Daily Pickup

‘Hogwarts Legacy กับ Cancel Culture’ ผลผลิตที่โด่งดังของผู้โดนวัฒนธรรมการยกเลิก

Photo Credit: GamingBible / Marca

ทำความรู้จักกับวัฒนธรรมการยกเลิก และ ผู้ตื่นรู้

‘วัฒนธรรมการยกเลิก’ หรือ ‘Cancel Culture’ เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยครั้งในสื่อสังคมออนไลน์ มันคือแนวคิดการคว่ำบาตรบุคคลใดบุคคลหนึ่งมักจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม ส่งผลในด้านลบทำให้บุคคลนั้นๆ สูญเสียภาพลักษณ์และรายได้จากการถูกยกเลิกการสนับสนุนผลงาน อย่างกรณีของนักเขียนนิยายชื่อดัง ‘J.K. Rowling’ ผู้โดนวัฒนธรรมการยกเลิกจากการที่เจ้าตัวมีทัศนคติต่อต้านกลุ่มคนข้ามเพศ (Transgender) จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตัวเธออย่างหนัก และถูกเหล่าอดีตแฟนคลับนิยายสาปส่ง บ้างก็เผาทำลายของสะสมที่เกี่ยวข้องกับเธอกันเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมการยกเลิกค่อนข้างเข้าถึงได้ง่ายแต่กลุ่มคนที่ใช้วัฒนธรรมนี้เป็นประจำมักจะเป็นกลุ่ม ‘ผู้ตื่นรู้’ หรือ ‘Woke’

Photo Credit: CapX

‘เหล่าผู้ตื่นรู้’ เป็นกลุ่มคนที่จะคอยนำเสนอมุมมองเรื่องความเท่าเทียมกันในสังคม ชาติพันธุ์ เพศ และคอยขับเคลื่อนสนับสนุนเรื่องราวเหล่านี้ผ่านช่องทางต่างๆ ที่มีความสามารถในการสื่อสาร มีบทบาทอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ กลุ่มผู้ตื่นรู้มักจะถูกยึดโยงกับเหล่าวัยรุ่น (Gen Z) หรือคนรุ่นใหม่ เพราะว่าพวกเขาเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมการค้นหาเรื่องราวต่างๆ รอบตัว เป็นที่มาของภาวะการตื่นรู้ในสังคมที่นำไปสู่การใช้งานวัฒนธรรมการยกเลิกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

‘Hogwarts Legacy’ เป็นวิดีโอเกมที่ได้รับการดัดแปลงมาจาก จักรวาลโลกเวทมนตร์ Harry Potter การดัดแปลงในครั้งนี้เปิดโอกาสให้เหล่ามักเกิลได้เข้าไปทำความรู้จักกับ โรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ ในรูปแบบเกมผจญภัยโลกกว้าง แต่ด้วยความที่มันคือผลผลิตของผู้ที่โดนวัฒนธรรมการยกเลิก ทำให้การเปิดตัวของเกมนี้ต้องพบเจอกับเหล่าผู้ตื่นรู้ที่ไม่อยากสนับสนุน และอยากให้เกมนี้หายไปจากโลกใบนี้

ผู้ตื่นรู้และการต่อต้านเกม Hogwarts Legacy

Photo Credit: Marca

เรื่องราวการตื่นรู้ภายใต้กระแสของเกม Hogwarts Legacy นั้นดำเนินมาตั้งแต่ปี 2020 ช่วง เวลาที่เกมนี้เปิดตัว ได้เกิดกระแสการคว่ำบาตรที่จะไม่สนับสนุนเกมนี้ เพราะเป็นผลผลิตของ J.K. Rowling ผู้ซึ่งกำลังโดนวัฒนธรรมการยกเลิกอย่างหนักจากทัศนคติต่อต้านคนข้ามเพศ เหล่าผู้ตื่นรู้ได้กล่าวว่าเกมนี้เป็นการต่อยอดของโลกเวทมนตร์ทำให้เธอได้รับรายได้เป็นค่าลิขสิทธิ์อย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้การคว่ำบาตรไม่สำเร็จ ก่อนที่เกมจะเงียบหายไปในกระบวนการพัฒนา จนกระทั่งปี 2023 ที่เกมนี้ได้วางจำหน่ายและเปิดให้บริการ กลุ่มผู้ตื่นรู้ที่ต่อต้านเกมนี้มาตลอดก็ได้ใช้วิธีการที่รุนแรงขึ้นจากเพียงการส่งสารข้อมูลความเลวร้ายในทัศนคติของ J.K. Rowling มาเป็นการโจมตีทุกคนที่เล่นหรือต้องการสนับสนุนเกมนี้ เหล่าผู้ตื่นรู้กล่าวว่าการสนับสนุนเกมนี้เปรียบเสมือนการสนับสนุนให้ผลผลิตของเธอขายต่อได้ในอนาคตหากเกมนี้ประสบความสำเร็จนักลงทุนจะต้องสนใจในการนำผลผลิตของเธอมาต่อยอดอีกแน่นอนแล้วจะทำให้เธอได้ค่าลิขสิทธิ์ ทำให้การคว่ำบาตรที่พยายามทำกันมาสูญเปล่า รวมไปถึงความเจ็บปวดที่กลุ่มคนข้ามเพศต้องได้รับจากทัศนคติและการให้เงินสนับสนุนองค์กรต่อต้านกลุ่มคนข้ามเพศของเธอ นั่นทำให้กลุ่มผู้ตื่นรู้มองว่าผู้ที่สนับสนุนเกม Hogwarts Legacy สนับสนุนความรุนแรงที่ส่งผลต่อกลุ่มคนข้ามเพศอีกด้วย ถือว่าเป็นการต่อต้านการมีอยู่ของเกมนี้อย่างไต่ระดับความรุนแรง และกลุ่มของสนามอารมณ์ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นตามกระแสที่โด่งดังของตัวเกม

สนามอารมณ์ของผู้ตื่นรู้ ที่ไม่ใช่ JK Rowling อีกต่อไป

Photo Credit: HEARTROCKER

‘สตรีมเมอร์’ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้กลายมาเป็นสนามอารมณ์และเป้าหมายหลักของการสร้างภาวะการตื่นรู้ ผู้ตื่นรู้ได้ใช้วิธีการก่อกวนสตรีมเมอร์ที่เล่มเกมนี้อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย การกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มคนที่ต่อต้านความเสมอภาคทางเพศ แม้กระทั่งไปตามหาเนื้อเรื่องของเกมมาสปอยตอนจบก็มี ความรุนแรงของผู้ตื่นรู้ในครั้งนี้รุนแรงถึงขนาดที่สามารถสร้างบาดแผลในใจให้แก่สตรีมเมอร์หญิงคนหนึ่งที่ต้องหนีไปร้องไห้นอกจอกันเลย นอกจากนี้ยังมีกรณีของประเทศไทย โดยเรื่องราวเกิดขึ้นกับ ‘เอก HRK’ นักแคสเกมชื่อดังของไทย เหล่าผู้ตื่นรู้ในแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ ออกมาเคลื่อนไหวหลังจากที่ คุณเอก HRK ได้ทำการเล่นเกม Hogwarts Legacy ด้วยวิธีการใช้คำพูดที่รุนแรง ต่อว่าด้วยคำหยาบคาย รวมไปถึงการดูถูกความสามารถในการแปลภาษาของคุณเอก จนเกิดเป็นกระแสดรามาอย่างหนัก ภายหลังคุณเอกต้องออกมาไลฟ์สดตอบคำถามต่างๆ ทั้งเรื่องที่ตัวเขาไม่รู้เกี่ยวกับทัศนคติของ J.K. Rowling ที่ตัดสินใจสนับสนุนเกมนี้เพราะรูปแบบของเกมน่าสนใจและมองว่าเป็นสิทธิในการตัดสินใจของเขา พร้อมทั้งจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับกลุ่มผู้ตื่นรู้ที่ใช้วาจาไม่น่ารักในการสื่อสาร ไม่ใช่การให้ข้อมูลอย่างมีมารยาท และไม่เป็นการติเพื่อก่อ

Photo Credit: Steam

หากเรามองในวัฒนธรรมการยกเลิก J.K. Rowling สมควรที่จะได้รับผลจากทัศนคติของเธอ แต่ในความเป็นจริงการกระทำของกลุ่มผู้ตื่นรู้เป็นเหมือนการใช้ความรุนแรงในการคว่ำบาตรจนลืมคำนึงถึงเรื่องสิทธิในการตัดสินใจของผู้คน เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกเล่นเกม ไม่เล่นเกม สนับสนุน หรือ ไม่สนับสนุน ได้อย่างเป็นปัจเจกบุคคล แต่การกระทำของผู้ตื่นรู้ในครั้งนี้มันร้ายแรงเกินขอบเขตไปมาก มันเปรียบเสมือนการใช้วัฒนธรรมการยกเลิกกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเกม Hogwarts Legacy มากกว่าการคว่ำบาตร J.K. Rowling หากถามผลลัพธ์ของการกระทำในครั้งนี้คงตอบได้เลยว่ามันเป็นการยกเลิกและคว่ำบาตรที่ล้มเหลว เพราะใช้วิธีการที่ขัดต่อหลักสิทธิและการใช้ความรุนแรง

'การตื่นรู้นั้นสามารถทำได้ด้วยการให้ข้อมูลและเหตุผล

ผ่านการสื่อสารที่เป็นมิตร พร้อมทั้งเคารพสิทธิในการตัดสินใจ

ของผู้อื่นหลังจากที่ได้รับสารเหล่านั้นแล้ว'

ภาพสะท้อนความล้มเหลวและจุดประสงค์ที่แท้จริงของกลุ่มผู้ตื่นรู้

Photo Credit: Forbes

สถานการณ์ของเกม Hogwarts Legacy ในตอนนี้ถือว่าเป็นกระแสที่ดีอย่างมากไม่ว่าจะเป็นยอดขาย หรือ การสตรีมมิ่ง ทำให้เห็นได้ชัดว่าในคราวนี้กลุ่มผู้ตื่นรู้ใช้วัฒนธรรมการยกเลิกและคว่ำบาตรไม่สำเร็จ เนื่องจากการละเมิดสิทธิของผู้อื่นมากเกินไป

แต่ไม่ใช่ว่ากลุ่มผู้ตื่นรู้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผลลัพธ์จากการที่พยายามสื่อสารทำให้มีผู้ที่สนใจเล่นเกมส่วนหนึ่งตัดสินใจที่จะนำเงินจำนวนนั้นไปบริจาคให้องค์กรเพื่อคนข้ามเพศ นอกจากนี้ กลุ่มผู้เล่นเกม Hogwarts Legacy ได้รับรู้ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ J.K. Rowling แล้วมีโอกาสที่พวกเขาจะไม่สนับสนุนผลผลิตต่อๆ ไปของเธอ นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีการที่ผิดในการเลือกที่จะละเมิดสิทธิผู้อื่น หากผู้ตื่นรู้ไม่ใช้วิธีการที่รุนแรงอย่างนี้ผลลัพธ์อาจจะออกมาดีกว่านี้ก็ได้ ท้ายที่สุดนี้

‘การสนับสนุนเกม Hogwarts Legacy ไม่ได้หมายความว่า

สนับสนุนทัศนคติต่อต้านการข้ามเพศ

แต่เป็นเพียงสิทธิในการซื้อสินค้าที่ต้องการและหวังว่ามันจะสร้างความสุขให้’

Photo Credit: Steam

วัฒนธรรมการยกเลิกนั้นมีความร้ายแรงในตัวของมันเองกลุ่มผู้ใช้งานมันไม่จำเป็นที่จะต้องรุนแรงตามมัน และควรคำนึงถึงสิทธิของทุกๆ คนก่อนที่จะขับเคลื่อนเรื่องราวในสังคม เพราะไม่อย่างนั้นภาวะการตื่นรู้ที่มีอยู่ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะขับเคลื่อนสังคมอย่างที่มันควรจะเป็น

อ้างอิง

Pew Research Center

GQ Thailand