Con-Whal-Sation: บทสนทนาของ Whal & Dolph จากวันวานสู่วันที่วาฬประสบความสำเร็จ

“ผมอยากให้ Whal & Dolph เป็นภาพถ่ายของพวกเราในแต่ละปี เหมือนการบันทึกภาพไว้ในแต่ละช่วงเวลาว่าเราเป็นแบบนี้ เพลงที่ออกมาก็จะเป็นไปตามสิ่งที่เราคิด Whal & Dolph คืออะไรก็ได้ที่รู้สึกอยู่ ณ ตอนนั้น เป็นสิ่งที่ผม และน้ำวนกำลังสนใจ ในอีก 3 ปีข้างหน้าเราอาจจะกลายเป็นวงดนตรีแนวอื่นก็ได้ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตามอายุ และการใช้ชีวิตของเรา” – ปอ 

ส่วนหนึ่งของคำตอบข้างบนอาจทำให้ใครหลายคนพอจะเดาได้ว่า การสนทนาในครั้งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับการเติบโต และการเปลี่ยนผ่านของวงดนตรีที่มีชื่อว่า ‘Whal & Dolph’ ซึ่งแฟนเพลงจำนวนไม่น้อยขนานนามว่าเป็น ‘วงของคนใจร้าย’ ที่ชอบปล่อยเพลงขมๆ คลอเคล้ากับดนตรีแสนหวานมาเรียกน้ำตาคนฟังอยู่เสมอ วันนี้ EQ จึงถือโอกาสชวน ‘ปอ’ – กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ (ร้องนำ) และ ‘น้ำวน’ – วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ (กีตาร์) มาดำดิ่งในจักรวาฬ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวในระหว่างทางของการเป็นวงดนตรี ที่กว่าจะประสบความสำเร็จ ต้องผ่านทั้งช่วงเวลาที่สับสน ว่างเปล่า และเฝ้ารอวันที่จะได้กลับมาเล่นดนตรีอย่างมีความสุข รวมถึงทิ้งท้ายด้วยการชวนคุยเกี่ยวกับซิงเกิลใหม่ล่าสุด ‘ไม่เจอตั้งนาน’ เพลงจังหวะคึกคักที่มีฟังก์ชันเพื่อการทักทาย แต่ยังคงเอกลักษณ์ของวงที่เจือปนความรู้สึกเศร้าไว้ภายในบทเพลงได้อย่างลงตัว 

จุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายดนตรี

น้ำวน: ผมเริ่มเล่นดนตรีช่วง ม.5 ตอนนั้นเล่นกีตาร์ แต่ไม่ได้จริงจังมาก พอดีที่โรงเรียนมีงานประกวดดนตรี ผมเห็นเพื่อนเล่นกันดูเท่ดี เลยอยากเล่นบ้าง พอเริ่มเล่นไปสักพักก็รู้สึกว่า เราชอบสิ่งนี้แล้วล่ะ เลยไปเรียนต่อทางด้านดนตรีช่วงมหาวิทยาลัย แล้วก็ได้เจอกับคุณปอนี่แหละครับ แต่ตอนนั้นเรียนคนละที่กัน อยู่คนละวงด้วย บังเอิญเพื่อนผมอยู่วงเดียวกับปอ เลยมีโอกาสได้มาเจอกัน 

ปอ: ผมจำได้ว่าเริ่มจับดนตรีแรกๆ น่าจะตอนเด็กเลย ช่วงนั้นพ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยง เพราะต้องออกไปทำงาน เลยส่งไปอยู่บ้านคุณยายคนหนึ่งที่รับเลี้ยงเด็ก เหมือนบ้านเขาเป็นโรงเรียนอะไรสักอย่าง แล้วลูกชายคนโตของยายเป็นนักดนตรี เขาก็จะเล่นกีตาร์ จำได้ว่าเขาเป็นนักแต่งเพลงด้วย แล้วก็ได้รู้ว่าเขาทำงานอยู่ที่ RS ในบ้านเขาจะมีแผ่นเสียง เทป มีฮาร์โมนิกาที่ชอบเอามาเป่าเล่น แล้วเรารู้สึกว่า ชอบเสียงนี้เลยพยายามคลานตามหา อันนั้นน่าจะเป็นความอยากเล่นดนตรีครั้งแรก แต่มาเล่นจริงประมาณ ป.4 เริ่มจากเข้าวงโยทวาธิตแล้วก็ได้เล่นทรัมเป็ต ต่อมาก็เริ่มเล่นกีตาร์ เริ่มฝึกร้องเพลงช่วง ม.3 – 4 เพลงแรกที่เล่นในงานโรงเรียนคือเพลง ‘ทุกอย่าง’ ของ SCRUBB

จากนักร้องคัฟเวอร์สู่การเป็น Whal & Dolph

ปอ: ผมเรียนนิเทศฯ ม.กรุงเทพ จำได้ว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อนในกลุ่มไม่ค่อยมีใครเล่นดนตรี แต่เราอยากเป็นศิลปิน อยากทำเพลง ก็ต้องไปหาเพื่อนนอกมหาวิทยาลัย เลยไปเจอพวกน้ำวนที่เรียนศิลปากร 

น้ำวน: คนรอบตัวเราค่อนข้างคาบเกี่ยวกันครับ เพื่อนผมเป็นเพื่อนปอตอนมัธยม

ปอ: ต้องบอกก่อนว่า การทำเพลงในยุคนั้นไม่สามารถทำให้จบที่บ้านได้ เราไม่ได้มีโฮมสตูดิโอเรคคอร์ดแบบทุกวันนี้ พวกอุปกรณ์การอัด หรือเทคโนโลยีต่างๆ ก็เริ่มมีเยอะแล้วแหละ แต่ประเทศเรายังไปไม่ถึงตรงนั้น 

น้ำวน: พูดง่ายๆ ว่าการเข้าถึงมันยากกว่าสมัยนี้เยอะครับ

ปอ: ใช่ เลยทำออกมาแค่พอฟังได้ จนถึงช่วงเรียนจบ ได้เจอชีวิตจริง ต้องออกไปทำงาน วงน้ำวนก็มีคนย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด วงของปอคนหนึ่งก็ต้องไปทำงานเป็นวิศวะ คนหนึ่งไปเป็นครู เวลาในการทำตามความฝันของตัวเองก็น้อยลงจนห่างหายกันไป สุดท้ายก็ต้องหยุดความฝันนั้นไว้ กระทั่งผมทำงานประจำเป็นนักตัดต่อวิดีโออยู่บริษัท RS พอดีน้ำวนอยู่แถวบ้านเลยชวนน้ำวนมาช่วยงาน ในระหว่างนั้นพอเรามีความฝันมันก็หยุดไม่ได้ เลยคุยกับน้ำวนว่า ทำเพลงกันไหม เพลงที่ไม่เคยทำ เพลงที่จะเปลี่ยนชีวิตเราได้ เพลงที่คนอื่นฟังแล้วจะเข้าใจสิ่งที่เราอยากสื่อสารออกไป ก็มาจบที่ลองมาทำเพลงป๊อปกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทำเลย ความคิดนี้เกิดจากการที่เราเคยไปเล่นคัฟเวอร์ตามงานทรีบิวต์วงดนตรีต่างประเทศ ตอนนั้นร้าน Play Yard จัดงานทรีบิวต์ของ Oasis เราก็ไปเล่น พอขึ้นโน้ตแรกมา เห็นคนร้องตามได้ ตอนนั้นขนลุกมาก เลยคิดว่า ถ้าวันหนึ่งได้เล่นเพลงตัวเองแล้วคนร้องตามได้แบบนี้ จะมีความสุขแค่ไหน ก็เลยอยากลองทำเพลงที่คนฟังแล้วน่าจะเข้าใจสิ่งที่เราสื่อสาร นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นของ Whal & Dolph

‘ยิ้ม’ ซิงเกิ้ลแรก ก่อนเป็นนักร้องเต็มตัว

น้ำวน: ผมทำเพลงแรกด้วยกันคือเพลง ‘ยิ้ม’ ตอนนั้นมีกลุ่มในเฟสบุ๊กที่อยู่กันสองคนเพื่อเอาไว้ลงเพลง ทีนี้เพลงไม่สามารถอัปโหลดเป็นไฟล์เสียงได้ ก็ต้องอัปฯ เป็นวิดีโอ ผมเลยเอารูปปลามาใส่ในคลิป เพราะเห็นว่าเหมาะกับเพลงที่ทำ บวกกับก็ไม่รู้จะใส่รูปอะไร ก็เลยเอารูปวาฬกับโลมานี่แหละ แล้วก็ดัดจากสิ่งนั้นกลายมาเป็นชื่อวง ‘Whal & Dolph’ ซึ่งช่วงแรกไม่ได้วางแผนระยะยาวกันเลย คิดแค่ว่าทำให้สำเร็จสักหนึ่งเพลงก่อน พอเริ่มสนุกค่อยทำเพลงต่อไป แต่ตัดภาพมาตอนนี้วางแผนกันทุกเม็ดเลยครับ

ปอ: ผมว่าเราเป็นวงที่ตามใจตัวเองเหมือนกัน ในมุมหนึ่งก็อยากให้วงดำเนินไปได้เรื่อยๆ ต้องยอมรับว่า วงดนตรีที่จะหากินได้ก็ต้องประสบความสำเร็จ ต้องมีเพลงฮิต แต่วงเราไม่ได้จะเอาแค่ความฮิต ไม่ได้ยึดว่า ช่วงนี้คนนิยมฟังเพลงแบบนี้แล้วต้องทำเพลงแนวนี้ออกมา เราอยากให้เพลงฮิตแหละ แต่ฮิตในแบบที่เราเป็น อยากให้ปังจากสิ่งที่คิดขึ้นมาเอง 

“เราอยากเป็นศิลปินที่สร้างสิ่งใหม่ การเป็นศิลปินในมุมมองของเราคือ การสร้างสิ่งที่คิดอยู่ในหัว สื่อสารเสียงที่ได้ยินในใจออกมาสู่คนฟัง แล้ววันหนึ่งถ้าสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นที่นิยม เราก็จะเป็นผู้นำเทรนด์” – ปอ

เนื้อร้องที่ไม่เคยถูกแก้ไข และการไว้ใจรสนิยมของเพื่อน

น้ำวน: ตั้งแต่ทำมารู้สึกว่า ไม่มีเพลงไหนง่ายเลย ถ้าในเรื่องขั้นตอนผมว่าเพลง ‘ไม่รู้ทำไม’ ก็ยากนะ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ แต่จำได้ว่าคิดกันนานมาก กว่าจะสำเร็จขึ้นมา เอาจริงๆ ทุกเพลงยากหมด แค่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพลงนี้ยากแบบหนึ่ง อีกเพลงก็ยากอีกแบบ 

ปอ: เพลงยิ้มก็ยากครับ ใช้เวลาทำนานมาก เพลงส่วนใหญ่จะเป็นรายละเอียดดนตรีที่ยาก

น้ำวน: ถ้าถามถึงเพลงที่ชอบตอนนี้ผมชอบเพลงใหม่นะ หลายอย่างเป็นทางใหม่สำหรับ Whal & Dolph ไลน์กีตาร์ที่พวกผมคิดกัน เมโลดี้ที่ปอแต่ง ผมว่าค่อนข้างสนุก แล้วพอเอาไปเล่นก็ดีครับ 

ปอ: เพลงของเราทั้งหมด เวลาแต่งเนื้อร้องออกมาผมตั้งใจมาก อยากให้ทุกอย่างเป็นมาสเตอร์พีซ ณ ตอนนั้น พอเสร็จแล้วจะได้ไม่เสียใจทีหลัง ตอนนี้น่าจะมี 30 กว่าเพลงแล้ว อยากบอกว่า เนื้อเพลงทุกคำที่เขียนไม่มีใครมาแก้ของผมนะครับ ถ้าเพลงทั้งหมดเป็นหนังสือ 1 เล่ม ทุกคำที่เห็นในนั้นไม่เคยมีใครมาเปลี่ยนเลย เป็นคำของผมทั้งหมด ผมเลยชอบทุกเพลงที่ทำ แต่ถ้าจะให้เลือกหนึ่งเพลงที่รู้สึกว่าเกินความคาดหมาย ก็จะมีเพลง ‘ฉันยังเก็บไว้’ เพลงนี้ตอนแต่งเรามองมุมหนึ่ง แต่พอปล่อยออกมาคนเอาไปตีความแล้วสร้างความหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คิด เลยรู้สึกภูมิใจกับมัน

น้ำวน: ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา แทบไม่มีช่วงที่คิดไม่ตรงกันเลยครับ ยิ่งเรื่องเนื้อเพลงยิ่งไม่มีเลย เพราะให้ปอทำเต็มที่

ปอ: เรื่องทำดนตรีก็มีนิดหน่อยแต่น้อยมาก น่าจะเพราะเราเติบโตมาด้วยกัน

น้ำวน: ผมกับปอไม่ได้มีความคิดซ้ายกับขวาไปเลย แค่อาจจะมีบางความคิดที่ไม่ได้แมทช์กัน 100% บางอย่างที่ปอทำผมอาจจะไม่ได้ชอบทั้งหมด แต่ถ้าเห็นว่าเขาภูมิใจนำเสนอ เราก็โอเค ผมคิดว่าปอก็น่าจะเหมือนกัน อาจจะไม่ได้ชอบสิ่งที่ผมทำทั้งหมด แต่พอเห็นว่าเป็นความชอบของอีกคน เราก็…ได้ดิ ลองเลย

ปอ: อาจจะมีช่วงแรกๆ ที่น้ำวนบอกว่าอยากทำเพลงแนวนี้ ผมก็จะรู้สึกติดอยู่บ้าง ก็ถามเลยว่า น้ำวนชอบจริงๆ หรือเปล่า ถ้าชอบจริงก็ลุยกัน แล้วพอผ่านเวลาไปเริ่มรู้สึกว่า เออ เราก็ชอบนะ นี่คือผลจากการไว้ใจเทสต์ของเพื่อน 

น้ำวน: บางอย่างอาจจะไม่ได้เก็ทกันในตอนแรก แต่สุดท้ายแล้วมันออกมาดีครับ

ปอ: ผมว่าเจ๋งนะ การไว้ใจเพื่อนโดยที่ไม่เอาความคิดของเราไปยัดใส่เขาว่า มันยังไม่เจ๋งตรงไหน

วงดนตรีของคนใจร้ายที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง

ปอ: ไม่รู้เหมือนกันว่าแฟนเพลงชอบอะไรในตัวเรา (หัวเราะ) สำหรับผม Whal & Dolph คือกีตาร์แบนด์ที่มีลักษณะเฉพาะ มีสำเนียงที่คนจำได้ ด้วยเนื้อเรื่องของเพลง ความเป็นเราสองคนที่มีลักษณะเฉพาะอยู่แล้วด้วยมั้ง ไม่ว่าจะสร้างเพลงไหนออกมาก็จะมีตัวตนของเราอยู่ในนั้น แต่ถ้าให้พูดรวมๆ ผมว่าแฟนเพลงชอบที่พวกเราเป็นคนธรรมดานี่แหละ Whal & Dolph คือ คนธรรมดาที่เป็นเหมือนเพื่อน มาดูพวกเราก็เหมือนดูเพื่อนเล่นดนตรี แค่เราอาจจะเป็นคนธรรมดาที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขา บางคนเห็นเราแล้วอาจจะรู้สึกว่า สองคนนี้ทำได้ เขาก็คงทำได้เหมือนกัน ที่จริงต้องบอกว่า เราเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกัน ผมคิดว่าแฟนเพลงที่มาดูคงได้รับอะไรบางอย่างกลับไปเหมือนที่ผมได้รับมาจากพวกเขา 

น้ำวน: เขาคงชอบมาดูพวกผมเล่นกีตาร์ด้วยมั้งครับ ชอบเสียงปอร้อง แต่ผมว่าเขาชอบเพลงวงเราแหละถึงมาฟัง

ปอ: ถ้ามีคนมาบอกว่าเพลงเราใจร้ายก็เป็นเรื่องดีนะ แปลว่า เขาเห็นเอกลักษณ์ของเรื่องที่เราเล่า หลายเรื่องในเพลงอาจจะดูใจร้าย แต่ผมรู้สึกว่า มันแฟร์ที่จะเขียนเรื่องพวกนี้ออกไป เราไม่ได้เฟคกับสิ่งที่ถ่ายทอดว่า ฉันเป็นคนดีทุกอย่าง บางสถานการณ์ บางความรู้สึกก็เกิดขึ้นในชีวิตพวกเรา แล้วผมคิดว่าเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปด้วย บางเรื่องคนฟังแล้วอาจจะกระทบจิตใจ เลยรู้สึกว่าเพลงใจร้ายจัง แต่ความใจร้ายนั้นก็เป็นความจริงที่พบเห็นได้ เพียงแค่คุณจะเล่าออกมารึเปล่า หรือคุณจะเงียบ เราก็แค่เลือกที่จะเล่าเรื่องเหล่านี้ให้คนฟัง

น้ำวน: บางคนก็อาจจะต้องใช้เวลาถึงจะเข้าใจมุมมอง หรือสิ่งที่ปอถ่ายทอด

ปอ: ผมเข้าไปดูฟีดแบ็กนะ อย่าง MV เพลง ‘ไม่รู้ทำไม’ มีคนบอกว่า 3 ปีที่แล้ว ฟังแล้วรู้สึกว่า เพลงนี้ใจร้ายจัง แต่ปีนี้ฉันกลายเป็นคนคนนั้นแล้ว 

“เหมือนเขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกนั้น แล้วก็เข้าใจว่า สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้จริง บางคนเจอเรื่องที่หนักกว่าที่ปอเขียนอีกครับ ผมว่าบางทีชีวิตจริงโหดร้ายกว่าเพลงที่ปอแต่งอีกนะ” – น้ำวน

สุขและทุกข์กับช่วงเวลาที่มีความหมาย

ปอ: ความสุขของพวกเราคือ การได้ออกไปเล่นดนตรี การที่ยังมีงานให้เล่น ยังมีคนฟังอยากฟังเพลงของเรา การได้ปล่อยเพลง ได้ทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับกิจกรรมของวง นั่นแหละเป็นความสุขของพวกผม

น้ำวน: ตั้งแต่หมดโควิดแล้วได้กลับมาเล่นดนตรี เหมือนกลับมามีชีวิตเลยครับ ทำวงมา 3-4 ปี อยู่ดีๆ เจอโควิดแล้วไม่ได้เล่นดนตรีก็เหมือนคนตกงาน ทุกอย่างนิ่งจนถามตัวเองว่า ชีวิตเราทำอะไรอยู่ แต่ก็มีความหวังว่าจะได้กลับไป พองานแรกที่ได้กลับไปเล่น มันดีกว่าที่คิดอีกครับ คิดไว้ว่าคงมีความสุขแหละ แต่เอาจริงผมมีความสุขกว่าที่คิดไว้มากๆ

ปอ: ช่วงที่สับสนก็มีอยู่แล้วครับ ผมไม่รู้น้ำวนเป็นหรือเปล่าแต่ผมเป็นนะ ช่วงปี 2019 ที่งานเยอะๆ บางครั้งผมรู้สึกไม่อยากออกไปเล่นคอนเสิร์ต เหมือนเราแบกความคาดหวังของสิ่งต่างๆ ไว้ ความคาดหวังของคนที่จ้างเรา ความคาดหวังของแฟนเพลง เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่คนไฮป์วงมาก ช่วงที่ปล่อยเพลงไม่รู้ทำไม เพลงใจสลาย บางทีก็คิดว่าถ้าร้านจ้างไปแล้วเราเล่นไม่ดีจะเป็นยังไง ก็เลยสับสนในตัวเอง พอต่อด้วยโควิดก็สับสนหนักเลย นี่เราทำอะไรอยู่ อยู่แต่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้เล่นดนตรี ไม่ได้สร้างผลงาน แต่พอได้กลับมาเล่นดนตรีหลายอย่างก็ดีขึ้น ตอนนี้ผ่านมาประมาณสองปีก็เริ่มเข้าใจ เพราะโตขึ้นด้วยมั้งถึงได้รู้ว่าจริงๆ ไม่มีอะไรเลย แค่มีความสุขกับการทำงาน ทำเพลงที่ชอบ ออกไปเล่นเพลงที่เราแต่ง ไปเล่นกับเพื่อน ไปเจอแฟนเพลงที่อยากฟังเพลง ผมไม่สนแล้วว่าคนที่มาฟังจะมากน้อยแค่ไหน ขอแค่คนฟังมีความสุขกับการที่เรายืนอยู่ตรงนั้นผมก็มีความสุขแล้ว

น้ำวน: แต่ละงานจะมีความประทับใจที่ไม่เหมือนกัน ผมว่างานที่ดีขึ้นอยู่กับใครมาดูมากกว่า ถ้าคนฟังตั้งใจมาดูแล้วเอนจอยกับโชว์จริงๆ ผมเล่นที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ อาจจะเป็นสถานที่ไม่ใหญ่มากแต่คนฟังดีมาก สุดท้ายมันก็เป็นงานที่ดีสำหรับผมนะ

ปอ: งานล่าสุดที่เล่นแล้วรู้สึกชอบคือ งาน ‘Fish Paradise Concert’ ตอนแรกคุยกันว่างานประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เราบอกว่า ขอเล่น 2 ชั่วโมงได้ไหม เพราะอยากเล่น (หัวเราะ) วันนั้นก็เลยได้เล่นเพลงเยอะมาก คนที่ซื้อบัตรมาดูก็เป็นแฟนเพลงเราทั้งนั้น จำได้ว่าสนุกมาก จนคิดในใจว่า อยากพกคนพวกนี้ไปทุกงานเลย คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ตั้งแต่ยุคแรกๆ ได้เล่นเพลง ‘โอ๊ย’ เพลง ‘ละเมอ’ เป็นงานที่ได้เล่นหลายเพลงที่เรารู้สึกคิดถึง

บางคนถามว่า อยากฟังเพลงนั้นเพลงนี้จังเลย ทำไมไม่ค่อยได้ฟัง ผมก็จะบอกว่า บางงานไม่ได้เหมาะที่จะเล่น ด้วยสถานที่ ผู้คน ลิสต์เพลง ต้องบอกว่า เพลงวงเราเยอะนะ พอลิสต์ออกมาคนก็จะถามอีก ทำไมไม่เล่นเพลงนู้น เราเลยคิดว่า คุณมารอฟังในงานแบบนี้ละกัน งานที่มีปีละครั้งสองครั้ง เป็นงานที่ทุกคนอยากมาฟังเพลงเหล่านี้จริงๆ ผมรู้สึกว่า เพลงมันศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเล่นออกไปในสถานที่ที่คนอยากฟัง มันจะมีความหมาย แล้วเราก็จะอินได้มากกว่า นั่นแหละครับ เราอยากเล่นด้วยอารมณ์แบบนั้น บางเพลงก็เป็นเพลงที่ช้ามากๆ ต้องการคนดูที่ตั้งใจฟังจริงๆ เราเลยไม่ค่อยได้เล่นในงานทั่วไป

ภาพถ่ายในแต่ละปีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

ปอ: ผมว่าเราเป็นมืออาชีพมากขึ้นจากตอนแรก มีการวางแผนที่ดีขึ้น มีความเป็นมืออาชีพในการเล่นดนตรีมากขึ้น โดยรวมคือ มีกระบวนการทางความคิดที่ดีขึ้นจากตอนเด็กๆ แล้วพวกเราก็เป็นประเภทสร้างสรรค์ผลงานในแบบที่รู้สึกอยู่ตอนนั้น มากกว่าที่จะยึดอะไรเพียงอย่างเดียว ช่วงแรกอาจจะฟังวงที่ชอบแล้วทำเพลงออกมาโดยที่มีส่วนประกอบเหล่านั้นแทรกอยู่ แต่พอเวลาผ่านไป 5-6 ปี ฟังเพลงหลากหลายมากขึ้นเลยอาจจะมีส่วนผสมของดนตรี เมโลดี้ ที่เปลี่ยนไปด้วย รวมถึงเรื่องราวในชีวิตที่เจอมันเปลี่ยนไป เรื่องที่เล่าก็เปลี่ยนไปตามเหมือนกัน 

ผมอยากให้ Whal & Dolph เป็นภาพถ่ายของพวกเราในแต่ละปี เหมือนการบันทึกภาพไว้ในแต่ละช่วงเวลาว่า เราเป็นแบบนี้ นี่คือ Whal & Dolph ตอนอายุ 26-27 หรือช่วง 30+ เพลงที่ออกมาก็จะเป็นไปตามสิ่งที่เราคิด Whal & Dolph คืออะไรก็ได้ที่รู้สึกอยู่ ณ ตอนนั้น เป็นสิ่งที่ผมและน้ำวนกำลังสนใจ ในอีก 3 ปีข้างหน้า เราอาจจะกลายเป็นวงดนตรีแนวอื่นก็ได้ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตามอายุ และการใช้ชีวิตของเรา 

น้ำวน: ใช่ครับ ก็เลยการันตีไม่ได้ว่า ในอนาคตเราจะเป็นวงแบบไหน ทำเพลงแนวไหนออกมา

ปอ: เราเป็นศิลปินแบบนี้ เพราะฉะนั้นแฟนเพลงก็อย่าคาดหวังมากนะฮะ (หัวเราะ) บางคนอาจจะบอกว่าอยากฟังเพลงแบบนี้ตลอดไป ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าเราทำให้ไม่ได้นะ เราคือเครื่องบันทึกเสียงของปีนั้น เราก็แค่บันทึกเสียงของเราสองคนออกมาให้คุณฟัง เพราะฉะนั้นโปรดตามเราไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวงเรา

น้ำวน: ทุกเพลงที่ทุกคนได้ฟัง คือเพลงในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกผม ณ ตอนนั้นแล้ว สมมุติมีคนบอกว่า ชอบเพลงอัลบั้มแรกมากเลย ให้กลับมาทำเพลงนี้อีกได้ไหม ผมบอกเลยว่าไม่ได้

ปอ: แล้วเราก็ไม่อยากทำด้วย เพราะมันคือ สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนั้นแล้ว ตอนนี้ที่เราเปลี่ยนไป แฟนเพลงก็เหมือนได้มารับฟังสิ่งที่เราเคยสร้างไว้ พวกผมไม่ได้บังคับว่า คุณฟังเพลงเราทุกเพลงแล้วต้องชอบนะ แต่ถ้าฟังแล้วยังชอบอยู่ แปลว่าคุณก็เติบโตไปกับพวกเราเหมือนกัน

น้ำวน: ก็ตามกันมาฮะ ผมว่าตอนนี้เราอยู่มาได้ 6-7 ปี ก็โอเคแล้วนะ

ปอ: Whal & Dolph มีหลายยุค แฟนเพลงที่มาเจอเราก็มาจากหลายยุค ผมเชื่อว่า การเป็นแบบนี้ ถ้าผ่านเวลาไปสัก 10 ปี วงดนตรีของเราจะแข็งแรงมากๆ เพราะ เราไม่ใช่วงที่คนมาไฮป์ตลอดเวลา อาจจะด้วยสิ่งที่พวกเราคิดและทำด้วยแหละ เลยคิดว่าถ้ายังเติบโต และดำเนินไปได้แบบนี้ เชื่อว่าวันหนึ่งเราอาจจะอยู่คู่กับวงการเพลงไทยได้ในระยะยาว ซึ่งก็อยากให้เป็นแบบนั้นนะ แม้จะไม่ได้หวือหวามาก แต่พวกเราก็ยังมีอยู่

อนาคตของ Whal & Dolph กับวงการเพลงไทย

ปอ: ช่วงก่อนหน้านี้เคยคุยกันว่า อยากให้วงเป็นอย่างไร สรุปได้ว่าเราอยากเป็นวงดนตรีที่อยู่ยาวๆ แล้วก็มีมาตรฐานที่ดี อยากเป็นวงที่เจ๋งวงหนึ่งในวงการเพลงไทย และเงินส่วนใหญ่ที่ได้ก็จะเอามาลงกับการเล่นดนตรี ซื้อของเข้าวง พัฒนาอุปกรณ์ เพราะผมคิดว่า คนเรามีอายุงานไม่ยาวหรอก อย่างมากก็ 40 กว่าปี หมายถึงว่า ตอนนี้อายุ 30 อีก 10 กว่าปีก็แก่แล้ว เรามีระยะเวลาที่จะขึ้นไปเล่นดนตรีในขณะที่ยังหนุ่มแบบนี้อีกไม่นาน เพราะฉะนั้น ช่วงเวลานี้เราจะทำงานให้หนัก ทำเพลงออกมาให้ดี เอาเงินไปซื้อของที่อยากใช้เพื่อทำเพลงเจ๋งๆ ให้คนฟัง พูดง่ายๆ ว่า ระยะเวลาต่อจากนี้จะทุ่มเทให้กับสิ่งที่อยากทำ นั่นก็คือวงของเรา

น้ำวน: พวกเราคิดว่า ถ้าอยากเอาจริงเอาจังในอาชีพนี้ คุณภาพการทำงานเป็นเรื่องสำคัญมาก

ปอ: สิ่งแรกที่ต้องมีคือ ความอดทน แล้วก็ต้องเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ทำ อีกสิ่งคือ ต้องรีเสิร์ชบ่อยๆ ว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาคิดอะไร ทำอะไรกัน ไม่ได้ให้ไปลอกเลียนแบบนะครับ แต่ให้ดูว่า ทำไมเพลงนี้ หรือวงนี้ประสบความสำเร็จ ผมก็เป็นคนที่ชอบศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จ ชอบดูว่า เขาทำเพลงแบบไหน เล่นดีขนาดไหน ซึ่งสำหรับผม เพลงที่คนฟังสัมผัสได้ ฟังแล้วรู้สึกตามคือ เพลงที่ดี จะดังรึเปล่าไม่รู้ แต่ดีแน่ ความดังบางทีก็เป็นเรื่องของโชคชะตา อันดับแรกคุณต้องทำออกมาให้ดีก่อน สุดท้ายคือ เล่นให้ดีด้วย ต่อให้ทำออกมาดีจนเพลงดัง แต่ไปเล่นสดแล้วเล่นไม่ดี โอกาสการจ้างงานต่อไปก็จะยาก แล้วก็จะอยู่ในวงการเพลงยากเหมือนกัน

น้ำวน: รวมๆ ก็ควรเน้นทุกเรื่อง พัฒนาทุกอย่างไปพร้อมๆ กัน

ปอ: ตอนนี้วงการเพลงไทยก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เนอะ วงใหม่ที่เกิดขึ้นมาก็ยอดเยี่ยม ทุกคนทำผลงานออกมาสู้กัน แล้วก็ผลักดันให้เราต้องสู้เหมือนกัน วงดนตรีก็มีหลากหลายมากขึ้น ทั้งศิลปินเดี่ยว T-pop วงไอดอล งานที่จะให้เล่นก็มีเยอะขึ้นด้วย ทั้งงานเล็ก งานใหญ่ โดยรวมผมว่า วงการกำลังเติบโตในทิศทางที่ดี แล้วก็รู้สึกว่า ทุกอย่างกำลังช่วยคัดสรรอยู่ คือคุณต้องเป็นวงที่มีมาตรฐานจริงๆ ถึงจะอยู่ได้ในระยะยาว

น้ำวน: จริงครับ ผมว่าช่วงนี้คึกคักมากเลยนะ ส่วนตัวผมไม่ติดเลยที่ใครจะมาทำเพลง บางคนอาจจะเป็นนักแสดงมาก่อนก็ได้ ผมอยากฟัง อยากรู้ว่าเขาจะสื่อสารเพลงออกมาแบบไหน ซึ่งแต่ละคนก็มีความน่าสนใจต่างกัน 

ปอ: แต่เรื่องที่อยากให้พัฒนาก็มีหลายอย่างเหมือนกัน ถ้าภาครัฐเข้ามาช่วยก็คิดว่าคงโตได้มากกว่านี้ ทั้งเรื่องงบในการจัดคอนเสิร์ต งบอุดหนุนต่างๆ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่กับการให้งบประมาณตรงนี้ เงินที่เอามาสนับสนุนอาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ ของเขาด้วยซ้ำ ถ้าเขามองเห็นความสำคัญวงการดนตรีบ้านเราก็โตได้อีก 

น้ำวน: ผมว่าคนไทยเก่งนะ เรามีดีกันมากพอที่จะสู้กับหลายๆ ประเทศได้ ถ้ามีแรงซัพพอร์ตที่ดีคงไปได้ไกล

‘ไม่เจอตั้งนาน’ ผลงานใหม่กับการทักทายสไตล์ Whal & Dolph

น้ำวน: แฟนเพลงก็น่าจะได้ฟังกันแล้วแหละ สิ่งที่อยากนำเสนอสำหรับผม ผมใส่ไปในนั้นหมดแล้วครับ (หัวเราะ) คุณต้องลองไปฟังดูนะ ดนตรี ไลน์กีตาร์ ไลน์เบส สิ่งที่ทุกคนได้ยินคือ สิ่งที่ผมภูมิใจนำเสนอมาก หลายอย่างเป็นสิ่งใหม่ที่เรายังไม่เคยทำ เมโลดี้ที่ปอร้องก็น่าจะให้ความรู้สึกแปลกใหม่เหมือนกัน

ปอ: ผมว่าเป็นเพลงที่คึกคักนะ แล้ววงเราก็ยังไม่มีเพลงเปิดโชว์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนการทักทาย ก็เลยคิดว่า นี่แหละ การทักทายของ Whal & Dolph อาจจะเป็นการทักทายที่แฝงด้วยความเศร้านิดหน่อย ด้วยเนื้อในที่แต่งมาจากเรื่องจริง จากแรงบันดาลใจบางอย่างที่เกิดขึ้นแล้วเอามาเขียนเป็นเพลง และด้วยความเป็นเราเพลงเลยติดขมบ้าง แต่ฟังก์ชันการทำงานเราคิดไว้ว่า อยากให้เป็นเพลงที่ทักทายคนดูได้ สมมุติว่าใช้เพลงนี้เปิดโชว์เป็นเพลงแรก ก็เหมือนได้ทักทายแฟนเพลงที่ไม่ได้มาดูเรานานๆ ว่า ‘ไม่เจอตั้งนาน’ หรือพอเปิดฟังเพลงนี้ก็อาจจะนึกถึงเราบ้าง ไม่เจอกันตั้งนานนะ ตอนแรกแพลนว่า จะปล่อยเพลงใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ เห็นหลายคนก็บอกว่ารอฟังเพลงอยู่ แต่เราทำไม่ทันจริงๆ (หัวเราะ) ที่จริงมีเพลงที่อยากปล่อยตอนวาเลนไทน์นะครับ แต่ดันมาทำเพลงไม่เจอตั้งนานซะก่อน ก็เลยเลื่อนเพลงนั้นออกไป

น้ำวน: ผมคิดว่าเพลงไม่เจอตั้งนานไม่เหมาะกับไทม์มิ่งตอนนั้นด้วย

ปอ: เลเวลความเศร้ามันยังไม่พอ (หัวเราะ) เวลาปล่อยเพลงจะมีเลเวลของความคาดหวังอยู่ สมมุติเพลงไหนที่ทำเสร็จแล้วคุยกันว่า เพลงนี้ต้องมาว่ะ ก็จะคาดหวังกันพอสมควร บางทีก็สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้างเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เพลงล่าสุดต้องบอกว่า ผมไม่คาดหวังเลยนะ แค่คิดภาพว่า ถ้าเอาเพลงนี้ไปเล่นต้องเท่มากแน่เลย อีกอย่างคือ มันเหมาะกับโชว์ของเราด้วย แล้วก็คิดว่าน่าจะมีคนชอบในรูปแบบของเราบ้างเหมือนกัน แต่ถามว่าคาดหวังให้เป็นเพลงฮิตไหม ก็ไม่ได้คาดหวัง แค่รู้สึกว่า เพลงนี้มีคุณค่ามากพอที่จะทำ แล้วก็มีคุณค่าพอที่จะเป็นเพลงของวง เราก็เลยปล่อยออกมาให้ทุกคนฟัง

(ได้ยินมาว่าเคยร้องไห้ตอนปล่อยเพลงด้วยใช่ไหม?)

ปอ: อ๋อ ใช่ ช่วงเพลง ‘ฝากไว้กับดาว’ ตอนนั้นจำได้เลยว่า อยู่กับเพื่อนบนดาดฟ้าร้านอะไรสักอย่าง พอกดปล่อยเพลงไป 5 นาที คนแชร์เป็นพัน เลยรู้สึกได้ว่า คนรอฟังเพลงนี้เยอะเหมือนกันเนอะ มันเป็นความรู้สึกซึ้งใจ ก็เลยน้ำตาไหลออกมา

น้ำวน: ตอนนั้นผมน่าจะอยู่บ้านฮะ ไม่เคยรู้เลยว่าปอร้องไห้ ผมเพิ่งรู้เมื่อกี้ หรืออาจจะเคยรู้แต่จำไม่ได้ ก็หลายปีแล้วเหมือนกันนะ (หัวเราะ)

ข้อความจากวาฬถึงโลมา และสองปลาถึงแฟนเพลง

ปอ: เป็นเพื่อนกันมาสิบปีแล้วนะ (หัวเราะ) ผมก็ขอบคุณเพื่อนคนนี้นะครับที่ไว้ใจกัน เชื่อใจกันเสมอมา ขอบคุณที่มันยังอยู่ตรงนี้แล้วกัน

น้ำวน: ขอบคุณปอเหมือนกันครับ ผมเป็นคนชิลมาก แล้วก็ทำอะไรค่อนข้างช้า แต่ปอเป็นคนแอ็กทีฟเลยช่วยให้งานเดินอยู่ตลอด เวลาทำงานกันก็ไม่ค่อยมีปัญหา ทุกอย่างโฟลวมาตลอด ก็ดีครับ เขาเป็นคนที่น่ารัก ลุยกันต่อครับ

ปอ: ต้องขอบคุณแฟนเพลงด้วยนะ พวกคุณเป็นสิ่งที่ทำให้เรายังอยู่ได้จนถึงวันนี้ ถ้าไม่มีแฟนเพลงก็คงไม่มีคนจ้างเราไปเล่น ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจกันตลอด ทั้งคนเก่า และคนใหม่ที่เพิ่งมาตาม เราภูมิใจในตัวแฟนเพลงนะครับ เพราะคุณเชื่อมั่นในตัวเรา เราก็จะทำสิ่งที่เราเชื่อมั่นตอบแทน หวังว่าจะเติบโตไปพร้อมกันนะครับ ส่วนคอนเสิร์ตใหญ่ก็มีแพลนไว้บ้างแล้วแหละ แต่อยากให้เกิดขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม เป็นช่วงเวลาที่พวกเราพร้อมที่จะจัดคอนเสิร์ตใหญ่แล้วจริงๆ ต้องบอกว่า ปีนี้คงยังไม่มีโอกาสได้จัดนะ แต่คงมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มาก แต่เป็นงานที่ทำให้หายคิดถึงกันบ้างแน่นอน 

น้ำวน: ส่วนผมก็ รักแฟนเพลงทุกคนนะครับ ไว้เจอกันตามงานคอนเสิร์ตฮะ ฝากติดตาม และสนับสนุนงานที่พวกเรากำลังจะปล่อยต่อไปด้วยนะ ตอนนี้ก็ฟังเพลงไม่เจอตั้งนานรอไปก่อน ขอบคุณครับ

ตลอดการสนทนาปอ และน้ำวนยังคงตอบทุกคำถามด้วยสไตล์ที่ชัดเจนของแต่ละคน เราจึงไม่แปลกใจที่เพลงของพวกเขาจะมีเอกลักษณ์เด่นชัดจนหลายคนจดจำได้ เพราะแม้แต่การพูดคุยของทั้งคู่ก็ยังมีภาษา และลักษณะบางอย่างที่ไม่เหมือนใครซ่อนอยู่ เรื่องเล่ามากมายทำให้รับรู้ได้ถึงความจริงใจ และซื่อสัตย์ต่อการเปลี่ยนผ่านของความรู้สึกรวมถึงตัวตนในแต่ละช่วงวัย Whal & Dolph อาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของวงดนตรีที่เลือกทำตามความฝัน โดยไม่สูญเสียตัวตนในระหว่างทาง พวกเขาสะท้อนให้เห็นว่า การค้นพบเส้นทางของตัวเองที่แตกต่างออกไปก็สามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้ ตราบที่มีความอดทน และตั้งใจมากพอ

Playlist ที่ What & Dolph อยากให้คุณฟัง

หากใครได้อ่านบทสัมภาษณ์ครั้งนี้แล้ว อยากทำความรู้จักวงดนตรีของพวกเขามากขึ้น รวมถึงเฝ้ามองการเติบโตผ่านภาพถ่ายใบต่อไปของวาฬและโลมา สามารถติดตามผลงานของทั้งคู่ได้ที่

Youtube: Whattheduck
Facebook: Whal & Dolph
Instagram: whalanddolph
Twitter: @whalanddolph และสตรีมมิ่งทุกแพลตฟอร์ม