Culture

การเริ่มจากตัวเองคือจุดเริ่มต้นความสำเร็จของ ‘ต้นไม้ ธนภัทร’ Top 60 เทนนิสเยาวชนโลก

“Success Starts Within Yourself,” Rising Tennis Player Tonmye Tanapatt on His Top 60ITF Juniors Rankings

ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป เราคิดว่า ‘เริ่มจากสิ่งที่ชอบ’ ก็เป็นคำพูดที่สามารถใช้ได้ในหลายสถานการณ์ เมื่อคุณเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างจากความชอบ เดินหน้าต่อด้วยความต้องการของตัวเอง แบบที่ไม่โดนใครบังคับ ความสุขและความสำเร็จก็จะมาถึงในสักวัน แต่ถ้าคุณเดินหน้าทำอะไรสักอย่างเพราะคนรอบบอกให้ทำ ทั้งร่างกายและจิตใจอาจแตกสลายไปพร้อมความกดดันก่อนจะสำเร็จเสียงด้วยซ้ำ 

แต่! บทความนี้ผู้เขียนไม่ได้รับบทไลฟ์โค้ชแต่อย่างใด เราแค่จะพาคุณไปคุยกับ ต้นไม้ - ธนภัทร นิรันดร นักเทนนิสดาวรุ่งชาย Rank เยาวชนมือ 1 ของไทย และ Top 60 ของโลกในวัย 18 ปี ที่จะมาช่วยยืนยันว่าความคิดของเรานั้นยังคงเป็นจริงอยู่ แม้กับชีวิตเด็ก Gen Z ก็ตาม

เริ่มเล่นจากตัวเอง

แม้ต้นไม้จะเติบโตมาในครอบครัวเทนนิส ที่คุณแม่พิมพิสมัย กันสุทธิ เป็นอดีตนักเทนนิสทีมชาติ และพี่สาว ณภัทร นิรันดร เป็นนักเทนนิสด้วย แถมยังพากันไปคลุกคลีกับสนามตั้งแต่เด็ก แต่ความจริงแล้วต้นไม้บอกว่าเริ่มเล่นและฝึกซ้อมเทนนิสอย่างจริงจังเมื่อประมาณ 8 ขวบ ด้วยความต้องการของตัวเองล้วนๆ เพราะอยากแข่งและได้ถ้วยรางวัลแบบนักเทนนิสในทีวี พอแม่รู้ว่าเขาอยากเล่นก็เลยสนับสนุนเต็มที่

“ตอนเด็กๆ ชอบดูรายการแข่งในทีวีมาก และคิดว่าสักวันก็อยากได้ถ้วยแบบเขา เลยบอกแม่ว่าจะลองเล่นเทนนิสแบบจริงจังดู ส่วนไอดอลของผมคือโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ที่เก่งเรื่องการเล่นลูกหน้าเน็ตและการเสิร์ฟลูกวอลเลย์ ซึ่งเป็นสไตล์ที่ผมชอบเล่นอยู่แล้ว ก็จะดูและพยายามศึกษาการเล่นจากเขามาตลอด”

เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปีจากเด็กน้อยที่เริ่มจริงจังกับเทนนิส มาจนถึงวันนี้ที่เดินทางตามความต้องการของตัวเองก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม เพราะปลายปี 2021 ที่ผ่านมา ต้นไม้คว้าแชมป์มา 4 รายการติด ทั้งแชมป์ชายคู่ JA Cape Town Tournament 2021, แชมป์ชายเดี่ยว J3 Montreal Tournament 2021, แชมป์ชายเดี่ยว J3 Pune Tournament 2021 และแชมป์ชายคู่ JB1 Pune Tournament 2021 จนทำให้อันดับโลกขยับขึ้นจาก 115 มาเป็น 60 ได้ในที่สุด (อัปเดต 3 Jan 2021) 

10 ปีผ่านไปกับเป้าหมายของตัวเอง

อย่างที่บอกว่าตอนแรกที่เล่นเทนนิสเพราะเห็นคนถือถ้วยแล้วรู้สึกเท่เลยอยากได้บ้าง ส่วนตอนนี้เป้าหมายจะชัดเจนและใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คือคว้าแชมป์รายการแข่งขันทุกสนามที่พอจะไปได้ อย่างในปีนี้เป็นปีสุดท้ายในระดับเยาวชน ก็อยากจะไปแข่งในทุกรายการของ Junior Grand Slam ทั้ง Australian Open, French Open, Wimbledon และ US Open เพราะยังไม่เคยมีเยาวชนชายไทยเคยไปถึงขนาดนั้นมาก่อน และนำความสำเร็จตรงนี้ไปต่อยอดการเป็นนักเทนนิสอาชีพ เพราะการเป็น Top ของรุ่น จะเป็นใบเบิกทางให้สามารถเข้าสู่รอบ Main Draw ของหลายรายการมืออาชีพได้เลย โดยไม่ต้อง Qualifying”

เต็มใจซ้อมด้วยตัวเอง

“ผมซ้อมสัปดาห์ละ 6 วัน คือจันทร์ถึงเสาร์ ซึ่งจันทร์ถึงศุกร์จะเริ่ม 10.00 – 12.00 น. เป็นการซ้อมส่งบอล ตีบอลตระกร้า และน็อคบอล 15.00 – 18.00 น. จะเน้นเรื่องการเล่นแต้มจากสถานการณ์จริง 18.30 – 19.30 น. จะไปยิม ส่วนช่วงว่างระหว่างวันจะหมดไปกับการทำการบ้าน และเข้านอน 22.00 น. ทุกวัน แต่มันก็ไม่ได้หนักเกินไป มันโอเค ยังมีเวลาให้พักผ่อนและออกไปเที่ยวกับเพื่อนไม่ต่างกับคนอื่น เพราะพุธกับเสาร์จะซ้อมแค่ครึ่งวัน และอาทิตย์เป็น Day Off”

ตัวเองและคนรอบข้างคือส่วนผสมความสำเร็จ

แน่นอนว่าต้นไม้ก็เหมือนนักกีฬาหลายคนที่อาจไม่ได้คว้าแชมป์รายการใหญ่มาตั้งแต่เริ่มเล่น บางครั้งได้รับแค่รองแชมป์ หรือบางครั้งอาจทำไม่ได้อย่างที่คาดหวัง ต้องใช้เวลาพัฒนาตัวเองสักพักถึงจะคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้ติดๆ กันในปีก่อน

ต้นไม้แชร์ว่าความสำเร็จของเขาเกิดจาก “การตั้งเป้าหมายของตัวเอง” ว่าอยากทำอะไรบ้างในแต่ละปีและจะพยายามทำให้ได้ตามนั้น เช่น ปี 2021 แรงค์จะต้องสูงขึ้น ดังนั้นเขาจะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยเฉพาะกับการเทรนด์ เพราะต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เข้ายิมทุกวัน และกินอาหารที่ดีขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนความกดดันมา “เป็นแรงผลักดัน” เพราะความกดดันหนึ่งเดียวในการเล่นเทนนิสเกิดจากความอยากชนะของเขาเอง เขาเลยเอามันมาเป็นไฟในการพัฒนาตัวเอง จะไม่ปล่อยให้มันกลายเป็นความเครียด

นอกจากนั้นก็ได้รับการซัพพอร์ตจากครอบครัว โดยเฉพาะแม่ที่ดูแลในหลายๆ เรื่อง เชื่อใจว่าเขาจะทำทุกอย่างได้อย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งการซ้อมเทนนิสและเรียน และสนับสนุนให้เขาได้ไปแข่งไปทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ซึ่งคุณยีน พิมพิสมัย เล่าว่า “ไม่เคยกดดันลูก และจะไม่เอาเขาไปเทียบกับใคร เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน และจากประสบการณ์สมัยเป็นนักกีฬาสอนว่าถ้าไปกดดันเด็กมากๆ สุดท้ายมันจะ Burn Out เราเลยแค่ปล่อยให้เขาเล่นสนุกไป ถ้าได้ดีก็ดีไป ถ้าไม่โอเคก็มองบวก แล้วให้กำลังใจ ซึ่งที่ผ่านมาฝีมือน้องจะเรื่อยๆ มาตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ทำได้เอง คว้าแชมป์รายการใหญ่ได้ เราเลยเชื่อว่าความไม่กดดันจะดีที่สุด”

ส่วนผสมลำดับสุดท้าย ต้นไม้ยกให้สปอนเซอร์อย่างบุญรอดบริวเวอรี่ (คุณสันติ ภิรมย์ภักดี) ดันลอป และสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ ที่สนับสนุนเขาในการแข่งขันทุกสนาม

Home School ทางออกของนักกีฬาที่ให้ความสำคัญกับการเรียน

การจะทำตามความฝันการเป็นนักเทนนิสอาชีพ ทำให้ต้นไม้ต้องไปๆ มาๆ ระหว่างอเมริกา ประเทศไทย และสนามแข่งในหลายประเทศ แต่เขาก็ไม่คิดจะทิ้งการเรียน ซึ่งสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดคือ Home School ที่ช่วยบาลานซ์เรื่องเรียนและความฝันได้เป็นอย่างดี

สำหรับประเทศไทย นักกีฬาที่เรียนนอกระบบการศึกษาอาจจะทำให้ดูแปลกแยก แต่กับสังคมอเมริกันนั้นต่างออกไป ที่นี่ใครๆ ก็เรียน Home School เพราะจะได้จัดตารางชีวิตเองได้ ต้นไม้เลยเรียนระบบนี้ตั้งแต่ 10 ขวบ เพื่อให้เส้นทางนักกีฬาของเขาเดินต่อไปได้ ในขณะที่สิ่งสำคัญอย่างการเรียนก็ยังคงอยู่ ซึ่งทางคุณแม่แชร์ในเรื่องนี้ว่า การ Home School ไม่ใช่เรื่องแปลกและดีไม่ต่างจากโรงเรียนทั่วไป แค่ต้องเลือกโปรแกรมให้ดีว่าเขาสอนอะไรบ้าง เหมาะสมกับลูกเราหรือไม่ ระบบได้มาตรฐานหรือเปล่า และที่สำคัญจะต้องรับให้ได้ด้วยว่างานที่ครูสั่งจะเยอะกว่าไปโรงเรียน เพื่อให้เด็กจบมาแบบได้มาตรฐาน รู้เรื่อง และสามารถไปต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้

สิ่งที่ได้จากเทนนิส

เล่นเทนนิสมานานกว่า 10 ปีแล้วและยังวางแผนจะเดินหน้าต่อในอีกหลายปีข้างหน้า ต้นไม้คิดว่าการคลุกคลีกับมันมานานขนาดนี้ นอกจากรางวัลแล้ว เทนนิสยังให้อะไรกับเราอีกบ้าง?

“เทนนิสทำให้ได้มีโอกาสได้เปิดโลก ไม่ได้อยู่แค่อเมริกาหรือเมืองไทย แต่ได้เดินทางไปเที่ยวทั่วโลก ได้พบกับเพื่อนใหม่จากหลายประเทศ เพราะส่วนใหญ่รายกายแข่งจะจัดต่างประเทศ และทำให้กลายเป็นคนที่ชีวิตมีระเบียบมากๆ มีความรับผิดชอบกับตัวเอง สามารถจัดตารางชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น”

ท้ายนี้ต้นไม้ฝากขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้ แม้เขาจะอ่านภาษาไทยไม่ได้ แต่แม่ก็อ่านคอมเมนท์ให้ฟังตลอด รู้สึกดีใจที่มีคนเห็นความพยายามของเขา มันทำให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อ ซึ่งตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงแข่งขันรายการ AUSTRALIAN OPEN JUNIOR CHAMPIONSHIPS 2022 หวังว่าทุกคนจะส่งแรงเชียร์ให้เขาเหมือนที่ผ่านมา

สำหรับใครที่กำลังอยู่ตรงกลางระหว่างความชอบและสิ่งที่ผู้ใหญ่ตีกรอบไว้ให้ เราหวังว่าเรื่องราวบางช่วงบางตอนของต้นไม้ ธนภัทร จะเป็นแรงผลักดันเล็ก ๆ ให้คุณได้กล้าทำสิ่งใหม่ไม่มากก็น้อย 

ติดตามและอัปเดตเรื่องราวชีวิตของต้นไม้ได้ที่ t_nirundorn04

ขอบคุณรูปภาพจาก Jean Kansuth , สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ

“Start with what you love” is a timeless expression that can be applied to many situations in our lives. Any endeavor inspired by our own passion and personal interest is likely to bring us happiness and success. On the other hand, if we pursue something just because other people tell us to, we’re more likely to crumble under pressure.

Today, EQ is meeting with Tanapatt “Tonmye” Nirundorn, an 18-year-old Thai tennis player who took up the sport out of his own curiosity and continues to pursue it with passion. With hard work and dedication, Tonmye is currently ranked 44th in the World Tennis Tour Juniors Rankings. What might be the secret to his success as a young athlete? Let’s find out.

Picking up the racket

Tonmye begins by telling us that despite having grown up in a household of tennis players, it was his own decision to pursue the sport at the age of eight years old.

“I loved watching [tennis] matches on TV. I wanted to win trophies like all those pros so I told my mom that I wanted to give it a try. My idol is Roger Federer who’s really good at the serve and volley. I love that style of play so I try to learn as much as I can from watching him.”

Since picking up the racket, Tonmye has gone on to win several tournaments including four in 2021: JA Cape Town Tournament 2021, J3 Montreal Tournament, J3 Pune Tournament 2021, and JB1 Pune Tournament. As a result, his TF Juniors Rankings took a huge leap from 115th to now in the top 60.

10 years on, with a bigger goal
”I started playing tennis only because I wanted to look cool holding the trophy in my hand but now my goal has grown more ambitious. I want to play in every tournament possible — Junior Grand Slam, Australian Open, French Open, Wimbledon, and US Open. I want to be the first Thai male junior tennis player to reach that level. If I can make that happen, it will be easier for me to move on to the professional level without having to go through the qualifying rounds.”

Training schedule

“I train six days a week, Monday to Saturday. From 10 am to noon, it’s all about ball drills, then between 3-6 pm, it’s how to score points. I’ll be at the gym between 6.30-7.30 pm. After that, I usually do my homework before I go the bed at 10 pm. It’s actually not that intense because I only train for half day on Wednesdays and Saturdays, plus I get Sundays off.”

Setting goals & family support

“Success starts within yourself,” Tonmye adds. “For me, it’s also about setting goals for myself. What do I want to accomplish in a given year? For example, my goal last year was to improve my ranking, so I worked really hard trying to achieve that. I try my best to turn any kind of pressure I feel into motivation so that I won’t get too stressed out and continue to improve.”

Behind Tonmye’s success is unyielding support from his mom Jean Kansuth. “I never put pressure on him nor do I compare him to other kids because each one is different. I learned from my days as an athlete that if you put too much pressure on your kids, they’ll get burned out eventually. I want him to have fun and enjoy the experience. If he does well, then it’s all good. If he doesn’t, I’m here to give him the support he needs. He’s just been honing his skills until one day he managed to win a big tournament. Putting no pressure on him really is the best way forward.”

He also attributes his success to his sponsor Boon Rawd Brewery (Santi Bhirombhakdi) as well as continuous support from Dunlop and the Lawn Tennis Association of Thailand (LTAT).

Homeschooling: an ideal solution for young athletes 

In order to pursue his dreams of becoming a professional tennis player, Tonmye has to travel back and forth between Thailand and USA for several times a year to compete. Homeschooling allows him to balance the demands of athletic goals with academic requirements.

Although homeschooling is still relatively new in Thailand, it’s definitely more common in the US. Tonmye has been homeschooled since he was ten years old. Jean adds that “Homeschooling is not weird. It’s just as effective as regular school, you just need to be more selective about the program you put your kid in. You have to also accept that there’ll be a lot of homework than in regular schools so that your kid can get into university.”

Things learned from playing tennis

“It’s really broadened my horizons. Not just in the US or Thailand, I have the opportunity to travel around the world and make new friends from different countries. I’ve become a more disciplined and responsible person who can manage my time more efficiently.”

Photos courtesy of Jean Kansuth and the Lawn Tennis Association of Thailand (LTAT)