ็มวีนิดหน่อย ตอนนั้นยังไม่ได้รู้สึกว่าจริงจัง รู้สึกแค่ว่าเขาให้ทำ ก็ทำไป” โก้เล่าเสริม 

การจากลาขณะวงเติบโต

หลังจากเพลงไทม์แมชชีนถูกปล่อยออกมา พีชก็ได้แยกตัวออกไปทำงานเพลงแนวที่ตัวเองชอบ ทำให้ ROOFTOP เหลือสมาชิก 4 คน ที่ต้องกลับมาตั้งคำถามว่า จะเอาอย่างไรกันต่อดี แต่สุดท้ายทางค่ายก็ให้ลุยต่อ จนเกิดเป็นเพลง ‘บิน’ ที่ออกมาเพื่อลบคำสบประมาทของคนอื่น และพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นความแน่วแน่ที่จะเดินต่อไปบนเส้นทางสายดนตรีของวง  

“พอพีชออกไป ผมก็มาเล่นกีตาร์แทน” โก้บอก “แม่บอกว่าไปอยู่ทำไมข้างหลัง ออกมาข้างหน้าสิ เวลาเขาเห็นคลิปเราไปเล่นที่โน่นที่นี่ เขามองไม่เห็นลูกตัวเอง แล้วผมเองก็อยากออกมาเหมือนกัน เพราะตอนนั้นที่ตีกลอง ผมตีเอาสนุก แต่งานโชว์มันไม่เหมือนการเล่นในห้องซ้อม เพราะเราต้องแบกทั้งวง เวลากลองตีพลาด ทั้งวงจะเป๋หมด เลยรู้สึกเหมือนเราแบกรับอะไรเยอะ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมตัดสินใจมาเล่นกีตาร์” 

ในระหว่างที่ ROOFTOP กำลังเติบโต ก็เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เมื่ออาร์ และกอล์ฟตัดสินใจไม่ไปต่อกับวง เหลือไว้เพียงบี๊บกับโก้ และวงดนตรีแห่งความฝันของพวกเขา 

“สิ่งแรกคือใจหาย แล้วบี๊บก็คิดเลยว่า ‘แล้วพี่โก้จะเอาเหรอวะ’ เพราะว่าเขาก็มีพาร์ทดาราที่กำลังดำเนินไปอยู่ ถ้าเราอยู่คนเดียวจะไหวหรือเปล่านะ วันนั้นเราไม่มีอะไรที่จับต้องได้เลยนะ แต่สุดท้ายก็ดีใจมากๆ ที่พี่โก้บอกว่า ‘เอาดิ เรื่องดนตรีกูทำอยู่แล้ว’ คือพี่โก้ก็คงคิดมาแล้วแหละว่าจะทำ สองคนก็ทำ เราก็ดีใจมาก รู้สึกว่าไปด้วยกันนะ แล้วมันก็เป็นโมเมนต์ที่จำมาจนถึงทุกวันนี้” บี๊บเล่า

“พอเหลือสองคนก็รู้สึกเหงาๆ แต่เราอยากทำอยู่แล้ว เราชอบ เรารักดนตรี เรามีความสุข แต่พอเหลือสองคน ในใจมันก็คิดว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อ จะไปรอดไหม แต่พอดีช่วงนั้น Spicy Disc ก็มีวง Sqweez Animal ที่เป็นไอดอลของพวกเรา แล้วพี่ๆ เขาเองก็มีกันสองคนเหมือนกัน ซึ่งเขาก็ยังไปได้ ปล่อยเพลงได้ เลยรู้สึกว่า เราก็น่าจะลองทำสองคนดู” – โก้

เมื่อบี๊บคือคันเร่ง และโก้คือเบรก

ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา บี๊บและโก้ผ่านเรื่องราวมามากมาย เมื่อขอคำนิยามให้กับมิตรภาพของทั้งคู่ บี๊บรีบตอบอย่างรวดเร็วว่า “ยิ่งกว่าคู่แต่งงาน” ที่ผ่านการเรียนรู้ และเติบโตร่วมกันมาอย่างยาวนาน ผ่านทั้งสุข และทุกข์มาด้วยกัน จนคล้ายกับเป็นคนในครอบครัวที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ 

“ทุกความเคลื่อนไหวของคนหนึ่งส่งผลกระทบกับอีกคนหนึ่งเสมอ สำหรับผมแล้ว ทัศนคติต่อตัวบี๊บมันเปลี่ยนระหว่างทาง ตอนแรกๆ ที่รู้จักกัน เรารู้สึกว่าบี๊บมีความรู้เรื่องเรื่องดนตรี หรือการทำงานน้อยที่สุด เวลาเขาพูดอะไร เราก็จะไม่ค่อยฟังเขาเท่าไร เราจะเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ แล้วตอนนั้นก็อาจจะมีอีโก้ด้วย แต่พอเวลาผ่านไป จนถึงวินาทีนี้เลย มันกลายเป็นว่ามันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าบี๊บจะเป็นรุ่นน้อง หรือเป็นคนที่เราเคยรู้สึกว่าเป็นแบบนั้น แบบนี้ แต่วันนี้บี๊บเปลี่ยนตัวเอง พัฒนาตัวเองให้เราเห็นได้ว่า คนๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ามีความตั้งใจ และรักในสิ่งไหนจริงๆ แล้วทุกวันนี้ เวลาคุยกัน กลายเป็นว่าเราต้องรับฟังเขา ต้องเอาความเห็นของเขามาพิจารณาแบบ 50/50 เลย” โก้สะท้อน 

“บี๊บจะเป็นคนที่ ถ้าเป้าหมายอยู่ตรงนั้น บี๊บก็จะพุ่งตัวไปหาทันที ส่วนผมจะคอยเป็นตัวดึง คอยเหยียบเบรก ว่าอันนี้อาจจะดูไม่เหมาะสมนะ เราลองวิธีนี้ไหมที่จะดูเฟรนด์ลี่กว่าในสถานการณ์นั้นๆ เรียกว่าบี๊บคือคันเร่ง ส่วนผมเป็นเบรก” โก้พูดต่อ 

“เหมือนคู่ชีวิต คู่แต่งงานชัดเจน” บี๊บเสริม

5 บทเพลงแห่งการเติบโตของ ROOFTOP

“บี๊บว่าแลนด์มาร์กของการเติบโตของวงคือ เพลง ‘แค่เพียงบอก’ คือก่อนหน้านั้นจะมีเพลงไทม์แมชชีน บิน และ เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเป็นเพลงที่เราไม่ได้แต่งเอง แล้วหลังจากสามเพลงนี้ก็เกิดจุดหักเหตรงที่ว่า เพลงที่สามซึ่งได้ พี่เป้ MVL มาช่วย ตอนนั้นเขาเป็นมือทอง จับใครมาทำก็ดัง จับใครมาทำก็ได้ร้อยล้านวิวหมด แต่พอเราเข้าไป กลับแว้บ ไม่ถึงล้าน ค่ายเองก็คงไม่รู้จะทำยังไงกับสองคนนี้ แต่สิ่งที่ดีใจคือ วันนั้นเราตัดสินใจจับเข่าคุยกัน บอกว่าแต่งเพลงเองเถอะ แล้วก็ได้สำเร็จออกมาเป็นเพลงแค่เพียงบอก” บี๊บเล่า

การตัดสินใจแต่งเพลงด้วยตัวเองถือเป็นจุดสำคัญของการเติบโตในนามวง ROOFTOP ซึ่งหลังจากเพลงแค่เพียงบอก บี๊บและโก้ก็ลงความเห็นว่าเพลง ‘คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหน’ คือภาพสะท้อนการเติบโตอีกขั้นหนึ่งของวง เพราะถือเป็นเพลงเกิดของวงเลยก็ว่าได้ และเป็นเพลงที่ได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ อย่างล้นหลาม 

“วันนั้นดีใจมากที่เรามีความกลมกล่อมของเองในระดับหนึ่ง การเป็นศิลปินคือ การควานหาตัวเองไปเรื่อยๆ แต่วันนั้นมันมีแลนด์มาร์กบางอย่างเกิดขึ้น เราทำเพลงเองได้ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ดีใจมากๆ ถึงแม้มันจะนานมากถึง 8 ปี แต่เพลงนี้มันก็มาในจังหวะที่สมควร ถ้ามันมาเร็วกว่านั้น คิดดูสิว่าเราจะเป็นคนอย่างไร บี๊บก็คงเป็นคนโง่ๆ คนหนึ่งที่ร้องเพลงตรงคีย์บ้าง ไม่ตรงคีย์บ้าง แล้วก็คงคิดว่า ตัวเองเจ๋งแล้ว มันเหมือนพระเจ้าออกแบบมาแล้วว่า เราต้องแต่งเพลงให้ได้ก่อน ต้องไปเรียนร้องเพลงก่อน เราสองคนต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ต้องอยู่กันให้เป็นก่อน แล้วยังไม่พอนะ เหมือนพระเจ้าบอกว่า มึงต้องเจอโควิดก่อน” บี๊บบอก

“เพลงที่สามเอาเป็น ‘กลัวเธอเหงา’ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลง และการเติบโตในแง่ของการทำงาน เพราะเอ็มวีมันออกมาไม่ได้ตามที่เราหวัง เราเลยรู้สึกว่า ต้องเข้มข้นกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น ผมเลยมองว่า เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงของเส้นทางการเติบโตเหมือนกัน คือหลังจากเพลงนั้น เราก็จะไม่ค่อยปล่อยผ่านเรื่องรายละเอียด เราค่อนข้างเข้าไปจี้ เข้าไปมีส่วนร่วม หลังๆ ก็จะเป็นบี๊บที่เข้าไปมีส่วนร่วมว่า ตรงนี้เป็นแบบนี้ได้ไหม แล้วค่อยมาปรึกษาผมอีกที” โก้ตอบคำถาม 

เพลง ‘เคยคิดถึงฉันไหมตอนที่’ ถือเป็นอีกเพลงที่สะท้อนการเติบโตของ ROOFTOP ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับบี๊บ เพลงนี้สะท้อนการเติบโต และการพัฒนาด้านเทคนิคการร้องเพลง ทำให้บี๊บรู้สึกเติบโตในฐานะศิลปินมากขึ้น ขณะที่โก้สะท้อนการเติบโตทางดนตรีของวง ที่เป็นเพลงเศร้า และแทบจะเป็นเพลงเดียวของวงที่ดนตรีเป็นจังหวะช้าๆ 

https://www.youtube.com/watch?v=5wpkcbiBfYk&pp=ygUk4LmA4Lie4Li34LmI4Lit4LiZ4Lif4Li14Lil4LmB4Lif4LiZ

“เพลงสุดท้ายก็ต้อง ‘เพื่อนฟีลแฟน’ แน่นอนอยู่แล้ว คือในแง่ของการเติบโต เราก็เจอการทำงานรูปแบบใหม่ หลายๆ อย่างก็เข้มข้นขึ้น เจอโปรดิวเซอร์ที่หลากหลายมากขึ้น และบอกเลยว่า ตัวตนตอนนี้ก็เพื่อนฟีลแฟนมากๆ เลย ฝากฟังกันด้วยนะครับ” บี๊บว่า

11 ปีมีท้อ แต่ไม่มีถอย

“มีหลายโมเมนต์เหมือนกันที่อยากเลิกทำ ที่เจอบ่อยๆ คือเรื่องความสามารถของตัวเอง พวกเราเคยไปออดิชั่นหลายค่าย แล้วเขาก็บอกว่าวงไม่ผ่านเพราะนักร้อง แล้วมันเป็นแบบนี้หลายรอบ หรือตอนเพลง ‘เครื่องช่วยหายใจ’ อัดมาสเตอร์เอาไว้สามรอบ ไม่ผ่านสักรอบ ถามว่าอะไรที่ทำให้เราผ่านมาได้ มีสิ่งเดียวก็คือ เงิน (หัวเราะ) ไม่ใช่ จริงๆ ไม่ได้เยอะด้วยนะ แทบไม่ได้เลย แต่ที่ผ่านมาได้เพราะแพชชั่นล้วนๆ คือถ้าจะรักใครสักคนก็คือ นี่แหละ มันรักล้วนๆ เลย รักแบบไม่มีข้อแม้ รักโง่ๆ เลย แบบรู้ทั้งรู้ว่าฝีมือไม่มี แต่จะทำอย่างไรล่ะ ก็ไปพัฒนาตัวเองสิ เพราะเราอยากอยู่กับเขา เราก็ต้องไปพัฒนาตัวเอง ทุกครั้งที่ผ่านมา ก็ผ่านมาแบบที่ว่าถ้าเราไม่ทำสิ่งนี้ แล้วเราจะไปทำอะไรล่ะ เราไม่มีความฝันอื่นแล้ว มีแค่ความฝันนี้” บี๊บบอกกับเรา เมื่อถามว่ามีช่วงเวลาที่อยากยอมแพ้บ้างหรือเปล่า

“ผมจะถามตัวเองอยู่ทุกวันว่าผมมีความสุขอยู่หรือเปล่า ซึ่งคำตอบคือ ผมมีความสุขทุกวันเลย เพราะว่าเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ เราก็เลยขอบคุณทุกวันที่เราได้ทำสิ่งที่เรามีความสุข” – โก้ 

เพราะเชื่อว่างานดนตรีไม่มีสิ้นสุด ทั้งคู่จึงต้องการที่จะอยู่ในวงการนี้ไปอีกนานๆ และมีโอกาสได้ทำงานเพลงที่หลากหลาย เช่นเดียวกับการค้นหาตัวตนของตัวเองไปเรื่อยๆ เติบโตในฐานะศิลปินอย่างมั่นคง และในช่วง 5-10 ปีต่อจากนี้ บี๊บและโก้ก็ยังหวังว่า ดนตรีจะนำพาพวกเขาไปพบเจอกับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ 

“5-10 ปีก็คงยังเป็นเหมือนเดิมแบบนี้ แค่อาจจะเติมโบท็อกซ์เยอะหน่อย” โก้ตอบติดตลก

‘ถัง E’ และคอนเสิร์ตแรกในรอบ 11 ปีของวง

บี๊บและโก้เปรียบแฟนคลับของวงเป็น ‘ถัง E’ ที่ทำหน้าที่คอยเติมเลือดให้กับร็อคแมน แฟนคลับของ ROOFTOP ก็คือส่วนสำคัญที่คอยเติมพลังใจให้กับทั้งสองคนอยู่เสมอ 

“ต้องขอบคุณที่เขาคอยเป็นถัง E ให้กับเรามาตลอด รักมาก ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรแล้ว เมื่อก่อนเหมือนต้องสู้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะจะมีคนคอยช่วยสู้ คอยให้กำลังใจ หันไปก็เห็นพวกเขาอยู่ตรงนี้” บี๊บสะท้อน

“สมัยก่อนเรารู้สึกว่า ตอนเรามีผลงาน แล้วมีแฟนคลับมาตาม เราจะต้องรักษาภาพลักษณ์หน่อย แต่พอมาเป็นแฟนคลับ ROOFTOP เรารู้สึกว่า เราเป็นตัวเองกับพวกเขาได้ เราไม่ต้องแกล้งทำ ไม่ต้องหลบซ่อน กลายเป็นว่า มันหายเหนื่อย การเจอแฟนคลับเหมือนการเจอเพื่อน เรามอบความสุขให้เขา เขามอบความสุขให้เรา” โก้เสริม

และล่าสุดกับคอนเสิร์ตใหญ่ ‘ROOFTOP How Long Concert’ ที่นอกจากจะสร้างความประทับใจให้กับทั้งสองหนุ่ม และแฟนคลับแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความพยายามของบี๊บและโก้ ตลอด 11 ปี บนเส้นทางสายดนตรีเส้นนี้อย่างแท้จริง 

“11 ปีว่ะ สู้กันมาในวันที่ไม่มีอะไรเลย มันเต็มล้นไปหมด แล้วก็เติมไฟมากๆ กลายเป็นว่าเราเข้าใจที่คนอื่นเขาพูดแล้วว่า เป็นศิลปินมีคอนเสิร์ตของตัวเองมันเติมไฟ พอเร