“วาดอย่างเดียว ไม่รับดูดวง” คือโพสต์ปักหมุดที่ผู้ติดตามเพจ Thai Political Tarot ไพ่ทาโรต์การเมือง เห็นกันจนชินตา และยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ ส้ม - ปนัดดา เต็มไพบูลย์กุล ตั้งใจให้เพจเป็นไป เพราะอยากให้ที่นี่เป็นพื้นที่สะท้อนการต่อสู้ ความหวัง และความฝันของคนในฝ่ายประชาธิปไตยที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองไทย ผ่านภาพวาดบนไพ่ทาโรต์ทั้ง 78 ใบ ซึ่งนอกจากแนวคิดที่น่าสนใจแล้ว เพจนี้ยังมีอีกหลากหลายมุมมองที่ซ่อนอยู่ เราเลยอยากพาทุกมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น ว่าอะไรที่ทำให้เขากล้าที่จะออกมาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ เรียกร้องประชาธิปไตยในแบบของตัวเอง
กำเนิด Thai Political Tarot
จุดเริ่มต้นของเพจมาจากตอนที่มีคนออกมาม็อบกัน แล้วเราได้เห็นซีนต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามข่าว และเป็นช่วงที่เรากำลังศึกษาไพ่ทาโรต์พอดี แต่ก็ไม่ใช่คนดูดวงหรืออะไรนะ แค่ศึกษาเพราะเรามองว่าไพ่ทาโรต์สามารถเอามาใช้ทำความเข้าใจเพื่อคุยกับตัวเองหรือสื่อสารกับคนอื่นได้ และมันเกี่ยวข้องกับภาวะต่างๆ ของความเป็นมนุษย์ ก็เลยเห็นความเชื่อมโยงของความหมายบนไพ่กับสถานการณ์การเมืองที่เราติดตามอยู่ และเริ่มวาดรูปออกมา ซึ่งตอนแรกแค่วาดลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ปรากฎว่ามีเพื่อนติดตามจำนวนหนึ่ง บวกกับเราตั้งใจวาดเป็นซีรีส์ให้ครบทั้ง 78 ใบอยู่แล้ว ก็เลยเปิดเป็นเพจเมื่อกลางปี 2563 เพื่อให้คนได้ติดตามกันสะดวกขึ้น และนอกจากวาดรูปแล้วก็มีขายโปสการ์ดด้วย เพื่อหักกำไรครึ่งหนึ่งไปสนับสนุนราษฎรประสงค์ ช่วยเหลือผู้ที่โดนคดีทางการเมือง เพราะคิดว่ารูปในโปสการ์ดเป็นสตอรี่ของคนที่เขาออกไปต่อสู้จริง ถ้ามีคนซื้องานก็ควรแบ่งกำไรไปขับเคลื่อนสังคมด้วย ส่วนที่เหลือก็เอามายืดระยะการต่อสู้ในแบบของเรา
ความหวัง ความฝัน และการสื่อความหมายบนไพ่
เพจจะค่อนข้างเป็นไปตามสภาพสังคม ถ้าหากย้อนกลับไปช่วงกลางปีที่แล้วที่เพิ่งเปิดเพจ vibe ของการต่อสู้มันยังมีความความสดใหม่ มีความเจิดจ้า แนวทางของเพจก็เลยไปในแนวของความหวังและความฝัน แต่พอมีม็อบหลายครั้งแล้วมีการปราบปราม มันมีความสูญเสียเกิดขึ้น รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่ดีขึ้นสักที สังคมก็เริ่มซบเซา คนจมอยู่กับความเครียด ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็คิดว่าสภาพสังคมตอนนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ไพ่ทาโรต์เป็น เพราะไพ่เป็นเรื่องราวของมนุษย์และสังคมอยู่แล้ว และไม่ได้มีแต่ใบที่ความหมายบวกเท่านั้น เลยต้องมีโมเม้นอีกหลายๆ ใบที่วาดเพื่อสะท้อนความเศร้าและความโกรธด้วย
ส่วนการเลือกประเด็นมาวาด เราอยากให้ไพ่สำรับนี้เป็นแรงสนับสนุนคนตัวเล็กๆ ที่เรียกร้องประชาธิปไตย ให้เขาได้มีพื้นที่ถูกพูดถึง ถูกจดจำ และได้กำลังใจ แล้วก็พยายามที่จะมองในเรื่องของการเอาไพ่ไปใช้ได้จริงในแง่ของความหมายต่างๆ และที่สำคัญทุกคนจะต้องใช้ได้จะไม่ใช่คนที่รู้การเมืองลึก เพราะวันหนึ่งมันอาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้เขาอยากรู้ความหมาย แล้วนำไปสู่การหาคำตอบในประเด็นที่ไม่คุ้นเคยได้
ศิลปะสะท้อนสังคม
ตอนแรกที่วาดรูปบนไพ่เราไม่ได้คิดว่าจะขับเคลื่อนสังคมไปในทางไหน แต่ศิลปะมันมีฟังก์ชันอย่างหนึ่งคือช่วยแสดงความคิดของเราออกมาได้ว่ามองการเมืองตอนนั้นยังไง เป็น Soft Power ที่พูดแทนความรู้สึกของคนในสังคมได้ คนที่กดไลค์หรือแชร์งานเราไปอาจเป็นเพราะเห็นว่าภาพนั้นตรงกับความคิดในใจของเขา เพจเล็กๆ ของเราเลยเสมือนเป็นคอมมูนิตี้ของคนที่มีมุมมองคล้ายๆ กัน เราจึงคิดว่างานเราก็สะท้อนสังคมได้ทั้งในระดับบุคคล คือมุมมองทางการเมืองของเรา แล้วก็ระดับสังคม เพราะไพ่ของเราจะเป็นเหมือนบันทึกทางประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังมาเปิดดูได้ว่าสังคมในช่วงที่เราอยู่นั้นเป็นแบบไหน
“ที่ผ่านมามักมีคนบอกว่า ‘ศิลปินไม่ควรไปยุ่งกับการเมือง’ ซึ่งสะท้อนว่าคนยกให้ศิลปะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ ส่วนการเมืองเป็นสิ่งไม่ดี แต่เรามองว่าตอนนี้สังคมไทยมันอยู่ในยุคที่เปิดกว้างทางความคิดมากขึ้น ศิลปินสามารถทำงานศิลป์ออกมาช่วยให้คนในสังคมมีสื่อกลางที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาเป็นรูปธรรมได้แล้ว”
ประชาธิปไตยแบบไหนที่อยากเห็น
ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย เราเรียนคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ได้เรียนประวัติศาสตร์ในเชิงวิพากษ์มากขึ้น ตอนนั้นแหละถึงได้รู้ว่าวิชาประวัติศาสตร์แบบดั้งเดิมที่เคยเรียนมาจากโรงเรียน ไม่ได้ทำให้เรารู้ประวัติศาสตร์ของสามัญชนและท้องถิ่นเลย ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์อยู่เยอะมาก ไม่ใช่แค่คนไทยสี่ภาคเท่านั้น ซึ่งมันทำให้คนที่ไม่ได้เป็นไปตามที่บทเรียนกำหนดไว้โดนมองเป็นอื่น แถมปลูกฝังความคิดว่าการมีชนชั้นและความไม่เท่าเทียมในสังคมเป็นเรื่องธรรมดา
“เราคิดว่าสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงมันต้องทำให้ความหลากหลายเป็นเรื่องปกติ ควรยอมรับให้ได้ว่าอัตลักษณ์ของคนในสังคมไม่ได้มีแค่แบบเดียว และควรมองทุกคนเป็นคนเท่ากัน แต่ตอนนี้เรายังล้าหลังในเรื่องนี้อยู่ ในขณะที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เราเลยรู้สึกว่ามันต้องเปลี่ยน ถ้าไม่เปลี่ยน เราจะก้าวสู่การเป็นพลเมืองโลกได้ยังไง”
เชื้อไฟของความสร้างสรรค์
ไฟแค้นค่ะ (หัวเราะ) เราคิดว่า กระบวนการของการวาดไพ่ชุดนี้ก็เหมือนเวลาเราเปิดไพ่ คนเรามักจะเปิดไพ่เวลามีเรื่องที่สงสัยหรือไม่สบายใจแล้วอยากหาคำตอบ ซึ่งบางครั้งไพ่ก็บอกว่าดี แต่บางทีก็ไม่ดี เวลาเราอ่านไพ่ก็สามารถสะท้อนความคิดของเราต่อเรื่องนั้นๆ ได้ คือบางทีมันก็ต้องมีไฟแค้นบ้าง ความโกรธบ้าง อย่างไพ่ TEN OF SWORDS ถ้าไปดูฉบับคลาสสิก (Rider-Waite Smith) มันจะเป็นภาพของคนที่โดนแทงด้วย 10 ดาบแล้วนอนคว่ำหน้า ซึ่งมีความหมายค่อนข้างลบ เราก็วาดออกมาเป็นคนที่โดนรุมตี เพราะตอนเสพข่าวแล้วเห็นภาพนี้มันเศร้า มันโกรธ แต่บางครั้งเราก็วาดอะไรที่เป็นไฟแห่งความหวังเหมือนกัน อย่างไพ่ LOVER ก็ทำเป็น LOVE WINS คือความรักในรูปแบบที่กลุ่มคนหลากหลายทางเพศกำลังขับเคลื่อนอยู่ เราวาดออกมาด้วยความรู้สึกว่าอยากซัพพอร์ทพวกเขา เพราะทุกคนควรมีสิทธิ์ที่จะรักใครทั้งในแง่การกระทำและกฎหมาย และเราหวังว่าคนที่ต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้จะได้รับสิ่งดีๆ กลับคืน
ศิลปินในยุคที่คนเรียกร้องประชาธิปไตย
ศิลปินทุกคนคงมีเจตจำนงในการทำงานศิลปะต่างกัน ฉะนั้นคงพูดแทนคนอื่นไม่ได้ แต่สำหรับเราเองรู้สึกว่าเราคือคนคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ส่วนคนที่เขาชื่นชมงานเราก็คือคนในสังคมนี้ที่จะทำให้เราอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ เพราะถ้าคนยังมีรายได้น้อยและรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในชีวิต นั่นก็หมายความว่าคนจะซื้องานศิลปะน้อยลง ราคาศิลปะก็จะต่ำ ศิลปินก็จะอยู่ไม่ได้ เราเลยคิดว่าในฐานะคนในสังคมเหมือนกันก็เท่ากับลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าคนอื่นจมเราก็จม ถ้ายังอยากทำงานศิลปะต่อไป ก็ต้องช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อให้สังคมมันดีขึ้น
“การต่อสู้มันมีหลายแบบและไม่ได้มีแบบไหนที่ถูกต้องที่สุด ทุกคนมีความถนัดของตัวเอง บางคนอาจจะถนัดโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยง บางคนถนัดงานวิชาการ หรือบางคนถนัดวาดรูป แต่ภายใต้ความหลากหลายนั้นมันจะช่วยส่งเสริมกันได้ เช่น ถ้าเราจะวาดรูปสักใบก็อาจจะต้องไปอ่านบทความวิชาการเพื่อให้เข้าใจเรื่องนั้นมากขึ้น”
เลือกไพ่แทนความหวังของตัวเองในตอนนี้
เป็น Wheel of Fortune แล้วกันค่ะ อันที่เป็น Cover ของเพจ เพราะเรายังคงเชื่อเสมอว่าคนเราควรจะกำหนดอนาคตของตัวเองได้ เราไม่เห็นด้วยที่ผู้กดขี่พยายามให้คนในสังคมเชื่อว่าเวรกรรมเท่านั้นคือสิ่งที่กำหนดชีวิตของเรา อนาคตที่ดีขึ้นมันเป็นไปได้ถ้าการเมืองดีกว่านี้ เราจะมีประชาธิปไตย ได้เข้าถึงสวัสดิการที่เป็นธรรม หรือมีกฎหมายที่อนุญาตการสมรสเท่าเทียม
“โชคชะตาของคนขึ้นอยู่กับเมืองเยอะมาก ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้เลยหรือถูกกำหนดมาเรียบร้อยแล้ว อยากให้ทุกคนสู้ต่อไป เราก็จะสู้ต่อไปในแบบของเรา เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น”
นับจากวันที่เปิดเพจ Thai Political Tarot มาจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเพียงหนึ่งปี แต่มีผู้ติดตามกว่า 4,400 คนแล้ว ทำให้เห็นว่างานศิลป์จากความสร้างสรรค์ของเธอไม่เพียงแต่มีความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแทนใจใครหลายคนได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวเลขผู้ติดตามคือสิ่งที่เธอไม่เคยคาดหวังมาก่อน แต่ในเมื่อทุกคนมีอุดมการณ์เดียวกัน เธอก็ยินดีที่จะสะท้อนความเป็นไปของสังคมผ่านรูปวาดบนไพ่ทาโรต์ต่อไป เพื่อเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง
ติดตามภาพวาดการเมืองและสังคมบนไพ่ทาโรต์ได้ที่ Thai Political Tarot