Art

In the way of DABOYWAY: สำรวจตัวตน แพชชั่น และการเดินทางครั้งใหม่กับโปรเจกต์ ‘BPM PLUS ASIA X DABOYWAY’

วันนี้ EQ เอาใจคอดนตรีสายฮิปฮอปด้วยบทสัมภาษณ์ของ ‘เวย์’ - ปริญญา อินทชัย หรือที่รู้จักกันในนาม ‘DABOYWAY’ มาพูดคุยถึงประสบการณ์การทำงานในวงการฮิปฮอปมากกว่า 20 ปี ด้วยแพชชั่นเต็มเปี่ยม ซึ่งเวย์ยืนยันกับเราว่า ไม่มีวันไหนที่รู้สึกรักการทำเพลงน้อยลง รวมถึงเปิดเผยโปรเจกต์ใหม่ที่ได้ร่วมงานกับ ‘BPM PLUS ASIA’ ค่ายเพลงจากประเทศญี่ปุ่น ในฐานะ Executive Producer พร้อมจับมือกันชักชวนศิลปินฮิปฮอปรุ่นใหม่จากญี่ปุ่น และไทยเข้าสตูดิโอเพื่อสร้างสรรค์ผลงานเพลง ที่นำเสนอความเจ๋ง และพลังงานของ The Next Generation แห่งวงการฮิปฮอปให้โลกรู้ โดยศิลปินไทยที่เข้าร่วมในโปรเจกต์นี้มีทั้ง Younggu, Lazy Loxy, DaimondMQT และศิลปินอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมเสิร์ฟความสนุกผ่านบทเพลงในท่วงทำนองที่หลากหลายให้ผู้ฟังทุกคนได้โยกตัวตาม (แอบกระซิบว่า โปรดิวเซอร์ฮิปฮอปมือทองอย่าง NINO ก็ได้มาช่วยโปรดิวซ์ให้กับบางซิงเกิ้ลในโปรเจ็กต์ครั้งนี้ด้วย)

เส้นทางการทำงานเกือบ 30 ปีในวงการเพลงฮิปฮอป

ผมทำมานานมาก เข้าวงการในเมืองไทยตั้งแต่ปี 1996 ทำมามากกว่าครึ่งชีวิตแล้วครับ แล้วก็คิดว่าไม่มีอะไรที่ทำได้ดีกว่าสิ่งนี้แล้ว จนถึงตอนนี้มันก็ยังเป็นสิ่งที่เรารัก ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาก็ยังอยากที่จะฟังเพลงฮิปฮ็อป อยากค้นหาเพลงใหม่ๆ เหมือนสมัยเด็กๆ ผมยังคงหลงรักในเพลงฮิปฮอปเหมือนเดิม ไม่เคยรู้สึกว่ามีช่วงไหนที่ทำงานหนักเลย เพราะการทำเพลงเป็นสิ่งที่เรารัก ไม่ว่าจะบทบาทที่เป็นนักร้องเอง หรือการช่วยครีเอท เวลาเราเห็นเอเนอร์จี้ในห้องอัดในทิศทางที่สร้างสรรค์ มันเหมือนมีเมจิกเกิดขึ้น ผมภูมิใจมากที่วงการเราไปได้ไกลขนาดนี้ ตอนที่ฮิปฮอปมาเมืองไทยใหม่ๆ แทบจะไม่มีศิลปิน หรือเพลงให้ฟังเลย แต่จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ซาวน์เพลงขยายไปไกลมาก ครอบคลุมทุกแนวเพลงทั่วโลก ไม่ว่าจะไปอยู่ในเพลงแบบไหนก็จะมีกลิ่นอายของฮิปฮอปแทรกอยู่เสมอ อีกอย่างคือ การทำเพลงของผมจะทำตามสิ่งที่ถนัด แล้วก็ปล่อยไปตามความรู้สึกในวันนั้น ตอนผมปล่อยพลงออกไปไม่เคยกลัวที่จะโชว์ใครเลย ไม่ว่าจะมีสิบวิว หรือล้านวิว ผมมั่นใจในตัวผมแล้วก็มั่นใจในศิลปะที่นำเสนอ ในเมื่อโชว์ผลงานออกไปแล้ว ใครจะว่าอะไร ผมก็ทำอะไรไม่ได้ บางทีคนฟังอาจจะไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่สไตล์ ผมก็โอเค แต่ถ้าไม่ชอบแล้วไปบอกว่า เพลงนี้ห่วย คุณก็สามารถทำได้ แต่ผมคิดว่า มันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ทุกวันนี้ด้วยความที่ทำงานเพลงมานาน ผ่านอะไรมาพอสมควร ผมเลยคิดแค่ว่า ถ้ายังทำแล้สนุกอยู่ มีความสุขกับเพลงที่ทำ ก็แค่ทำมันต่อไป

ข้อความที่จำเจแต่จริงใจจาก DABOYWAY ถึงทุกคนที่มีใจรักฮิปฮอป

มันอาจจะฟังแล้วน้ำเน่านะ แต่เป็นเรื่องจริง แค่ทำไปเรื่อยๆ ตั้งใจกับสิ่งที่ทำ เป็นตัวของตัวเองครับ มันต้องเริ่มมากจาก ‘you wanna be something or somebody’ แล้วก็ค่อยๆ ปรับมาเป็นตัวของตัวเอง ทำเยอะๆ เขียนเยอะๆ เดี๋ยวสักวันหนึ่งก็ดีเอง ทุกวันนี้ผมก็ยังทำไปเรื่อยๆ และเห็นไม่รู้กี่ครั้ง กี่คนแล้ว ถ้าคุณหยุดทำ แน่นอนว่าคุณ mission failed ทุกอย่างจบ แต่ผมมั่นใจเกินร้อยว่า ถ้าคุณทำไปเรื่อยๆ มันต้องมีอะไรที่ดีขึ้นไม่มากก็น้อย จากความพยายาม และความขยัน อย่าไปหวังว่า ทำเพลงสองเพลงแล้วต้องดัง ‘Everybody start from some where’ ถ้าใจเราสู้แล้วทำต่อไป ลองคิดว่า เพลงเราอาจจะไม่ได้ดัง แต่การเขียนเราดีขึ้น โฟลวดีขึ้น เริ่มอัดเพลงเป็นแล้ว เริ่มมีงานทำเพราะได้ช่วยคนอื่นอัดเพลง อะไรแบบนี้ผมว่ามันก็คือ ผลตอบแทนจากการที่คุณยังตั้งใจทำต่อไป อะไรก็แล้วแต่ แค่ทำในสิ่งที่คุณรักถ้ามันไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ทำร้ายตัวคุณเอง ‘just keep do it’ แล้วในที่สุดมันจะดีเองครับ

การกลับมาของ DABOYWAY 

ในมุมที่เป็นส่วนตัว ผมพยายามจะทลายกรอบของตัวเองทุกครั้ง เหมือนลูกโป่งที่พยายามหาว่าจะลอยไปทางไหนได้บ้าง ก่อนเพลง ‘Cake Diet’ ผมปล่อยอัลบั้มแรก เป็นโซโล่อัลบั้ม แล้วเจอโควิดพอดี เข้าใจว่าทุกคนทั่วโลกมีชีวิตที่เปลี่ยนไปกันหมด ในช่วงนั้นผมไม่ค่อยได้ทำเพลงให้ตัวเองเลย เพราะไม่รู้จะไปทางไหน เราเพิ่งปล่อยอัลบั้มก็ต้องมาติดอยู่ในบ้านเป็นปี เป็นช่วงที่มีความรู้สึกท้อบ้างเหมือนกันนะครับ ติดอยู่กับความคิดที่หาคำตอบไม่ได้ พยายามไปเข้าห้องอัดเพื่อหาซาวน์ใหม่ๆ แต่ยังไม่ฟีลเท่าไร ก็เลยลองหาช่องทางอื่น แล้วก็ได้ไปช่วยน้องๆ ทำเพลง ได้ให้คำปรึกษาศิลปินรุ่นใหม่ ผมทำแบบนั้นอยู่ประมาณ 2 ปี พอคุยกับตัวเองสักพักเราก็ โอเค แค่สนุกไปกับมันก็พอ ยอมรับเลยว่าบางช่วงคิดมาก คิดเยอะจนลืมไปว่า การทำเพลงคือความสนุก เลยบอกตัวเองว่า เลิกคิดเถอะ Just do it! จนเริ่มกลับมาทัวร์ช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ตอนทัวร์คอนเสิร์ตก็รู้สึกว่าสนุกดีครับ แต่เหมือนขาดอะไรในโชว์ตัวเอง ผมรู้สึกว่าต้องการเพลงที่สนุกกว่านี้ อยากได้เพลงที่ทำให้คนกลับมาเต้นได้ ก็เลยเกิดเพลง Cake Diet แล้วก็ ‘We do what we want’ และซิงเกิ้ลล่าสุดคือเพลง ‘BAKA’ ที่อยู่ในโปรเจกต์ใหม่ร่วมกับ BPM ซึ่งถ้าได้ฟังก็จะรู้ว่าเป็นเพลง Uptempo ที่ให้อารมณ์สนุกสนานทั้งหมด ผมอยากให้คนฟังไม่ต้องเครียด เพราะเราเครียดกันมาหลายปีแล้ว

จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ BPM PLUS ASIA X DABOYWAY

ช่วงโควิดผมเริ่มคิดว่า จะทำอย่างไรให้ผลักดันวงการฮิปฮอปในเมืองไทยได้บ้างในเวย์ของตัวเอง พูดง่ายๆ ว่าเราก็มีแผนของเรา พอเริ่มคุยโปรเจกต์นี้กับทาง BPM แล้วบังเอิญแผนคล้ายกันมาก เขาเล่าให้ฟังว่าจะทำเพลง 10 เพลง มีศิลปินญี่ปุ่นที่อยากนำเสนอ และอยากให้ร่วมงานกับศิลปินไทย ผมก็ โอเค ถ้าคุณสามารถเอาศิลปินมาอยู่ในสตูดิโอด้วยกันได้ และแบ่งเป็นห้องต่างๆ เพื่อทำเพลง ผมก็เอาศิลปินไทยมาเจอกัน และแน่นอนเมจิกทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นภายในห้องอัด พอคุยกันลงตัว เขาก็ส่งลิสต์ศิลปินฝั่งญี่ปุ่นมาก่อน แล้วผมก็ต้องไปทำการบ้านว่าสไตล์เป็นอย่างไร จากนั้นก็มาดูศิลปินไทยว่ามีใครที่เคมีเข้ากับศิลปินญี่ปุ่นในลิสต์บ้าง ใครจะทำดนตรี ถ้าให้คนนี้โปรดิวซ์จะเหมาะไหม สไตล์ดนตรีจะไปทางเดียวกันหรือเปล่า เรียกได้ว่าโปรเจกต์ครั้งนี้ทำให้ผมได้กลับมาทำงานฮิปฮอปเต็มตัว หลังจากที่ติดอยู่กับช่วงโควิดมานาน ก่อนหน้านี้ที่ได้ช่วยดูงานเพลงของน้องๆ ก็จะเป็นเพลงป๊อปบ้าง มี R&B บ้าง แต่ไม่ใช่ฮิปฮอปจ๋าขนาดนี้ พอได้มาทำโปรเจกต์นี้กับเพื่อนแร็ปเปอร์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งรู้จักกันมาเกือบ 20 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอ ‘The next generation ของวงการฮิปฮอป’ และต้องการสื่อสารว่าดนตรีเป็นสิ่งสากล ไม่ว่าจะศิลปินไทย ศิลปินญี่ปุ่น หรือชาติไหนๆ ก็สามารถมาจอยกันได้ เราฟังดูแล้วน่าสนุกเลยตกลงร่วมงานกัน เพราะส่วนตัวผมยังคงชอบฟังดนตรี ไม่ว่าจะสากล หรือไทย และผมเป็นบิ๊กแฟนของศิลปินฮิปฮอปรุ่นใหม่หลายๆ คน เลยคิดว่า การทำงานคงไม่ได้ยาก เพราะเราพูดภาษาเดียวกัน

https://www.youtube.com/watch?v=rW-3G-QLp_Q

BAKA ซิงเกิ้ลแรกของโปรเจกต์ที่ DABOYWAY ขอร่วมแจม

ตอนที่เพลง Cake Diet ปล่อยออกไป Repezen Foxx มาเมืองไทยพอดี แล้วก็ได้เจอเมมเบอร์ชื่อว่า DJ Ginta ที่คลับ เขาวิ่งมาบอกว่า I love Cake Diet, I love Daboyway ถ้ามีโอกาส หรือมีเพลงที่อยากทำก็นำเสนอได้เลย ช่วงที่ทำโปรเจกต์กับ BPM ก็เริ่มกลับมานึกถึงสิ่งที่เขาพูดไว้ ตอนแรกไม่คิดว่าจะเอาตัวเองมาอยู่ในโปรเจกต์นี้ในฐานะศิลปินเลย กะว่าจะมาเป็นแค่ Executive Producer แต่สุดท้ายได้ฟังดนตรีของเพลง BAKA ก็คิดว่าเพลงนี้น่าสนุก ไหนๆ ก็ร่วมโปรเจกต์นี้แล้ว ขอมาเป็นศิลปินในเพลงนี้ด้วยแล้วกัน และใช้เพลงนี้สำหรับเปิดโปรเจกต์ด้วย

เทรนด์การคอลแลบฯ ในวงการดนตรี กับการแลกเปลี่ยนผลงาน

ผมคิดว่าถ้าทำเพลงอยู่คนเดียวมันก็น่าเบื่อนะ การคอลแลบฯ ทำให้ได้เอนเนอร์จี้ใหม่ๆ แล้วศิลปินแต่ละคนก็มีแฟนเบสของตัวเอง พอได้ทำงานร่วมกันก็เหมือนได้แนะนำผลงานใหม่ๆ แลกเปลี่ยนให้แฟนเบสของกันและกันฟัง ถ้าสมมุติคนที่เราคอลแลบฯ ด้วย มีไวบ์ไปในทางเดียวกัน ผมคิดว่าภาษาไม่ได้เป็นปัญหา บางคนอาจจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เก่งเท่าคนอื่น แต่พอเปิดดนตรี เปิดเพลงขึ้นมาก็สื่อสารกันได้ เหมือนคนพูดภาษาเดียวกันแล้วครับ ทุกเพลงในโปรเจกต์นี้ ทำ Writing camp แค่ประมาณ 3 เซสชั่น แล้วผมก็แยกไปนั่งฟังแต่ละห้องว่าเป็นอย่างไร ชอบตรงไหน ยังไม่ชอบตรงไหน แต่ยืนยันได้ว่าทุกเพลง และทุกอย่างที่เกิดขึ้นเฟรชทั้งหมดครับ มีแค่เพลง ‘Monalisa’ ของ Cyprus, Lazy Loxy ที่เราได้บีทมาก่อนจากโปรดิวเซอร์ต่างประเทศ จริงๆ ผมชอบทุกเพลงในโปรเจกต์นี้ เพราะมีความหลากหลาย น้องๆ จากสองประเทศก็เก่งกันทุกคน ผมแค่ได้มาช่วยฟัง ได้เห็นการทำงานของศิลปินใหม่ๆ แบบนี้ก็ดีใจมากแล้ว นอกจาก BAKA ที่ปล่อยไปก็มีเพลง ‘Panang’ ของ Candee, JV.JARVIS และ Poss ที่ปล่อยไปไม่นาน ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบบีทเพลงนี้มาก และเร็วๆ นี้ก็จะปล่อยอีกหนึ่งเพลง คือ ‘Kawasaki’ เป็นการร่วมงานของ KOWICHI และ Younggu ซึ่ง KOWICHI เป็นศิลปินญี่ปุ่นที่มาจากเมืองคาวาซากิ เนื้อหาก็จะพูดถึงบ้านเมืองของเขา และคาวาซากิก็เป็นแบรนด์รถยนต์ด้วย ในพาร์ทของ Younggu ก็จะมีส่วนที่พูดถึงการขี่มอเตอร์ไซค์คาวาซากิครับ อีกไม่นานรอติดตามเพลงเต็มๆ กันได้เลย และฝากติกตามโปรเจกต์ของ BPM ในครั้งนี้ด้วยครับ

ติดตามผลงานเพิ่มเติมในโปรเจ็กต์ BPM PLUS ASIA X DABOYWAY ได้ที่

Youtube: bpm plus asia
Facebook: Daboyway
Instagram: daboyway และ bmptokyoplusasia