‘ไตเติ้ล S.O.L.E.’ ตัวตนและเส้นทางใหม่บนโลก NFT

โลกยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหลายสิ่งก้าวเข้าสู่แฟลตฟอร์มดิจิทัล แต่ใครจะคิดว่าภายในไม่กี่ปีที่ผ่านมาศิลปะดิจิทัลจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก NFT Art เป็นหนึ่งในงานศิลปะรูปแบบไฟล์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับ NFT (Non-Fungible Token) ซึ่งเป็นเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งในระบบบล็อกเชนเพื่อใช้แทนความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์นั้นๆ ในโลกของของ NFT เรียกได้ว่าใครก็สามารถเป็นศิลปินผู้สร้างผลงานและเจ้าของผลงานได้

ไตเติ้ล - ปฏิภาณ สุวรรณสิงห์ หรือใครหลายคนรู้จักในนาม “S.O.L.E.” หรือนักร้องนำ วง The Whitest Crow นอกจากบทบาทศิลปินแล้วไตเติ้ลยังเป็น Creative Director ทำงานกราฟฟิกออกแบบให้กับวงดนตรีต่างๆ และอีกหนึ่งตัวตนใหม่ที่เราจะมารู้จักกันในวันนี้คือ ผู้สร้างสรรค์ผลงานบนโลก NFT 

ก้าวสู่โลก NFT

ผมชอบทำงานออกแบบตอนเวลาว่างในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ตอนนั้นเราไปเปิดเจอเว็บ Foundation ผมได้เห็นอาร์ตติสเยอะมาก และงานเขาว้าวมากๆ เลย จนผมรู้สึกว่าต้องเอาตัวเองลงไปสนุกกับอะไรพวกนี้แล้วแหละ ถ้าเราได้เป็น Feature Artist แล้วก็ Feature Artwork ที่ผู้คนกำลังเลือกอยู่ในเวลานั้น

มันเหมือนกับการพิสูจน์ตัวเอง ถ้าเราทำได้มันน่าสะใจมาก NFT มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากสำหรับผม และผมอยากทำให้งานศิลปะและดนตรีของคนไทยให้เป็นที่รู้จัก เหมือนเป็นเหตุผลเดียวกับว่าทำไมผมถึงทำเพลงภาษาอังกฤษแทบจะทั้งหมด ผมอยากให้ทุกคนได้รับรู้ว่าของไทยก็มีดีนะ สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นอินสไปร์หลักๆ ในการสร้างผลงานขึ้นมา

https://foundation.app/@solebkk/the-shock-of-democracy-demon-59611

อินสไปร์ในการสร้างสรรค์ผลงาน

อินสไปร์อย่างแรกคือ ผมเลือกสิ่งผมชอบ ผมชอบอะไรที่มีความดิสโทเปียนประมาณนึง ผมจะไม่ชอบอะไรที่สดใสมาก อินสไปร์อย่างที่สองคือ ผมอยากเล่าเรื่องอะไรที่เป็นประเด็นทางสังคมและการเมืองประมาณนึง เมสเสจพวกนี้สามารถสื่อออกไปในวงกว้าง แล้วมันเป็นส่วนนึงในการส่งเสียงให้กับสังคมของเรา ซึ่งเป็นจุดประสงค์เดียวกับการทำ S.O.L.E. ด้วยครับ ผมอยากจะเล่ามันออกไปที่ไม่ใช่แค่คอมมูนิตี้คนไทยเท่านั้นแต่ให้ต่างประเทศรับรู้เรื่องนี้ด้วย อย่างน้อยเราเป็นกระบอกเสียงหนึ่งที่เล่าเรื่องนี้ออกไปได้

ความยากง่ายในการเริ่มต้นสร้างสรรค์ผลงานบน NFT

ความยากง่ายในมุมผมมองมันเป็น 2 แบบคือ ถ้าเราต้องการทำแบบที่เราชอบ ผมว่ามันก็เหมือนผมทำงานออกแบบหรือดนตรีในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว มันไม่ได้ยากมาก แต่ถ้าต้องการทำให้เป็นพาณิชย์จริงๆ ผมว่าความยากมันอยู่ตรงนี้มากกว่า เพราะว่า NFT เป็นตลาดที่แข่งขันกัน บางครั้งต้องทำ Marketing ด้วย ต้องโปรโมทตัวเองให้เป็น  ต้องมีแผนกลยุทธ์ ไม่ใช่ว่าคุณจะลงงานมาขายราคาเท่านี้แล้วก็หาย อยู่ดีๆ ก็โผล่มาใหม่ ความยากคือต้องทำงานศิลปะไปด้วยแล้วก็มี Marketing ของตัวเองไปด้วยในโลก NFT 

บางกลุ่มเองเป็นอาร์ตติสได้เลย แบบฉันไม่แคร์ในการโปรโมท คนจะเข้ามาหางานเราเอง กับอีกกลุ่มหนึ่งและรวมถึงตัวผมเองด้วย ผมก็ทุ่มเทและพยายามเยอะประมาณนึง มันก็มีความเป็นกลยุทธ์ เหมือนเป็นการเปิดแบรนด์หนึ่งในการขายสินค้าเลยครับ แต่โปรดักส์ของเราอยู่ในรูปแบบดิจิตอล เป็นตลาดที่ใช้คริปโตในการเทรดกัน มันพาณิชย์ประมาณนึงเลยในมุมมองผม

https://foundation.app/@solebkk/nft-62479

ความท้าทายของแต่ละผลงาน

“ความท้าทายคือถ้าเราพยายามแล้วมันจะไม่พอ มันต้องพยายามมากขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งที่ผมทำงาน ผมจะเจอจุดที่ทุบตัวเองทิ้งแล้วก็ทำใหม่ เหมือนกับพยายามตายแล้วเกิดใหม่ซ้ำๆ”

บางครั้งผมรู้สึกว่าผลงานนี้ได้แล้วล่ะ เราพยายามและทุ่มเทกับมันเยอะแล้วพร้อมที่จะนำผลงงานออกไปโลกข้างนอก แต่พอไปเจอผลงานของคนอื่น เราคิดว่าเรายังใช้ความพยายามไม่เพียงพอกับการไปอยู่ในจุดนั้น ผมมักจะกดดันตัวเองประมาณหนึ่ง ก็เลยใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นในทุกๆ ครั้ง ซึ่งผมเป็นคนค่อนข้างเฟลบ่อยด้วยครับ แต่สักพักเรามานั่งคิดว่าเราต้องทำให้ได้ สักพักเราก็กลับมาทำต่อหรือทำใหม่ ถ้าผมยอมแพ้ผมจะเซ็งตัวเองมาก ผมก็เลยเลือกที่จะไม่เซ็งตัวเองแบบนั้น มาเซ็งตัวเองที่ต้องสู้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่า

https://foundation.app/@solebkk/my-kind-of-meditation-59851

I  F E E L  N O T H I N G

‘I FEEL NOTHING’ เป็นผลงานที่เกิดจากบางโมเมนต์ที่ผมเจอเรื่องเยอะมาก มีทั้งเรื่องสุขและทุกข์ บางครั้งเราเจอเรื่องที่ร้ายแรงมากๆ ในชีวิตทั้งการสูญเสียใครสักคนในครอบครัวไป หรือว่าการที่เราเจออะไรที่ทำร้ายจิตใจเรามากๆ ยิ่งทั้งเรื่องส่วนตัวและสภาพสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พอความสำเร็จของเราที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ แต่พอมารวมกันในบางครั้งผมรู้สึกว่ามีหลายความรู้สึกเกินจนผมรู้สึกเหมือนผมไม่รู้สึกอะไรเลย มันให้ความรู้สึก +100 กับ -100 ในเวลาเดียวกันเลยกลายเป็นศูนย์ ผมเลยลองทำงานที่ทุกอย่างดูท่าโถมเข้ามา มันเป็นงานที่ Maximal สุดๆ ไปเลย และผมให้เวลากับมันและการลงดีเทลเยอะมากประมาณนึง และตัวผลงานมันมีความคอนทราสกันกับตัวชื่องานด้วย 

“I FEEL NOTHING เป็นผลงานคอลลาจที่ผมสะใจที่สุดในชีวิตแล้วครับ ผมคอลลาจด้วยจำนวนของที่เยอะมาก เรารู้สึกได้ข้ามบางอย่างที่เราตั้งเองไว้ได้แล้ว”

ผลตอบรับจากการลงผลงานในโลกของ NFT

ผลตอบรับไม่ได้หวือหวาขนาดนั้น เรียกได้ว่าผมทำงานเอาสะใจตัวเองดีกว่า เพราะงานของผมมันค่อนข้างนิชประมาณนึง ใน Opensea งานคาแรกเตอร์หรืองานอวตารมันเยอะมาก บางครั้งเราคิดว่าทำไปแล้วมันจะมีคนซื้องานเราไหม แต่ตอนนี้มี Collector จำนวนหนึ่งที่ตอบโจทย์เป้าหมายของเราแล้วประมาณนึง ส่วนใน Foundation ผมก็แฮปปี้ที่ผมได้ทำงงานของผมสำเร็จตามที่ตั้งไว้ แล้วก็การที่มีคนมาบิตงานเราหรือว่าซื้องานเราไปก็เป็นความสนุกสเต็ปที่สอง

NFT Art เปลี่ยนแปลงวงการศิลปะ

มันจะมีคำพูดที่ว่า “ศิลปินไส้แห้ง” ผมว่า NFT มันช่วยคนหลายคนในแง่ที่ว่า งานอาร์ตสามารถทำให้มันเลี้ยงชีพได้ และในทิศทางงานออกแบบ ผมคิดว่าคนเริ่มสนใจการสร้างสรรค์ผลงานในโลกดิจิตอลเยอะขึ้นมากๆ ผมว่ามันช่วยส่งเสริมครีเอทีฟคอมมูนิตี้ ผมว่า NFT ทำให้คนอยากเข้ามาลองทำงานประเภทนี้ดู มันเหมือนโอกาสช่องทางหนึ่ง แล้วผมว่าพอทำรายได้ได้จริงๆ คนอาจจะมองเห็นคุณค่าของการทำงานศิลปะ วงการออกแบบมากกว่านี้ และมองว่าการทำงานศิลปะไม่ใช่เป็นเรื่องไร้สาระหรือเป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น

https://foundation.app/@solebkk/the-shock-of-democracy-demon-59611

อนาคตศิลปะบนโลก NFT ของตัวเอง

ผมอยากชนะตัวเองต่อไป ผมจะทำอะไรที่สะใจตัวเองไปเรื่อยๆ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด อนาคตอันใกล้ถ้าจะทำอะไรได้ก็คงเป็นออนไลน์หรือดิจิทัลอยู่ครับ จริงๆ ผมก็อยากทำงานที่มีความเป็นออฟไลน์แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นออนไลน์เพื่อไปขาย และผมก็พยายามศึกษาหาความรู้ให้ตัวเองอยู่เรื่อยๆ 

“โลกของ NFT มันเป็นสิ่งหนึ่งในชีวิตที่ทำให้ผมอยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน”

ติดตามและอัพเดทผลงานทั้งหมดได้ที่ SOLE, solebkk, Tritled Creation

Foundation: @solebkk

Opensea: The Demon King