"นัดตะพัด" ชัดเจนในวิถี ท่องเที่ยวอย่างมีสไตล์

เมื่อการท่องเที่ยว การเดินทาง และไลฟ์สไตล์ ถูกรวบรวมไว้ในเพจ "นัดตะพัด" เพจที่จัดจ้านทุกคอนเทนต์ ทั้งวีดิโอ ภาพถ่าย เรื่องเล่า มาพร้อมกับคาแรกเตอร์สุดเท่และภารกิจล่าสุด "ปั่นจักยานเบตง - แม่สาย 2,500 กิโลเมตร"  

บอส ณัฐภัทร ชินะจิตพันธุ์ วัย 25 ปี เจ้าของเพจนัดตะพัด ที่ตั้งมาจากชื่อจริงของตนเอง โดยเริ่มทำเพจตั้งแต่ปี 2018 กับยอดคนติดตาม 39,720 คน และก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความครีเอทและการนำเสนอตัวตนที่ชัดเจน จนหลาย ๆ คนชื่นชอบและหลงรักเพจนี้ไปซะแล้ว!

นัดตะพัด คือ ไดอารี่

"เพจนี้เวลาที่ทำจริงจังคือ ทำมาแล้ว 2 ปีครับ ถ้าไม่จริงจังก็ ปีหนึ่งโพสครั้งหนึ่ง (หัวเราะ) ตอนนั้นเรียนปี 4 เรียนจบมาปีหนึ่งก็ยังงง ๆ กับชีวิต ว่าจะทำอะไรดี จะทำเพจดีไหมหรือยังไงดี แต่ก็ตั้ดสินใจทำ เพราะอยากมีที่ที่ได้เก็บเรื่องราวของตัวเอง เรื่องเล่าของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ไลฟ์สไตล์ ก็ตามชื่อคอนเซปท์เพจเลย "นัดตะพัด เพจท่องเที่ยว เพจเดินทาง และไลฟ์สไตล์" 

"หรือเราต้องจริงจังกับเพจดูสักครั้งหนึ่ง เพราะเราต้องการทำตามฝัน เรามีแพชชั่นในการเดินทางให้เป็นงานให้ได้มาจนถึงทุกวันนี้ครับ"

ทำเพจให้กลายเป็นอาชีพ

"ตอนปี 4 คิดตลอดเลยว่า จะทำยังไงให้เที่ยวแล้วเป็นงาน ซึ่งตอนนั้นไม่มี HOW TO บอกเราเลยว่าต้องทำยังไง มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรางงๆ กับชีวิต ช่วงนั้นไปทำทัวร์บ้าง ไปทำ MOU นำเข้าแรงงานต่างด้าวบ้าง มันรู้สึกไม่มีความสุขเลย เราเลยจับปลาสองมือ คือยังทำงาน MOU อยู่ แล้วเอาเงินที่ได้จากตรงนั้นมาเที่ยวเรื่อยๆ เที่ยวจนเพจเริ่มมีรายได้ ประจวบเหมาะกับตอนนั้น รับงานแสดง งานโฆษณาด้วย ช่วงนั้นงานเริ่มเยอะแล้ว แต่ไม่ตอบโจทย์ชีวิต เลยปล่อยงาน MOU เลย แล้วทำแค่งานนักแสดง โฆษณา กับเพจ จนตอนนี้ก็เหลือแค่เพจล้วนๆ"

นัดตะพัด กับ จักรยาน

"ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะปั่นในไทยเลยนะ เส้นทางปั่นจักรยานที่ผมอยากไปจริงๆ คือ ปั่นจากไทยไปอินเดีย ผมอยากข้ามพม่า ผมอยากไปเห็นบรรยากาศที่มันแตกต่าง แต่ด้วยสถานการณ์โควิด แล้วปั่นไปอินเดียคงไม่มีใครปั่นไปกับผม มันก็ยังไม่ได้ไปสักที จนมีพี่ พี่เบียร์ (อานพ เฉลียวฉลาด) เขาก็ชวนไปด้วยกันไหม? ผมก็คิดว่าไปกับพี่เขาด้วยก็ได้ เพราะอินเดียไม่รู้จะได้ไปเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าจะไหวหรือเปล่า ได้ลองเส้นทางในประเทศไทยก่อนก็น่าจะดี เรียกว่าเป็นการเตรียมพร้อมก่อนปั่นออกนอกประเทศก็แล้วกันครับ นั่นคือแรงบันดาลใจก็คืออยากเตรียมความพร้อม อยากรู้ว่าตัวเองจะไหวไหม จะถ่ายทำยังไง เขียนหนังสือจะไหวไหม" 

"จักรยานมันทำให้มองอะไรชัดขึ้น แล้วมัน Friendly ไปที่ไหนก็รู้สึกว่าคนเขาคุยด้วยง่ายๆ ไม่ได้มีกำแพงกับเราเยอะ รู้สึกปลอดภัยครับ"

ไม่ได้เตรียมตัว แต่เตรียมใจพร้อมปั่น

"ก่อนหน้าที่จะไปปั่นประมาณ 3 เดือน ไม่ได้อยู่บ้านเลย คือ งานมันกรูเข้ามา เพิ่งได้กลับได้กลับบ้าน 2 อาทิตย์ก่อนจะออกปั่น จนเหลืออีก 7 วันสุดท้าย ต้องแคนเซิ้ลงานทุกอย่าง และที่สำคัญจักรยานที่จะใช้ปั่นยังเป็นซากอยู่เลย (จักรยานทัวร์ริ่ง) เพราะครั้งสุดท้ายที่ปั่นคันนี้ คือ ตอนทำธีสิสจบ ซึ่งทำกับจักรยานแล้วเอามันลงทะเล พอลงทะลจึงต้องแยกชิ้นส่วนไม่งั้นสนิมกินชิ้นส่วนต่างๆ เราก็คิด 7 วันจะประกอบทันไหม ทำไปทำมาจนเหลือประมาณ 4 วันก่อนออกเดินทาง ก็ยกไปให้ร้านประกอบให้เลย ไม่มีการออกกำลังกายใดๆ ก่อนทั้งสิ้น (หัวเราะ) ส่วนพี่เบียร์ 3 วันก่อนออกเดินทางเพิ่งซื้อจักรยานครับ!”

เล่าเรื่องทริปปั่น เบตง - แม่สาย ให้ฟังหน่อยสิ

"ไม่ได้คาดหวังกับทริปนี้เยอะ เพราะแทบไม่ได้คิดอะไรเลยว่าต้องการอะไร เราก็เลยเหมือนเป็น First impression โดยรวมผมว่ามันก็โอเคนะ โอเคในบางข้อและไม่โอเคในบางข้อ 

“เราได้เห็นอะไรในเชิงรายละเอียดเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น วิวสองข้างทาง ผู้คน บรรยากาศ ท้องถนน แคบ กว้าง และขยะข้างทางที่มันเยอะมากบางช่วง บางทีปั่นนานมากไม่เจอถังขยะเลยก็ได้เห็นอะไรเยอะขึ้น”

บางทีถ้าเป็นมอไซค์เราก๋จำไม่ได้ว่าเราผ่านตรงนี้ แต่พอปั่นจักรยาน ล่าสุดผมไประนองมา แล้วผมเพิ่งปั่นผ่านระนอง ผมจำได้หมดเลยว่าตรงนี้ผมทำอะไรบ้าง ผมเหนื่อยตรงเนินนี้ ผมเข็นตรงเนินนี้ รายละเอียดมันแทบจะจำได้ทุกอณูเลยครับ มันวิเศษมากเลย เพราะจำได้ทุกโมเมนท์"

"มันไม่ช้าเกินไปและไม่เร็วเกินไป มันทำให้เราได้เห็นมุมมองอะไรใหม่ๆ ของงตัวเองทั้งภายนอกและภายใน มองนั่นมองโน่น บางทีเราไม่อยากฟังเพลง เราอยากฟังเสียงรอบข้าง เราอยากฟังเสียงล้อบนถนน มันรู้สึกว่าจะจอดพักตรงไหนก็จอดได้เลย แล้วมันเป็นมิตร ระหว่างที่ผมปั่นจักรยาน มีคนแปลกหน้าชวนไปนอนบ้าน ตอนปั่นอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนนั้นอยู่ปัตตานี ในป่าเป็นพื้นที่สีแดงด้วย ก็รู้สึกว่า เขาชวนจริงเหรอวะ? หรือ ชวนเป็นมารยาท? แล้วเขาก็พูดย้ำว่าจริง ไปได้ ไปนอนบ้านผมไหม มีที่นอนแล้วยัง! แล้วผมก็ไปนอนบ้านเขา แล้วเขาก็ต้อนรับอย่างดี แทบไม่รู้สึกกลัวเลย"

2,500 กิโลเมตร กลางแดดกลางลม

"สภาพอากาศกับนัดตะพัดนี่น่าจะเป็นของคู่กัน ฝนตกก็ปลงไปแล้ว (หัวเราะ) ตอนอยู่ใต้เดือนหนึ่งถือว่านานมากเลย อยู่ชุมพรฝนมันตกทุกวัน พอภาคกลางขึ้นมามันเป็นหน้าหนาว ภาคใต้คือหน้าฝน แล้วพายุมันเข้า แล้วผมก็ต้องปั่นฝ่าพายุ ลมก็แรง เลยปั่นไปได้ไม่ไกล ด้วยความที่เป็นพายุ มันกลับทำให้รู้สึกปั่นสบายมาก ในวันที่แดดร้อนปั่นแทบไม่ไหวเลย แต่วันที่ฝนตกเราปั่นกลางฝน มันสนุกมาก อันนี้คนอื่นอาจจะไม่ชอบนะ แต่ผมเจอมาผมชอบมาก ผมกลับมองว่า ปั่นตอนฝนตกมันสนุกกว่าตอนแดดออกเป็นร้อยเท่า เหมือนรู้สึกกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ผมไม่ท้อและไม่คิดลดระยะเวลาทริปเลยครับ"

Mindset ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

"ปั่นนานๆ ก็เริ่มไม่อินกับวิวสวยๆ พอเราอินกับอย่างอื่น เพราะการปั่นจักรยานมันอยู่กับปัจจุบันมาก เหมือนเดินจงกลมเลย 

“ผมเที่ยวมา 5 เดือนติด เห็นทะเลหมอกจนไม่ว้าว เห็นทะเลสวยจนไม่ว้าว จนรู้สึกเฉยๆ ผมเลยลองเปลี่ยนโฟกัสดู เราเดินทางไกล 2 เดือนบนหลังอานจักรยาน จะว้าวกับวิวทุกวันก็คงเป็นไปไม่ได้”

ก็เปลี่ยนจุดโฟกัสจากวิวกลายเป็นผู้คน กลายเป็นวิวทั่วไปข้างทาง ไปดูคนเลี้ยงวัว ชาวบ้านจูงวัวชน เดินออกกำลังกายริมหาดแล้วไปสนามซ้อมวัวชน เราก็จะได้เห็นอะไรเยอะขึ้น แค่อินกับบรรยากาศสองข้างทางและผู้คนให้มากขึ้น"

ทริปที่ให้มากกว่ามิตรภาพ 

"ได้มิตรภาพ ได้เรียนรู้ตัวเองเรื่องการแก้ปัญหากับอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งมันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการทำคอนเทนต์มากเลย ได้เรียนรู้ในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น มีเรื่องไม่ถูกใจกันบางเรื่อง แต่ก็เคลียร์กันได้ลงตัว บางคนที่บอกว่าพูดตรง ๆ เขาไม่ได้พูดตรง ๆ เลย แต่การพูดตรง ๆ บางทีมันไม่ใช่การพูดตรง ๆ แต่มันคือ การพูดเพื่อหาข้อตรงกลางกัน มันไม่ใช่พูดเพื่อการเอาชนะ ถ้าพูดเพื่อการเอาชนะ มันจะไม่ใช่การพูดตรงๆ ในด้านดี การพูดตรงๆ คือ เอาปัญหาของเรา และปัญหาของเขามาเจอตรงกลาง เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดว่าคืออะไร นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากทริปนี้ 

ผมแทบไม่เคยเจอโมเมนท์อย่างนี้เท่าไหร่เลย แทบจะไม่มีใครเอาปัญหาแล้วมานั่งแชร์กัน ถ้าไม่ใช่คู่รัก ในฐานะเพื่อนหรือเพื่อนร่วมทาง ซึ่งผมพยายามหาตรงกลางกับพี่เบียร์ว่า อะไรคือตรงกลางที่ทำให้เราปั่นไปด้วยกันได้ บางทีความต้องการไม่เหมือนกัน เราก็เลยใช้วิธีการพูดตรงๆ ช่วงนั้นก็จะมีความอึดอัดอยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมกัน แวะก็แวะด้วยกัน เราก็รู้สึกว่าเราก็ได้อะไรจากเขา เขาก็ได้อะไรจากเรา ถือว่าเป็นทริปที่ทำให้เราได้เพื่อนแท้เพิ่มอีกคนหนึ่ง"

ภารกิจทริปเที่ยวต่อไป?

"บางทีก็รู้สึกสนุกกับการขี่มอเตอร์ไซค์ เพราะจักรยานดูเหมือนค่าใช้จ่ายน้อย แต่อย่าลืมว่า 1 ชั่วโมงของมอเตอร์ไซค์คือ 1 วันของจักรยาน ค่ากินของเราจะเยอะขึ้น ค่าที่พักในบางช่วงอาจต้องจ่ายเพิ่มขึ้น มันทำให้ค่ากินบางทีอาจจะพอๆ กัน หรือมากกว่าด้วยซ้ำ ก็ต้องดูอีกทีว่าตอนนั้นออกต่างประเทศได้หรือยัง ตอนนี้อยากไปแอฟาริกาใต้ อยากไปขี่มอเตอร์ไซค์ มีเพื่อนไปสักสองคนสามคนก็ดี หรือไปคนเดียวก็ได้ แต่ถ้าโควิดไม่หายสักที ก็คงกลับเข้าป่าแล้วล่ะครับ" 

"นัดตะพัด" ในมุมของตัวเอง

"บอสมองเพจนัดตะพัดเหมือนตัวบอสเนี่ยล่ะ ในคลิปวิดีโอหรืออะไรจะเรียลๆ ก็คือบอสนั่นล่ะ มันคือตัวตนผมเลย อยากให้คนนอกหรือแฟนเพจมองอย่างที่เขาอยากมองกัน 

“ขอนิดหนึ่ง เพจนัดตะพัด นัดตะพัด คือชื่อจริง ไม่ใช่คนชื่อนัดกับคนชื่อพัดมาทำด้วยกัน (หัวเราะ) หลังๆ เริ่มมีคนทัก อ้าวคุณนัดแล้วไหนคุณพัดล่ะครับ ฮ่าๆ”

"ดีใจนะที่มีคนมาติดตามเพิ่มขึ้นทุกวัน วันไหนอัพคลิปก็ตามเยอะหน่อย มันก็มาตามคอนเทนต์ที่ผมทำ คิดว่าที่เขาติดตามเพราะ ชอบในความเป็นตัวตนของเรา มันดูแล้วอยากไปตาม รีแลกซ์บ้าง บางทีเขาอยากดูอะไรพังๆ มันๆ ทรมานๆ ฝนตกฟ้าร้อง ลูกเพจก็จะซาดิซม์หน่อย ผมดีใจตรงที่ว่าคนที่มาติดตามผม คือกลุ่มคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน มันทำให้เป็นคอมมูนิตี้หนึ่ง ที่คนชอบเดินทางลุยๆ ทุกครั้งที่มีคนมาทักและขอถ่ายรูป ฟินโคตร (หัวเราะ) ยิ่งตอนเข้าป่า ตลอดทางที่เดิน มีคนทักโอ๊ยฟินครับ"

เพจ Youtube เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตและความสุขของผมอยู่ตอนนี้ แต่หล่อเลี้ยงชีวิตมันอาจจะยังไม่มากพอ ในอนาคตซักห้าปีอาจจะเริ่มหาธุรกิจทำแล้ว หรืออาจจะเป็นช่องทีใหญ่กว่านี้ก็ได้ อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็ได้ จะดูความสนใจ ณ ตอนนั้นก่อน 

"ฝากเพจ นัดตะพัด เพจท่องเที่ยว เพจเดินทาง และไลฟ์สไตล์ มีช่องยูทูปด้วยไปดูกันเยอะ ๆ นะครับ และเร็วๆ นี้จะมีหนังสือเล่มแรกของผมออกมา เป็นเรื่องราวระหว่างทาง ของการปั่นจักยานเบตง-แม่สาย ครั้งแรกของผม 2,500 กิโลเมตร เป็นหนังสือโฟโต้บุค เราจะเล่าในมุมมองภาพถ่ายในประสบการณ์ของเรา ก็นั่นล่ะครับ ขายของเสร็จแล้ว"