Identity

อะไรที่ทำให้ Trasher, Bangkok จัดปาร์ตี้กี่ครั้งก็ปังปุ

ส่งท้ายสัปดาห์ด้วย EQ Playlist ปาร์ตี้จาก Trasher, Bangkok  กันไปแล้ว มาพบกับบทสัมภาษณ์ของพวกเขากันดีกว่า กับ Trasher, Bangkok หนึ่งในออร์แกไนซ์ปาร์ตี้ที่ดังที่สุดในไทย ที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีโอกาสได้เคยไปสัมผัสปาร์ตี้สุดเหวี่ยงของพวกเขามาบ้างแล้ว 

โดยโจทย์ที่ได้มาคือสัมภาษณ์ยังไงให้ไม่ซ้ำ วันนี้เราจะมาพูดคุยกับพวกเขาในมุมหลังบ้านเพราะเราชื่อว่าเรื่องของธุรกิจมันไม่สนุกเหมือนฉากหน้าของงานปาร์ตี้อย่างแน่นอน มาทำความรู้จักกับเบื้องหลัง โมเดลธุรกิจ วิธีคิดการทำงาน ในแบบของ Traher, Bangkok ได้ที่นี่ 

จุดเริ่มต้นการทำปาร์ตี้ของ Trasher, Bangkok 

มันมาจากกิจกรรม ที่เราทำกันอยู่แล้วคือการลากลำโพงมาหน้าคณะเปิดเพลงฟังกัน เพื่อนๆ พี่ๆ ในคณะก็มาขอเพลงกันได้ ก็ทำกันมาซักพัก มีโอกาสได้รู้จักกับพี่โน้ต Dudesweet ก็ปรึกษากับพี่แกว่า อยากทำปาร์ตี้ ก็เลยได้ลองทำกันดู คือเราเห็นโอกาสด้วยหละ ว่าตอนนั้นปาร์ตี้เพลงป๊อปมันยังไม่มี Club Soma ก็จะเป็นบริทป๊อป Dudesweet ก็อินดี้ร็อค เราก็มาสายบริทนี่ย์ คริสติน่า มาดอนน่าเลย เอาง่ายๆ เป็นเพลงที่คนสมัยนั้นฟังแล้วยี้ เพลงขยะ แต่เราเชื่อว่าทุกคนร้องตามได้ 

กระแสตอนรับในช่วงแรกก็ค่อยเป็นค่อยไป ยังต้องเกณฑ์รุ่นพี่ รุ้นน้องไปงานกันอยู่เลย แต่พอเราจัดถี่ขึ้น มีระบบมทากขึ้นคนก็เริ่มตามกันมามากขึ้น 

จากปาร์ตี้ที่ต้อนรับคนหลักสิบสู่หลักพัน เห็นความแตกต่างอะไรบ้าง 

เอางานเล็กก่อนแล้วกัน มันเป็นความอบอุ่น ที่ได้เจอคนในงาน มีบรรยากาศซื้อบัตรหน้างาน ทักทายกัน ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับอีกหลายๆ คน เพื่อนของเพื่อนต่อกันไปเรื่อยๆ ช่วงนั้นคนรู้จักกว้างขวางมาก แต่พอมันใหญ่ขึ้น จากหลักสิบเป็นหลักร้อย อย่าง 500 คนเราก็ต้องมองหาสถานที่ใหม่แล้ว จนมันเลยเถิดไปเยอะที่สุดน่าจะประมาณ 4,000 คน งานสงกรานต์ที่ฟอร์จูน 

พองานใหญ่ขึ้นมันก็ต้องมีระบบจัดการที่ดีขึ้น เรื่องบัตร เรื่องหลังบ้าน เครื่องดื่ม ที่ต้องมีระเบียบมากขึ้น มันเป็นความตื่นตาตื่นใจ ที่ได้รู้ว่าคนชอบเพลงที่เราเปิดเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ คนเต้นตามได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ เราก็ต้องจริงจังกับงานมากขึ้น จะมานั่งตัดกระดาษแบบงานกีฬาสีก็ไม่ได้แล้ว

เสน่ห์ของ Trasher, Bangkok อยู่ที่ตรงไหน คิดว่าอะไรที่ทำให้คนมาที่งานของเรา 

น่าจะเป็นความเป็นเพื่อน เราเป็นคนจัดปาร์ตี้แต่ก็ไม่ได้เป็นออแกไซน์มากขนาดนั้น เคยเจอน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เมาอยู่หน้างาน เราเห็นซักพักแล้วหละ นางก็อยู่คนเดียว โดนเพื่อนทิ้ง เมางอแงอยู่หน้างาน ทีมก็เก็บของ ดูความเรียบร้อยจนงานเสร็จ เราก็โอเคไปส่งหน่อยแล้วกัน แล้วความพีคคือน้องมาจากต่างจังหวัด พักอยู่กับเพื่อน ไปส่งที่หอเพื่อนก็เข้าไม่ได้ เลยเปิดโรงแรมให้นอนไปอีก (หัวเราะ) หรือถ้าเจอใครตามห้องน้ำ ลานจอดรถ ก็ “ไปเด็กๆ กลับบ้านได้แล้ว” 

อย่างถ้ามีปัญหากับการ์ด แล้วการ์ดดูท่าทางเอาไม่อยู่แล้ว เราก็จะเข้าไปดูว่า “ยังไง ไหนว่ามา” หรือเวที เราก็ไม่ได้เคร่งครัดมาก อยากขึ้นก็ขึ้นไปเลย แต่ถ้าเยอะก็มีไล่ลงหน่อย แต่อีกซักพักก็ขึ้นอยู่ดี (หัวเราะ) เราคิดปาร์ตี้จากความต้องการของเราเองด้วย ห้องน้ำไกลไหม เหล้าหายากไหม มันเลยมีความเฟรนลี่ ความยืดหยุ่น ที่ออร์แกไนซ์อื่นๆ อาจจะไม่มีแบบเรา 

ความท้าทายในการทำงานปาร์ตี้แบบ Trasher, Bangkok

ยากจัง (คิดอยู่ซักพัก) ปาร์ตี้หัวใจหลักของงานคือผู้คนที่เข้าร่วม แล้วพอเราทดลองอะไรใหม่ๆ เช่นการเปลี่ยนสถานที่จัดงาน แล้วคนมาไม่เยอะถึงที่คาดไว้ มันก็เป็นบทเรียนให้เราต้องทำการบ้านให้มากขึ้น บอกสถานที่ บอกเส้นทาง แนะนำการเดินทางให้มากกว่านี้ ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายว่า ถ้าเราเปลี่ยนที่แล้วจะทำยังไงให้คนตามเราไปในสถานที่อื่นๆ เพราะเราก็ไม่อยากทำอะไรซ้ำๆ จัดงานที่เดิมซ้ำๆ 

สถานที่สำคัญกับงานขนาดนั้นเลยเหรอ 

ประมาณหนึ่ง เราเคยมีงานที่โรงแรมเซี่ยงไฮ้ คิดว่าคนต้องไปเยอะแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามคาด แต่โดยรวมก็ยังโอคอยู่แม้ว่าคนจะบางตาไปบ้าง

Trasher, Bangkok มองงานปาร์ตี้เป็นเรื่องของธุรกิจตั้งแต่เมื่อไหร่ 

ภาพมันเริ่มชัดตั่งแต่เราย้ายมาจัดที่ฮอล์ขนาดใหญ่ แต่ถ้าชัดเจนมากที่สุดก็จะเป็นตอนที่มีลูกค้า มีสปอนเซอร์เข้า (หัวเราะ) พอถึงจุดที่มีคนคาดหวังกับเราแล้ว เราก็ต้องทำงานให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น มันไม่ใช่แค่การเปิดเพลงให้เพื่อนฟังแล้ว มันไม่ใช่แค่การตัดกระดาษสีคือก่อนงานเริ่มแล้ว มันมีความต้องการของลูกค้าเข้ามา เราก็ต้องรักษาสมดุลของการและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า 

อย่างลูกค้าเข้ามา เขาก็อยากได้กลุ่มคนที่มางานของเรานี่หละ เขาจะมาโปรโมตสินค้า เราก็จะให้คำแนะนำ ให้ Insight กับลุกค้าไป บางอย่างควรทำ บางอย่างทำได้ บางอย่างไม่ควรทำ หรือวิธีการโปรโมตที่เคยทำมาแล้วได้ผล ที่งานเราอาจจะไม่ได้ผล เช่น การใช้พริตตี้ มันไม่เวิร์กนะ เพราะคนที่มางานเรามันหลากหลาย มีผู้หญิง มีเก้ง ลองเพิ่มเป็นพริตตี้บอยดีกว่าไหม (หัวเราะ) การฮาร์ดเซลล์ มันอาจจะไม่เวิร์กนะ 

อย่างเรื่องของการดื่ม เราก็สังเกตเอามาเก็บเป็นข้อมูลให้ลูกค้าเช่น งาน K-Pop น้ำเปล่าจะขายดีมาก เพราะเด็กที่มาจะเน้นเต้นกัน เน้นท่าเป๊ะ มีแพทเทิร์น เลยต้องดื่ใน้ำเปล่าแก้เหนื่อย เหมือนมาคาร์ดิโอกัน ถ้าดื่มเหล้าไป ไลน์เต้นอาจจะมีรวนกันได้ อย่างงานที่ขายเหล้าดีที่สุดคืองานลูกทุ่ง คนที่มางานลูกทุ่งเหมือนไม่ได้มาเต้น แต่มาทำกายกรรม มันอาจจะต้องใช้การเผาหัวเยอะหน่อย เพื่อปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลง มันต้องการเชื้อเพลิง (หัวเราะ)

มันถูกพัฒนาให้กลายเป็นธุรกิจแต่ใดๆ เราก็ยังคงความเป็นแทรชเชอร์ไว้อยู่ 

วัฒนธรรมองค์กรของ Trasher, Bangkok 

จุดเริ่มต้นมันมาจาก ไลฟ์สไตล์ ความชอบที่เหมือนกันตั้งแต่แรก และสิ่งนี้หละที่ยังเชื่อมต่อเราเอาไว้ด้วยกัน ต่อให้เราขยับขยายออกไปเป็นงาน วิดีโอ โปรดักชั่น รายการออกนไลน์ที่มันใหญ่ขึ้น เราก็ยังยึดความเป็น Pop Culture เอาไว้อยู่

อย่างตอนที่เรารับสมัครน้องๆ ฝึกงานและทีม เราก็จะถามชอบฟังเพลงแบบไหน ดูละครอะไร มันจะได้จูนกันได้ง่าย เคยมีน้องฝึกงานชอบดูหนังอาร์ทๆ ติสต์ๆ เราก็จะแอบกังวลใจว่าจะจูนกันติดไหม แต่ถ้าเราพูดภาษาเดียวกัน โยนเรื่องอะไรลงไปก็คุยกันง่าย คลิ๊กกันง่าย ภาษาเดียวกัน เป็นคยแมสๆ เหมือนกัน ทันโลก ทันเหตุการณ์ เข้าใจใจวัฒนธรรมป๊อป เราก็เข้าใจคนที่เขาไม่อินนะ แต่งานของเรามันอิงกับเรื่องพวกนี้อยู่ตลอด 

มีแพทเทิร์นของความสำเร็จ หรือสูตรสำเร็จในการทำงานบ้างไหม

เราแกะกระแส ไม่ใช่แค่เพลง หนัง แต่มันคือกระแสสังคม ที่เราหยิบมาล้อเลียน หยิบมาเป็น Meme เอามาบิดนิดบิดหน่อย ให้กลายเป็น Trasher, Bangkok

การปรับตัวก็สำคัญ อย่างเพลงสากลมันเคยครองตลาดมา จนวันหนึ่ง K-Pop มันมาแรงมากจนต้านไม่ไหวแล้ว เราก็ต้องลองจัดงาน K-Pop ขึ้นมา กลายเป็นว่ผลตอบรับดีเกินคาด เราเลยได้ Core Idea ในการทำงานว่า อะไรที่ผ่านเข้ามาจับเอาไว้ แล้วเอามาพลิกดูว่าเราเหมาะตรงไหนเบลนตัวเองเข้าไปแล้วทำงานออกมาในแบบของเรา 

ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปยังไง ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา 

เราเริ่มทำกันตั้งแต่เพลงป๊อปยังไม่เป็น Mainstream จนกลายมาเป็นกระแสหลัก และกำลังมี K-Pop เข้ามา มันมาจากคนนอกเทรนด์ เข้าสู่คนในเทรนด์ และเราทำกำลังตามเทรด์อยู่ สิ่งสำคัญเลยคือการแบ่งปันประสบการณ์ เราจะมีวันหนึ่งมานั่งคุยกันในออฟิศ ให้น้องแชร์เพลงที่ฟังอยู่ ที่ดัง วงไหนมาใหม่ วนไหนมาแรง ก็เป็นไอเดียในการทำงานให้เราเท่าทันกับเทรด์ ส่วนเราก็จะมีวันหนึ่งมาแชร์ว่า เพลงนี้ของมาดอนน่า ริฮันน่า ต้องฟังนะ ก็เป็นเหมือน Archrive ให้กับน้องๆ ในการทำงานว่ามันเคยมีแบบนี้มาก่อนเหมือนกันนะ เหมือนการปรับให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นเรฟเฟอร์เรนต์ให้กับน้องๆ ด้วย 

มีความคิดที่จะแยกกลุ่มเป้าหมายในการปาร์ตี้ไปเลยไหม

คิดแบบนี้มาตลอด เคยทดลองทำอยู่ เพราะสมัยนี้เราว่าเทรด์ของความเป็นปัจเจกมันค่อนข้างจัดเจนมาก ทุกคนมีความชอบเป็นของตัวเอง มีกลุ่มเล็กๆ มากมาย หรือจะเป็นฐานแฟนปาร์ตี้เก่า ที่เขาก็คิดถึงบรรยากาศเดิมก็ยังมี เราก็อยากทำปาร์ตี้ที่ตอบโจทย์คนในแต่ละกลุ่ม

จากวิกฤตโควิดที่เกิดขึ้น คิดว่าภาพปาร์ตี้แบบเก่าๆ จะกลับมาได้เหมือนเดิมไหม 

น่าจะกลับมาได้ แต่อีกซักพักใหญ่ (สัมภาษณ์ก่อนมีการระบาดของโอไมครอน) ที่ผ่านมาเราพยายามติดต่อสถานที่ หน่วยงานราชการ สอบถามความคืบหน้า แต่ท้ายที่สุดก็เป็นห่วงทั้งคนมางาน ทั้งคนจัดงาน อยากให้มาแล้วสนุกเต็มที่ ไม่อยากให้มาแล้วครึ่งๆ กลางๆ แพลนเอาไว้ว่าปีหน้าน่าจะมีงานแน่นอน

แต่อีกใจก็ยังกังวลว่า คนจะยังอยากมางานเราอยู่ไหนเพราะวิถีการเที่ยวกลางคืนมันเปลี่ยนไปหมด คนชอบนั่งอยู่ร้านแล้วเต้น ขยับเบาๆ เราก็ไม่แน่ใจว่าคนจะยังมางานเราอยู่ไหม 

จัดปาร์ตี้ครั้งไหน Exotic ที่สุด 

น่าจะ TRASHER: HIP HOP CHANEE RIRI BEYONCE HEY BOY WHAT'S UP? ตั้ง Dress code เป็น ทีม RIRI สีชมพู ทีม YONCE สีเหลือง แล้วแบ่งสองข้าง Battle กัน ตลกมาก ภาพคือ 4 Kings เวอร์ชั่นแม่ นี่เอง สั่งอะไรก็ทำตามไปหมด งานนั้นตลกมาก

ดนตรีป๊อปกับ Trasher, Bangkok อยู่ด้วยกันมานาน ดนตรีป๊อปคืออะไรในความหมายขอแต่ละคน

เบล: ตลอดช่วงเวลาที่เติบโตมา เราอยู่กับเพลงป๊อปมาตลอด เรามองเป็นความเอ็นเตอร์เทนอย่างหนึ่ง ฟังเพลินๆ ไป แต่พอช่วงโควิดเข้ามามันกลายเป็นยิ่งกว่าความบันเทิง มันคือการได้มองย้อนกลับไปผ่านเพลง มันคลายปัญหาให้กับเราได้ มันเปลี่ยนจากดนตรีกลายเป็นยารักษา เยียวยาจิตใจไปแล้ว 

นุ้ย: จากที่เราเริ่มฟังเพลงในห้อง Sound Lab เริ่มมาฟังเพลงเอง คนก็พูดว่ามันย่อยง่าย เพลงขยะ อะไรก็ว่าไป จนเราได้คลุกคลีอยู่กับเพลงป๊อป เราเห็นมิติในงานของมัน มันมีความหมาย มันมีทั้งรัก ทั้งด่า หยาบคายก็มี หวานเจี๊ยบก็ได้ มันคือมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกับเรามานานเหลือเกิน รู้ตัวอีกทีเขาอยู่ในทุกช่วงชีวิต อยู่ในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว 

โบ้ท: เพลงป๊อปคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เป็นเราได้อย่างทุกวันนี้ มันสะท้อนเทรนด์ สิ่งที่ถูกพูดถึงในสังคม ไม่มีวันไหนที่เราไม่ได้ยินเพลงป๊อป มันคือสิ่งที่ทุกคนพูดถึงและเชื่อมทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน ที่กลายมาต้นกำเนิดของ Trasher ในทุกวันนี้

ติดตามและอัปเดตข่าวสารสนุกๆ รวมถึงปาร์ตี้สุดปังทั้งหมดได้ที่ Trasher, Bangkok