ชวนคุยกับ “เดอะดวง” ในวันที่ภาพวาดแปลงร่างเป็น NFT

เมื่อโลกไม่หยุดพัฒนา เทคโนโลยีใหม่ๆ ก็เข้ามาสร้างความก้าวหน้าให้ชีวิตของคนเราอย่างไม่หยุดหย่อน อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นก็เป็นจริงขึ้นมาได้ อย่างการซื้อขายผลงานศิลปะบนระบบบล็อกเชน หรือ NFT (Non-Fungible Token) ที่เป็นการซื้อขายผลงานบนระบบเดียวกับบิตคอยน์ แค่เปลี่ยนจากเงินดิจิทัลมาเป็นสินทรัพย์ที่ทดแทนกันไม่ได้อย่างงานศิลปะแทน แต่ยังคงใช้เงินสกุลดิจิทัลมาเป็นตัวกำหนดมูลค่าอยู่ ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์มาแรงในแวดวงศิลปะไทยและทั่วโลก

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น เราชวนทุกคนมาเปิดมุมมองใหม่และหาคำตอบไปพร้อมกับ เดอะดวง - วีระชัย ดวงพลา นักวาดการ์ตูนชื่อดัง ที่ลองสัมผัสโลกยุคใหม่นี้ด้วยตัวเองมาสักพักแล้ว

อนาคตใหม่ของงานศิลป์

ผมเห็นคำว่า NFT ครั้งแรกจากในเฟซบุ๊กครับ ตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร เลยลองเข้ากลุ่ม NFT and Crypto Art Thailand ไปศึกษาข้อมูลอยู่ 3 เดือน ถึงได้ตัดสินใจลงขายงานใน OpenSea และ Foundation เพราะเชื่อว่าถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร มีแค่งงๆ ตอนสมัครแอคเคาท์เพื่อลงงานครั้งแรกบ้าง ส่วนผลงานที่ลงก็จะเลือกมาจากงานที่เคยทำไว้แล้ว เอามาวางอาร์ตเวิร์คและจัดเป็นคอลเลกชั่นใหม่ บางอันก็ปรับให้เป็นเคลื่อนไหวได้ แต่ก็มีงานที่กำลังคิดขึ้นใหม่ด้วย ชื่อ Gangster all star เป็นซีรีส์ที่มีคาแรคเตอร์ตัวละครที่ต่างกันออกไป ให้คนได้ติดตามกันแบบต่อเนื่อง

“ที่ผมไม่ได้ลงมาเล่นในตลาด NFT ตั้งแต่แรก เพราะไม่เข้าใจว่าคนจะยอมเสียเงินในราคาที่สูงกว่าปกติเพื่อสิ่งที่จับต้องไม่ได้ทำไม แต่ตัวอย่างจากเพื่อนในกลุ่มและการที่ได้ลองด้วยตัวเองก็รู้ว่ามันเป็นไปได้แล้วจริงๆ ผมเลยมองว่ามันคงเป็นอนาคตในรูปแบบใหม่ เพราะทุกอย่างมันขายได้หมด ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เพลง วิดีโอ หรือแม้แต่ VR ที่เป็นเมืองสมมติ คนก็ยอมจ่ายแพงกว่าความเป็นจริงเพื่อซื้อที่ดินในนั้น และที่ไม่ได้คือนักวาดในวงการนี้ต้องมีทวิตเตอร์ด้วย เพื่อใช้โปรโมตงาน ซึ่งเมื่อก่อนผมก็ไม่เคยเล่น แต่ก็ต้องลองดู”

“NFT มันเป็นโลกที่ต้องมานับหนึ่งใหม่ แต่ก็สนุกดี”

ความแปลกใหม่ที่ทำให้ NFT มาแรง

NFT เป็นช่องทางสร้างรายได้ที่ค่อนข้างดุเดือด เพราะผู้ซื้อกับผู้ขายจะมาจากทั่วโลก สามารถมาซื้อขายหรือประมูลงานกันได้ง่าย แค่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน จะซื้องานมาสะสมหรือเอาไปขายต่อเพื่อเก็งกำไรก็ได้ โดยที่เจ้าของผลงานก็ได้ส่วนแบ่ง (ถ้าไม่ลืมตั้งค่าไว้) ในโลกของ NFT เลยมีทั้งนักสะสมและนักลงทุน ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะการขายต่อผลงานจะช่วยโปรโมทศิลปินในทางหนึ่ง ทำให้คนทั่วโลกได้เห็นผลงานของเรามากขึ้น แล้วผมก็มองว่าแพลตฟอร์มขายงาน NFT มันเป็นแกลอรี่ออนไลน์ที่พิเศษ มีความอิสระมาก สามารถทำให้งานมีชีวิตขึ้นมาได้จริง เช่น ภาพนิ่งที่ผมมีอยู่แล้ว พอจะมาลงขายผมก็จะทำให้มันขยับได้ หรือใส่เพลงเข้าไป ตอนทำมันสนุกมาก ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มของผมก็จะลงงานที่ไม่เหมือนกัน คนที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในนั้นได้เหมือนกับเดินดูในอาร์ตแกลอรี่ทั่วไปเลย ถึงบางคอลเลกชั่นที่ลงไปแล้วจะยังขายไม่หมด แต่ผมก็จะลงต่อไปเรื่อยๆ ให้มันเต็ม เพราะเวลาคนแวะเข้ามาชมจะได้มีอะไรให้ดูเยอะ

“และอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือ แม้ผลงานที่ขายจะเปิดให้ใครๆ ก็ดาวน์โหลดได้ แต่ในระบบก็จะบอกไว้เลยว่าใครที่มีสิทธิ์ถือครองผลงานนี้ตัวจริง มันเป็นคุณค่าทางจิตใจ คือความภาคภูมิใจที่เอาไว้บอกคนอื่นต่อได้ว่าเรานี่แหละคือเจ้าของ” 

คิดว่าตลาด NFT เป็นยังไงในสายตาเรา

ตลาดนี้มันเวิร์คแล้วก็สนุกมาก เพราะทำให้คนตั้งใจออกผลงานใหม่กันแทบทุกวัน อย่างเวลาผมเห็นงานไหนเจ๋งๆ ก็จะรู้สึกมีไฟ อยากทำงานของตัวเองออกมาให้ให้ดีขึ้นอีก หรือบางทีที่ผมปล่อยงานออกมาแล้วยังขายไม่ได้ในทันทีก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แค่อย่างน้อยให้ศิลปินด้วยกันเห็นแล้วเขารู้สึกมีไฟในที่จะทำงานออกมาแข่งขันกันต่อไปได้ ผมว่ามันเป็นอะไรที่เติมเชื้อเพลิงได้ดีเลย และที่สำคัญมันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับศิลปินหน้าใหม่ด้วย บางคนที่ไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อน แต่วาดรูปเก่งก็มีพื้นที่ให้โชว์ฝีมือ และมีช่องทางสร้างรายได้ มันเหมือนเป็นกำลังใจให้เขาอยากที่จะพัฒนางานต่อไป และเป็นผลดีกับวงการศิลปะไทยโดยรวม ถ้าไม่มีโลก NFT เกิดขึ้นมา ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสให้พวกเขาได้ยังไง

นักวาดหน้าใหม่ต้องรู้เมื่อจะทำ NFT

การลงขายงาน NFT จะมี Gas fee หรือที่เรียกกันติดปากว่าค่าแก๊ส เป็นค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายตามเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น ใน OpenSea ผู้ขายจะเสียค่าแก๊สตอนสมัครครั้งแรกและการลงงานครั้งแรกเท่านั้น ส่วนผู้ซื้อจะเสียตอนซื้องาน แต่ใน Foundation ผู้ขายจะเสียหลายต่อหน่อย มีตอนลงรูป ตอนตั้งราคาขาย แล้วก็ตอนที่หักเปอร์เซ็นต์เวลาภาพถูกขายออกไป ดังนั้นนักวาดควรมีทุนตั้งต้นขั้นต่ำ 4,000 – 5,000 บาท ซึ่งค่าแก๊สเนี่ยมันจะขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา ใครจะลงงานขายหรือจะซื้อก็ต้องเช็คราคาให้ดี เพราะบางครั้งมันก็แพงกว่าค่าผลงาน ถ้าถามว่ามันเป็นอุปสรรคไหม ผมเฉยๆ นะ เพราะพอราคามันลงคนก็เข้ามาซื้องานได้เหมือนเดิม 

นอกจากค่าแก๊สจะเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาแล้ว ค่าเงินดิจิทัลที่ใช้แลกเปลี่ยนในการซื้อขายอย่าง ETH (Ethereum) ก็มีจังหวะขึ้นลงเหมือนกัน ผมเลยจะไม่ถือเงินนี้ไว้นาน เมื่อสะสมถึงยอดที่ต้องการและเรทราคาอยู่ในช่วงที่รับได้แล้วก็จะถอนออกจาก E-wallet เลย จะไม่ได้คิดจะถือไว้เก็งกำไร เพราะว่าราคาเหรียญมันเปลี่ยนแปลงตลอด ค่อนข้างเสี่ยงในแง่ของการลงทุน รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินแบบนี้อาจมีเรื่องอายุเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย น้องๆ ที่อยู่ในวัยเรียนอาจจะมีอุปสรรคในการลงขายงานบ้าง อาจต้องใช้ความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง หรือระหว่างนี้ก็ทำงานสะสมไว้ก่อน เมื่อไหร่ที่พร้อมก็ค่อยลงขายงานก็ยังทัน

แชร์เทคนิคแบบเดอะดวง

อย่างที่บอกไปว่าในตลาด NFT ทำรายได้ได้ค่อนข้างมากกว่าชิ้นงานที่จับต้องได้ ผลงานแต่ละชิ้นจึงมีราคาสูง แต่ในขณะเดียวกันคู่แข่งก็มีเยอะมาก วิธีที่เดอะดวงใช้สร้างความแตกต่างให้ผลงานของเขาก็คือ การมีของแถมสุด Exclusive ให้ผู้ซื้อและการลงงานที่หลากหลาย

ชิ้นงานที่มีมูลค่าสูง ผมจะชอบมีของแถมให้ อยากให้คนที่ซื้อไปได้อะไรที่มากกว่าไฟล์รูป .jpg อย่างภาพ THE CUTE BOT POSTER ก็จะมีของเล่นที่ผมทำไว้เป็นตัวนี้ให้ไปด้วย หรือภาพ Maneki neko ก็จะมีไฟล์ comic book 32 หน้าให้ไปด้วย เป็นต้น ส่วนการลงงาน ความรู้สึกผมคือมันไม่สามารถที่จะลงรูปเดียวกันในหลายแพลตฟอร์มได้ ใน OpenSea ผมเลยสมมติให้มันเป็นเหมือนตลาดปกติที่ใครก็เดินเข้าไปซื้อของได้ เป็นคอลเลกชั่นน่ารักๆ ในราคาที่คนทั่วไปเอื้อมถึง แต่ใน Foundation จะเป็นคอลเลกชั่นที่ราคาสูงไปเลย เพราะจะเป็นงานที่ผมรักมากเป็นพิเศษ รายละเอียดเยอะ มีทั้งขยับได้ มีใส่เพลง อย่างล่าสุดที่เพิ่งทำไปก็เป็นเป็นวีดีโอรูปความยาว 1.42 นาที และเร็วๆ นี้ก็จะมีลงงานพวกการ์ดสะสมและ NFT รูปแบบใหม่ในแพลตฟอร์มของ Fans Token ด้วย เพื่อให้แฟนคลับเข้ามาสุ่มของสะสมกัน”

กฎหมายไทย กับ NFT

การไม่มีอะไรมาขัดขวางจะทำให้ทุกอย่างไปได้ดี เพราะคนที่จะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ยังไม่เข้าใจเลยว่า NFT คืออะไร ตอนนี้ก็ยังหวั่นๆ อยู่ว่าจะมีอะไรออกมาไหม ส่วนตัวแล้วผมไม่อยากให้มันมีกฎหมายอะไรมาบังคับเกินไป อย่างมากสุดแค่เก็บภาษีก็พอ 

“ถ้าในอนาคตมีกฎหมายออกมาควบคุม มันอาจจะดับอนาคตของคนเยอะมากเลยนะ ทั้งๆ ที่ทุกคนกำลังจะลืมตาอ้าปากได้จากตรงนี้แล้ว”

ฝากถึงนักวาดที่อยู่ในช่วงลังเล

ถ้าอยากลองอะไรใหม่ๆ ก็มาเลยครับ เข้ากลุ่มเฟซบุ๊กมาก่อนก็ได้ แล้วก็ดูว่าเขาทำกันยังไง ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไป อยากชวนให้เข้ามาลองงาน NFT กันเยอะๆ เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นการช่วยผลักดันวงการศิลปะไทย ทำให้คนต่างชาติได้เห็นว่าคนไทยมีก็มีฝีมือ

สำหรับผมตอนนี้ลงงานใน 2 แพลตฟอร์มไปเกือบ 60 รูปแล้ว และเร็วๆ นี้จะมีโปรเจกต์ลงเป็นภาพประกอบเพลง 7 นาที ซึ่งต่อยอดมาจากหนังสือการ์ตูนที่มีอยู่แล้ว จะกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานพรีเมียมของผมเลย ก็อยากให้รอชมกัน

ติดตามและอัพเดทผลงานของเดอะดวงได้ที่

Twitter: aroundtheduang
Opensea:
THEDUANG
Foundation:
@aroundtheduang