จาก “หรอยเบียร์” สู่ “บ้านน้าหรอย x What Da Ale” คอมมูนิตี้ของคนรักคราฟท์เบียร์ในภาคใต้

“เราพยายามเสิร์ฟเบียร์ด้วยความเป็นกันเองและตรงใจลูกค้ามากที่สุด เปิดทุกกระป๋องต้องรู้สึกดีกับมัน นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของร้านคราฟท์เบียร์ผม”

น้ำ - อินทรัตน์ แสงอุไร เจ้าของคราฟท์เบียร์แบรนด์หรอยเบียร์ (Roy Beer) และร้านบ้านน้าหรอย x What Da Ale ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ผู้บุกเบิกแบรนด์และสร้างคอมมูนิตี้คราฟท์เบียร์ในภาคใต้ ที่ให้คุณค่าของคราฟท์เบียร์มากกว่าแค่การดื่มเพื่อความมึนเมาเท่านั้น

เริ่มสนใจคราฟท์เบียร์เป็นสิ่งสุดท้าย

ความสนใจคราฟท์เบียร์ของคุณน้ำเริ่มต้นเมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน ซึ่งคุณน้ำเป็นคนที่สนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงลองศึกษาและต่อยอดทำคราฟท์เบียร์แบรนด์ของตัวเอง

“จุดเริ่มต้นเลยคือ เราสนใจเครื่องดื่มแอกอฮอล์อยู่แล้วมาจากสายคอกเทล, วิสกี้, เหล้า และไวน์ เบียร์เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมสนใจสุดในตอนนั้น เป็นสมัยก่อนที่ผมไม่รู้เลยว่ามีคราฟเบียร์ เพราะว่าเบียร์ตอนนั้นไม่มีตัวเลือกเลย ท้ายสุดผมรู้จักคราฟเบียร์ เราค้นหาและพบว่ามีตัวเลือกเยอะ และพอเรารู้ว่าคราฟท์เบียร์มีหลายหลาย เราเลยสนใจและเข้าสู่วงการคราฟท์เบียร์ตั้งแต่ตอนนั้น”

หรอยเบียร์ (Roy Beer) คราฟท์เบียร์จากคนใต้

หรอยเบียร์เริ่มต้นจากการทดลองดื่ม จากคนที่ดื่มเรื่อยๆ ไม่ได้มีความรู้เรื่องคราฟท์เบียร์ จนหลงเสน่ห์และเริ่มต้นศึกษาว่ามีแบบไหนหรือมีรสชาติอย่างไรบ้าง หลังจากนั้นคุณน้ำเริ่มศึกษารายละเอียดโดยลึก จนกลายเป็นแบรนด์หรอยเบียร์ ซึ่งคำว่า “หรอย” ในภาษาใต้มาจากคำว่า“อร่อย”

“หลังจากที่ศึกษาลึกไปขั้นหนึ่ง เราก็หาวัตถุดิบว่าใช้อะไรบ้าง สิ่งสำคัญการทำคราฟท์เบียร์จะมีแค่ยีสต์ ฮ็อปส์ มอลต์ และน้ำ หลังจากนั้นเราก็ดูวิธีการทำ ซึ่งสมัยทำคราฟท์เบียร์อันเดอร์กราวจะมีอยู่ 5 ตัว แต่ตัวที่ถูกกฎหมายและนำเข้ากลับมามีแค่ตัวเดียวคือ Amber Ale จุดเด่นคือ เราพยายามผสมโลกเก่ากับโลกใหม่เข้าด้วยกันก็ คนโลกเก่าดื่มสายคารแรกเตอร์ Malty ได้ ส่วนคนรุ่นใหม่สาย hoppy เลยเอามาผสมกัน อยากให้ทุกคนดื่มได้ อยากให้นักดื่มโลกเก่าและนักดื่มโลกใหม่มานั่งคุยกันได้”

“เสน่ห์ของคราฟท์เบียร์คือสุนทรียะของการดื่ม สิ่งสำคัญที่สุดคือการนั่งพูดคุย เบียร์หนึ่งตัวแบ่งกันดื่มคนละแก้ว แต่การจับรสชาติ กลิ่น เทสต่างๆ อาจแตกต่างกัน กลับกลายเป็นว่าเราสามาถนั่งคุยกันได้”

บ้านน้าหรอย x What Da Ale

ก่อนจะมาเป็นร้านบ้านน้าหรอย x What Da Ale ในหาดใหญ่ คุณน้ำได้เปิดร้านชื่อ What Da Ale ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีทั้งหมด 2 สาขา มาก่อน

“หลังจากเปิดร้าน What Da Ale ได้สักพักผมรู้สึกว่า เราทำเบียร์เองได้ทำไมเราต้องฝากร้านคนนู้นคนนี้ขาย ผมบินไปทำเบียร์กลับมาจึงกลับมาเปิดร้านที่หาดใหญ่เพิ่มเติม เพราะผมอยากให้คนหาดใหญ่ได้กินเบียร์หาดใหญ่จริงๆ ผมพยายามขยายวงคราฟท์เบียร์ในหาดใหญ่ให้กว้างขึ้น คนจะได้รู้ว่ามีเครื่องดื่มที่เป็นเบียร์ แต่ว่าเป็นชนิดอื่นๆ อีกเยอะแยะ”

คอมมูนิตี้คราฟท์เบียร์

คุณน้ำมองว่าปัจจุบันคนเริ่มเปิดใจกับคราฟท์เบียร์มากยิ่งขึ้น คนเริ่มพยายามแสวงหามากขึ้น และเป็นแนวโน้มที่ดีมาก สมัยก่อนคราฟท์เบียร์หาดื่มได้ยาก แต่พอมเปิดร้านคนกล้าที่จะเข้ามาเปิดใจลิ้มลอง พร้อมที่รับฟัง พร้อมที่จะศึกษา และทำความเข้าใจมากขึ้น

“คนที่มาที่ร้านจะมีอยู่ 3 ประเภทคือ ประเภทแรกเป็นนักดื่มที่ดื่มเป็นอยู่แล้ว พอรู้ว่ามีร้านคราฟท์เบียร์ก็จะพุ่งมาเลย ประเภทสองคือ นักดื่มรายใหม่ๆ ที่เขาสนใจ และประเภทสุดท้ายคือ คนที่ไม่เข้าใจเลย ซึ่งสองกลุ่มหลังเป็นกลุ่มที่ผมรักมากเลย ผมมีความรู้สึกว่า เขากล้าที่จะเปิดหัวใจ เรามีหน้าที่สื่อสารให้เขามีความเข้าใจเรื่องคราฟท์เบียร์ ไม่ใช่แค่เปิดขวดดื่ม เมาแล้วก็กลับ แต่กลายเป็นว่าเราเปิดดื่ม เราจะได้รสชาติไหน หน้าที่ของบ้านน้าหรอยคือการอธิบายให้เขาเข้าใจว่า แต่ละตัวเป็นอย่างไร ตรงใจไหม ไม่ถูกใจก็ไปตัวถัดไป”

“พนักงงานที่ร้านผมพร้อมแนะนำทุกสาขาเลย พนักงานทุกคนเราอบรมหมดเลยว่า ทุกคนต้องแนะนำได้ ลูกค้าบอกว่า อยากกินเบียร์กินและรสชาติแบบนี้ ผมก็จะเริ่มไล่ดูเบียร์ในตู้ว่ามีอะไรบ้าง ตัวไหนน่าสนใจ ตัวไหนที่ใกล้เคียงกับความคิดเขา ถ้าไม่มีเลยผมก็จะแนะนำกลิ่นและรสชาติที่ใกล้เคียงให้ เราไม่เคยขายทิ้งขว้าง หรือขายส่งๆ เพราะผมไม่ชอบ ผมต้องทำให้ลูกค้าเข้าใจ เพราะคราฟท์เบียร์ 1 กระป๋องหรือ 1 ขวด ราคาค่อนข้างสูง ผมจึงอยากเลือกสิ่งที่ดีให้กับเขา”

ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด

ร้านบ้านน้าหรอย x What Da Ale เริ่มเปิดให้บริการเมื่อปลายธันวาที่ผ่านมา เปิดได้เพียง 4 เดือน โดนสั่งปิดถึง 6 เดือน คุณน้ำบอกเล่าผลกระทบจากสถานการณ์โควิดกับเราว่า

“ตั้งแต่รัฐบาลสั่งปิดช่วงเมษายนก่อนสงกรานต์ ตอนนั้นผมเติมเบียร์สดเต็มที่เลย อยู่ๆ ก็สั่งห้ามขาย เบียร์ทั้งหมด 15 ถัง รวมกันประมาณ 150,000 บาท เงินก้อนนั้นผมก็ทิ้งทันที โดยที่เราไม่ได้รับการแจ้งเตือนเพื่อการเตรียมการอะไรเลย ทำให้เราเสียโอกาสค่อนข้างสูงมาก โอกาสที่ลูกค้าจะมาซื้อที่ร้านโดนตัดไป เพราะโดนสั่งห้ามขายเด็ดขาด หลังจากที่เขาให้กลับมาขายเราก็เลยปรับตัวสามารถขายกลับบ้านได้ ผมก็เลยปรับตัวด้วยการเพิ่มเบียร์กระป๋องและขวดแทน แต่ละวันที่เปิดขายกลับบ้าน เรานั่งมองประตูทุกวันและหวังว่าจะขายได้บ้าง สมมติวันหนึ่งผมขายได้ประมาณ 80 เปอร์เซ็น เหลือแค่ 10 - 15 เปอร์เซ็น ลูกค้าวันหนึ่งเข้าร้านผมนับได้เลยว่าไม่เกิน 4 - 5 คน เราก็พยายามพยุงร้าน ถ้าร้านคราฟท์เบียร์ที่หาดใหญ่ในจังหวัดสงขลาหายไปอีก มันจะไม่เหลือพื้นที่ให้คนมาเปิดใจและไม่มีคนมาอธิบาย ผมเสียดายและมันเป็นความรักเรื่องคราฟท์เบียร์มากกว่า”

“การดื่มคราฟท์เบียร์เป็นการเสพบรรยากาศไปด้วย ไม่ใช่แค่การเปิดกระป๋องนั่งกินเมา แล้วกลับบ้านนอน มันเป็นการนั่งคุยกับหน้าบาร์กับเพื่อนๆ พอเขาสั่งปิดกลายเป็นว่าบรรยากาศตรงนี้มันหายไปหมดเลย”

ก้าวต่อไปในอนาคต

เมื่อพูดถึงอนาคตของบ้านน้าหรอย x What Da Ale คุณน้ำเล่าว่า “เท่าที่คุยกับกลุ่มของ What Da Ale ด้วยกัน เราพยายามขยายให้ร้านอยู่ในทั่วจังหวัดทางภาคใต้ เพราะผมเชื่อว่าถ้ามีหน้าร้าน การจับกลุ่มคอมมูนิตี้ก็จะง่ายขึ้น เราสามารถลิงก์และคุยกันได้ว่ามีฝั่งนี้มีงานอะไร เราสามารถร่วมจัดกันได้ คนที่ทำเบียร์อันเดอร์กราวอาจได้ทดลองตลาดว่าอนาคตไปได้ไหม ผมตั้งใจว่าอนาคตถ้ามีร้านคราฟท์เบียร์ทั่วแล้ว ถ้ากฎหมายเปิดให้มีการศึกษาคราฟท์เบียร์ได้ บ้านน้าหรอยจะเป็นจุดหนึ่งที่มีการสอนการทำคราฟท์เบียร์ที่ถูกต้อง เป็นคอมมูนิตี้ของคนที่อยากเรียนรู้เรื่องคราฟท์เบียร์ และเรายินดีให้คำปรึกษา”

“ผมคิดว่าอนาคตวงการคราฟท์เบียร์จะดีขึ้น คนรุ่นใหม่เก่งมาก กล้าถาม กล้าลอง กล้าที่จะสงสัย ถ้ากฎหมายเปิดช่องทางให้เขา พวกเขาสามารถไปไกลอย่างแน่นอน”

ติดตามร้านและอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับคราฟท์เบียร์ทั้งหมดได้ที่ บ้านน้าหรอย X What Da Ale