Art

สัมผัสตัวตนของผู้หญิงช่างฝันไปกับ ‘อูปิม’ และ ‘แอนท์’ จากวง LANDOKMAI

‘ผู้หญิงช่างฝัน’ เป็นคำตอบแรกที่ ‘อูปิม’ - ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง (ร้องนำ) เลือกที่จะเอ่ยถึงเมื่อถูกถามเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของวง LANDOKMAI และเพื่อนซี้อย่าง ‘แอนท์’ - มนัสนันท์ กิ่งเกษม (กีตาร์, คอรัส) ก็เห็นด้วยกับคำตอบนี้ วันนี้ EQ จึงชวนสองสาวช่างฝันมาพูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางการเป็นศิลปิน และบอกเล่าถึงเรื่องราวของซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด ‘เกาะลอยฟ้า’ (still) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแอนิเมชั่นเรื่อง ‘Castle in the Sky’ ของ Studio Ghibli ให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนที่ถ่ายทอดผ่านบทเพลงของพวกเธอมากขึ้น

https://www.youtube.com/watch?v=9DqCo25GTXc

จุดเริ่มต้นของ LANDOKMAI กับอีเมลล์ที่ส่งผิด

แอนท์: พวกหนูเจอกันเพราะเรียนที่เดียวกันค่ะ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะดุริยางคศิลป์ แล้ววันหนึ่งมีเมลล์ที่ส่งมาจากมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาส่งผิดค่ะเป็นข้อมูลส่วนตัวของอูปิม อันนี้จริงๆ ทุกคนไม่ควรทำตามนะคะ ตอนนั้นหนูไม่มีเพื่อนที่รู้จักก็เลยเอาเบอร์อูปิมไปแอดไลน์แล้วทักไปคุยว่าวันปฐมนิเทศจะไปอยู่ด้วย เราเลยได้เป็นเพื่อนแก๊งเดียวกันแล้วมาเป็นรูมเมทกัน จากนั้นพวกเราก็เริ่มจากการทำ Cover ลง YouTube แล้วกระแสตอบรับค่อนข้างดี มีวันหนึ่งที่อูปิมต้องส่งเพลงให้อาจารย์ช่วงสิ้นเทอม แล้วมาขอให้ช่วยทำเพลง เลยได้เป็นเพลง ‘เก็บดอกไม้’ เพลงแรกของวงเราค่ะ

อูปิม: จริงๆ กระแสตอนทำ Cover เวิร์กกว่าตอนปล่อยเพลงของตัวเองอีก

แอนท์: แต่ว่าอูปิมมีแพสชั่นกับการทำเพลงมากๆ เลยทำกันต่อไปเรื่อยๆ

อูปิม: พี่ในมหาลัยที่ฟอร์มวงก็แนะนำว่า ถ้าเราอยากให้คนดูจดจำเราในฐานะศิลปินจริงๆ ควรจะหยุดทำ Cover ไม่งั้นคนจะเรียกร้องแต่สิ่งนี้แล้วไม่ฟังเพลงเรา ซึ่งมันก็ดีนะคะ คนก็เริ่มจดจำเราในฐานะ LANDOKMAI จริงๆ ซึ่งชื่อวงอันนี้แอนท์ก็เป็นคนคิดค่ะ มาจากชื่อจริงของปิมเอง

แอนท์: ตอนนั้นเพลงเสร็จแล้วเรายังไม่มีชื่อวงเลยค่ะ คิดกันอยู่นานมากก็นึกไม่ออกว่าชื่อวงอะไรที่เหมาะกับเพลงเก็บดอกไม้ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าชื่อ LANDOKMAI เป็นชื่อที่แปลกมาสำหรับเรา รู้สึกว่าในกรุงเทพฯ เราจะไม่เจอคนที่ชื่อนางสาวลานดอกไม้แบบอูปิม รู้สึกว่าชื่อนี้แหละเจ๋งมาก ก็เลยบอกอูปิมว่าใช้ชื่อนี้กันเถอะ

จากศิลปินอิสระสู่นักร้องในสังกัด What The Duck 

อูปิม: บอล - ต่อพงศ์ จันทบุบผา ทักเข้ามาในเพจวงเราค่ะ ชวนเรามาคุยกัน 

แอนท์: ตอนแรกเราได้พิทชิ่งกับหลายๆ ค่ายนะคะ แล้วก็เกือบจะไปอีกที่หนึ่งแล้ว แต่พี่บอลก็ทำให้เราเชื่อแล้วก็ตัดสินใจเลือก What The Duck

อูปิม: เหมือนถ้าเป็นที่อื่นเขาจะเข้ามาขอเปลี่ยนเราด้วย แต่พี่บอลพูดไว้กับเราตั้งแต่ครั้งแรกเลยซึ่งพูดดีมากว่า ถ้าพวกเราอยากจะเป็นยังไงอยากจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหนก็ให้เวลาค่อยๆ เปลี่ยนเราละกัน ให้มันเป็นธรรมชาติ คือเขาไม่ได้มาบอกว่าอยากให้เราเป็นยังไง ก็เลยตัดสินใจ เอาเว้ย! อยู่ What The Duck เลย ซึ่งแต่ก่อนแอนท์จะดูแลทุกอย่าง ทำโปรโมต ทำเพลง ทำโน่นทำนี่ แต่พอมาอยู่ค่ายแล้วมันดีตรงที่เรามีทีมคอยช่วยหลายๆ อย่าง แล้วก็พาผู้คนมารู้จักเรา เหมือนที่ได้มาสัมภาษณ์กับ EQ ในวันนี้

บทบาทของนักร้องที่มากกว่าการร้องเพลง

อูปิม: การเป็นนักร้องยากนะ เพราะไม่ใช่แค่ร้องเพลงเพราะแล้วจบ แต่มันคือการเป็น Front ที่ดี มีวิธีการพูด การบิวต์คนให้สนุกได้ ซึ่งคิดว่าตัวเองยังขาดทักษะนี้อยู่ค่ะ คือเราเป็นคนชอบร้องเพลงแต่ไฮป์คนไม่เก่งเท่าไหร่ ก็พยายามฝึกอยู่เรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็ถือว่าดีกว่าช่วงเข้ามาในค่ายแรกๆ เยอะแล้วนะ ช่วงแรกคือขึ้นไปร้องเพลงอย่างเดียวเลย

แอนท์: จริงๆ เราเป็นคนที่คุยได้นะ แต่เล่นกีตาร์ไปคุยไปไม่ได้มันยากค่ะ เราเลยต้องวางจังหวะกัน ส่วนตัวหนูชอบโมเมนต์ตอนคนฟังร้องตามมากๆ แต่ตอนที่เขาตั้งใจฟังก็ชอบนะ แค่รู้สึกว่าตอนที่เล่นอยู่ถ้ามีพลังจากคนฟังที่ส่งขึ้นมาเราก็จะส่งกลับไปหาเขาเหมือนกัน ตอนเล่นสดงานแรก เหมือนจะเล่นที่มิวเซียมสยาม จำชื่องานไม่ได้แล้วค่ะ แต่ตกใจมากที่มีคนมาฟังเยอะ ตอนแรกก็คิดว่าคนไม่น่าจะมาฟังเราหรอก แต่พอเราเล่นเสร็จแล้วคนเดินมาคุยกับเราเยอะก็ เออ มีคนฟังเราแล้วจริงๆ

อูปิม: ตอนเล่นครั้งแรกสนุกนะ เป็นความตื่นเต้นที่สดใสมากๆ รู้สึกว่าเราต้องไปได้ไกลกว่านี้ แล้วก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เล่นไม่ว่าจะมีคนฟังมากน้อยแค่ไหน จำได้ว่าค่ายเคยจัดให้ไปทัวร์อีสาน บางร้านไม่รู้จักเราเลยแต่เราก็รู้สึกว่าสนุกมากอยู่ดี คิดว่าเรากำลังจะมาแสดงตัวตนที่นี่ (หัวเราะ) แต่ถ้าวันไหนที่รู้สึกว่าทำไม่ค่อยดีเราก็จะรู้สึกเสียดายนิดหนึ่งค่ะ ต่อให้คนดูจะสนุกแต่เราจะรู้สึกตลอดว่าเรายังมีของดีให้เขาไม่มากพอ สมมุติเคยทำได้ 100 แต่รู้ตัวเองว่าวันนั้นทำได้ 60 ก็จะเฟลเพราะเรารู้ว่ามันดีกว่านี้ได้

ผู้หญิงช่างฝันที่มาพร้อมกับความหวังอยู่เสมอ

อูปิม: หนูคิดว่า LANDOKMAI มีอิมเมจเป็นผู้หญิงช่างฝันค่ะ และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นคนที่สงสัยในงานศิลปะมาก แล้วก็เป็นคนไม่คิดเยอะ มีพลังอยู่เสมอ คือถ้าผู้หญิงคนนี้ไปเจอเรื่องไม่ดีมาเขาจะไม่มีทางที่รู้สึกว่า พอละ ฉันหยุดทำดีกว่า ยอมแพ้แล้ว จะไม่ใช่คนแบบนั้น อาจจะเพราะหนูเป็นคนแบบนี้ด้วยค่ะเพลงของวงเราเลยมีความรู้สึกประมาณนี้แทรกอยู่ หนูเป็นคนที่ต่อให้เศร้ามากๆ ก็ยังมีความหวังที่จะดีขึ้นเสมอ ไม่ใช่รู้ว่าเศร้าแล้วยังคงเศร้าต่อไปเรื่อยๆ แต่เราเข้าใจนะคนที่จมอยู่กับความเศร้าว่าเป็นยังไง แค่เราเป็นคนที่เศร้าแล้วยอมรับว่า เออ มันเศร้า แต่เรายังหวังอยู่แหละว่าทุกอย่างจะดีขึ้นได้

แอนท์: หนูก็เห็นภาพของ LANDOKMAI เป็นอูปิมเนี่ยแหละ (หัวเราะ) ตอนทำเพลงก็จะเห็นคาแรกเตอร์ชัดเจนมาก ส่วนคนฟังจะเป็นเด็กม.ปลาย ขี้อาย คาแรกเตอร์น่าเอ็นดู

อูปิม: คนฟังเราส่วนใหญ่ก็คงเป็นผู้หญิงแหละเนอะ เวลาไปเล่นก็จะเห็นภาพแบบนั้นจริงๆ ค่ะ เป็นแม่สาวตัวน้อย 

Coming of Age ในฐานะศิลปินกับการยอมรับตัวตนที่ลื่นไหล

อูปิม: หนูว่าพวกเราโตขึ้นเพราะตอนนี้ทำทุกอย่างเองหมดเลย อย่างอัลบั้ม Over The Sun ก็จะมีพี่ๆ วง YEW โปรดิวซ์ให้ เพลงก่อนๆ ก็จะมีเพื่อนที่เป็นมือกีตาร์ของวง The Toys มาช่วยทำโปรแกรม เพราะมันยากค่ะตอนนั้นเรายังทำไม่เป็นเลยต้องให้เขาช่วย แต่ตอนนี้แอนท์ทำเป็น แล้วเราก็พอทำเป็น เลยจบงานกันเองได้ จริงๆ เพลง ’บีดีบั๊บบา’ กับ ‘เกาะลอยฟ้า’ ก็เป็นอะไรที่ใหม่ในความรู้สึกเราเหมือนกัน แต่ปิมก็ชอบทั้งตัวเองในตอนนี้ แล้วก็รักตัวเองในเวอร์ชันเก่าด้วย เราสนุกที่จะได้เห็นตัวเองหลายๆ แบบ

แอนท์: แอนท์ว่ายังไง LANDOKMAI ก็คืออูปิมแหละ ด้วยเสียงและเทคนิคการร้องแบบนี้ พอไปอยู่กับดนตรีแบบไหนก็ฟังออกว่าเป็นลานดอกไม้อยู่ดี

อูปิม: เคยมีคนพูดกับปิมว่า ที่ไม่รู้ว่าเราเป็นแนวไหนเป็นเพราะเราไม่รู้จักตัวเองดีพอหรือเปล่า ปิมเลยบอกไปว่าปิมรู้จักตัวเองดีมาก เรามั่นใจตรงนี้ แต่ว่าเราแค่ชอบเห็นตัวเองหลายๆ แบบมากกว่า หมายถึงว่า LANDOKMAI ก็ยังคงเล่าเรื่องแบบนี้ พูดถึงความรู้สึกประมาณนี้อยู่ ยังใช้เทคนิคร้องแบบเดิม และเมโลดี้ที่ชอบก็ยังใกล้เคียงกัน แค่อาจจะมีดนตรีที่เปลี่ยนไป เพราะเราสนุกกับการได้สร้างสิ่งใหม่ๆ 

แอนท์: อย่างเพลงใหม่ก็มีอะไรใหม่ๆ ที่เราใส่ลงไป อาจจะเพราะเป็นเพลงที่เราทำกันเองอย่างเต็มตัวด้วย เลยมีเวลาอยู่กับมันเต็มที่ มีเวลาให้คิดให้เลือกใส่รายละเอียดต่างๆ ตอนนี้พวกเราเลยอินกับเกาะลอยฟ้ามากๆ

อูปิม: เพลงเกาะลอยฟ้ามีจังหวะกลองที่ไม่เหมือนเพลงก่อนๆ ปกติลานดอกไม้จะไม่ค่อยมีเพลงเร็ว ส่วนมากจะเป็นเพลงลอยๆ เนือยๆ แต่หลังๆ เราอยากเห็นตัวเองในเพลงที่เร็วขึ้นนิดหนึ่ง เกาะลอยฟ้าก็เลยมีจังหวะมากขึ้น ซึ่งแต่ก่อนไม่มีแบบนี้ ส่วนเนื้อหาก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่อง Castle in the Sky เป็นการ์ตูนที่เราดูมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร แต่มันจะมีฉากหนึ่งที่สั้นมาก แล้วพอเราโตมาก็รู้สึกอินกับฉากนี้มาก เป็นฉากที่มีผู้ชายคนหนึ่งสร้างเกาะลอยฟ้าขึ้นมา เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่โลกมนุษย์ไม่มี จากนั้นก็สร้างกองทัพหุ่นยนต์ขึ้นมาพร้อมคีย์โปรแกรมว่าพวกนายต้องดูแลเกาะนี้จนกว่าฉันจะกลับมานะ แล้วผู้ชายคนนี้ก็กลับไปที่โลก ไปแต่งงานมีครอบครัวแล้วก็ไม่ได้กลับมาที่เกาะนี้อีก กองทัพหุ่นยนต์ก็ค่อยๆ ทยอยหมดอายุขัยกันไป จนเหลือตัวสุดท้ายที่ยังคงดูแลเกาะนี้ แล้วภาพในการ์ตูนมันเศร้ามากเป็นภาพที่อยู่ท่ามกลางศพเพื่อนๆ ที่มีรากต้นไม้พันอยู่รอบๆ จนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ แต่หุ่นยนต์ตัวนี้ก็ยังคงดูแลต้นไม้ ทำทุกอย่างรอคอยการกลับมาของผู้ที่สร้างตัวเอง เราเลยอินมาก แล้วได้แรงบันดาลใจมาเป็นคอนเซปต์ของเพลงนี้

LANDOKMAI ที่ไม่มีวันหมดแพสชั่น

แอนท์: ชีวิตนี้อูปิมคงไม่หมดแพสชั่นหรอก มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย แต่สมมุติว่าวันหนึ่งหนูหมดแพสชั่นก็มั่นใจอยู่ดีว่าอูปิมจะทำวงต่อไป

อูปิม: สำหรับปิมถ้าเกิดวันหนึ่งแอนท์ตัดสินใจอะไรแล้ว เราจะรู้เลยว่าเขาคิดมาดีแล้วนะ และปิมจะเคารพในสิ่งที่แอนท์ต้องการ แต่เราก็คงแกล้งถามว่าออกไปแล้วมาเป็นผู้จัดการไหมล่ะ ไม่ต้องออนสเตจด้วยก็ได้ แต่ถ้าจะให้คิดภาพตัวเองตอนหมดแพสชั่นหรอ คงเป็นตอนที่โดนค่ายไล่ออก ไม่มีงานเลย ไม่มีเงินกินข้าวแล้ว ก็คงเริ่มคิดว่าไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่ก็คิดว่ายังคงแอบทำเพลงเล่นๆ อยู่ดี แต่ถ้าให้สมมุติว่าไม่ได้เป็นนักร้อง หนูก็อยากเป็นนักเขียนนะคะ เขียนนิยายหรืออะไรสักอย่างก็ได้ เพราะตั้งแต่เด็กเราก็ชอบเขียนฟิคลง Dek-d แต่จะไม่บอกนามปากกาหรอกนะคะ

แอนท์: นึกว่าจะไม่เล่าแล้วนะเรื่องนี้ อูปิมเขียนดีด้วยนะคะ เคยเอาให้อ่านแล้ว เซอร์ไพรส์มากตอนนั้น

ส่วนหนูถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้ก็อยากเป็นพนักงานออฟฟิศค่ะ อยากทำงานในค่ายเพลงด้วย แต่ความฝันของเราจริงๆ คือมีโต๊ะอยู่ในออฟฟิศที่เป็นของเราเอง

อูปิม: นี่ไง มาเป็นพนักงาน What The Duck ไปเลย (หัวเราะ)

แอนท์: จริงๆ แพลนระยะยาวที่พวกเราคุยกันคือปีต่อปีค่ะ เพราะรู้สึกว่าสถานการณ์ในแต่ละปีมันต่างกัน สภาวะเศรษฐกิจด้วย ปัจจัยหลายๆ อย่างด้วย ล่าสุดที่คุยกันก็คือ ปลายปีนี้ว่าจะทำอัลบั้ม 

อูปิม: แอบเสียดายพวกซิงเกิลที่เราปล่อยไปเหมือนกันเนอะ ที่จะไม่ได้รวมอยู่ในอัลบั้มนี้ อย่างเพลง Tsuki ด้วยใจยินดี สุขสันต์วันสุดท้าย 

แอนท์: เป็นเพลงปังๆ ที่พาคนมารู้จักเราด้วย แต่สุดท้ายคิดแล้วว่าถ้าเอาเข้ามาในอัลบั้มเราจะไปไม่สุดในเวย์ที่เราจะทำ เรามีภาพที่อยากให้เป็นซึ่งมันต่างจากเพลงก่อนๆ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ 

แม้บทสนทนาจะจบลงแต่แพสชั่นในการทำงานเพลงของ ‘อูปิม’ และ ‘แอนท์’ ยังคงดำเนินต่อไป อย่างน้อยที่สุดก็ตราบเท่าที่อัลบั้มใหม่จะสำเร็จ และเราเชื่อว่าผลงานใหม่ที่มาพร้อมตัวตนที่เติบโตขึ้นของเธอสองคน จะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่ทำให้ LANDOKMAI เป็นที่รู้จักมากขึ้น 

หากใครอยากสนับสนุนผลงานของสองสาวช่างฝันให้เติบโตไปอย่างงดงาม สามารถติดตามเพลงของ LANDOKMAI ได้ที่

Facebook: LANDOKMAI

Twitter: LANDOKMAI (@landokmailband)

Instagram: landokmailband

YouTube: Whattheduck และสตรีมมิ่งทุกช่องทาง