Culture

Stamp Fairtex นักมวยผู้เปลี่ยนพลังลบมาเป็นแรงผลักดันชีวิต

เมื่อเจอการโดนกลั่นแกล้งในวัยเด็ก คนส่วนใหญ่มักจะเลือกตอบโต้ด้วย 2 วิธีหลักๆ คือ ยอมนิ่งเฉยเพราะไม่อยากมีปัญหา และเลือกสู้กลับให้เจ็บกันไปข้างหนึ่ง แต่ใครจะคิดว่าท่ามกลางสองทางเลือกนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธี ที่หลายคนคาดไม่ถึงนั่นคือ “เรียนมวยไทย” เพื่อทำให้เพื่อนเห็นว่าตนเองก็สู้ได้ แค่ไม่อยากทำ ซึ่งเป็นการตอบโต้อย่างสันติที่ แสตมป์ - ณัฐวรรณ พานทอง หรือ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ (Stamp Fairtex) นักมวยดาวเด่นจากเวที ONE Championship เลือกทำในวัย 5 ขวบ

สู้กลับในแบบของตัวเอง

“มาเล่นมวยไทยได้เพราะว่าตอนเด็กๆ โดนเพื่อนแกล้ง” เป็นประโยคแรกที่แสตมป์เปิดบทสนทนากับเรา ก่อนจะเล่าต่อว่าคุณพ่อของเธอเป็นนักมวย และแถวบ้านก็มีแต่นักมวย การต่อยมวยไทยเลยเป็นกีฬาเดียวที่รู้จักในตอนนั้น เวลาโดนแกล้งบ่อยๆ ก็ทำให้อยากเรียนมวยขึ้นมา “ประมาณ 5 ขวบก็เริ่มฝึกเลย พอเพื่อนรู้ว่าเราเป็นมวยก็ไม่มีใครแกล้งแล้ว แถมยังจะมาขอเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ”

แต่การนำพลังลบที่ได้รับจากเพื่อนๆ มาเปลี่ยนแรงผลักดันของชีวิตเธอไม่ได้จบอยู่แค่เรียนมวย เพราะเธอยังได้เอาจริงเอาจัง พยายามพัฒนาตนเองให้แกร่งขึ้น จนมาเป็นนักกีฬามวยแห่งค่าย Fairtex ในปัจจุบัน อีกทั้งก้าวสู่การเป็นตัวท็อปบนเวทีระดับโลกอย่าง ONE Championship ด้วย

เปลี่ยนผ่านจากมวยไทยสู่ MMA

เมื่อเลือกเดินทางนี้ต่อภายใต้การดูแลของค่ายใหญ่ สิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมคือศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ MMA (Mixed martial art) ที่รวมเอาศิลปะการต่อสู้หลายแขนงมาไว้ด้วยกัน จากเดิมที่ฝึกซ้อมแค่มวยไทย เธอต้องหันมาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แบบอื่นเพิ่มเติม 

“ช่วงแรกค่ายให้ฝึกมวยไทยไปด้วย และค่อยๆ ซึมซับพวก BJJ (บราซิลเลียนยิวยิตสู) พื้นฐานไปก่อน ให้พอรู้ว่าเป็นแบบไหน ซึ่งต่างจากมวยไทยโดยสิ้นเชิงค่ะ เพราะมวยไทยเป็นมวยเข่า ส่วน BJJ ต้องใช้ท่านอนเป็นหลัก ช่วงแรกไม่ชินเลย เราคิดว่าท่ามันแปลกเหลือเกิน และต้องซ้อมปล้ำกับผู้ชายด้วย เขาต้องมานั่งคร่อมนู่นนี่นั่น แบบโอ้โห อายมากค่ะ ต้องฝึกอยู่ประมาณปีหนึ่งถึงจะเริ่มชิน บวกกับตอน นั้นมีการแข่ง BJJ อยู่เรื่อยๆ และมีการคัดตัวเข้ารายการ ONE Championship พอดี เลยมีโอกาสได้เข้าไป ทำให้ได้ฝึกมากขึ้นและเก๋าเกมมากขึ้น”

ชอบการต่อสู้แบบไหนมากกว่ากัน

ชอบทั้งหมดค่ะ อย่างมวยไทยก็ชอบที่เป็นมวยเข่า เพราะไหลลื่นไปได้หลายรูปแบบและมีท่าหลากหลายให้เลือกใช้ เช่น หนุมานถวายแหวน มอญยันหลัก ฯลฯ ส่วน BJJ มันมีเสน่ห์อยู่ที่การต่อสู้ด้วยท่านอนในแบบที่มวยไทยไม่มี

ในวันที่ความคิดเปลี่ยน

จากวันแรกที่เรียนมวยจนมาถึงวันนี้ที่ต่อยมวยเป็นอาชีพ ต้องมีการเจ็บตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งรุนแรงถึงขั้นกระดูกจมูกแตก ต้องพักรักษาตัวนานหลายเดือน แต่ก็ยังไม่เลิก อะไรที่ทำให้เป้าหมายมันเริ่มเปลี่ยนจากการอยากเรียนรู้ธรรมดาๆ ไปเป็นเอาจริงเอาจังบนเส้นทางอาชีพนี้

“ความชอบค่ะ เพราะชอบเลยทำให้สนุกกับการต่อยมวย ถึงตอนนี้จะเหนื่อยง่ายและฟื้นตัวจากการบาดเจ็บได้ช้ากว่าตอนเด็กๆ แต่ก็ยังสนุกอยู่ ส่วนแรงจูงใจที่ทำให้อยากพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นนักกีฬาที่เก่งขึ้นคือคู่แข่ง เวลาเจอของแข็ง (คนเก่ง) มันทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เพราะอยากจะเก่งขึ้นเพื่อเอาชนะเขา”

การันตีฝีมือจากหลายรางวัล

ทั้งความชอบและการมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองที่เธอเล่ามา ได้ถูกการันตีด้วยเข็มขัดรางวัล การเป็นแชมป์โลกสองกีฬาคนแรกและขึ้นทำเนียบแชมป์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ONE Championship จากการคว้าแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต และชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต รวมถึงล่าสุดกับเข็มขัดแชมป์ World Grand Prix Champion, ONE: WINTER WARRIORS ที่เอาชนะคู่แข่งจากอินเดียได้อย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน แม้แต่เธอเอง

“แมทช์ล่าสุดไม่ได้กดดันตัวเองค่ะ แต่ก็เป็นไปตามที่ซ้อม เพราะมีแต่คนพูดกรอกหูว่าคู่แข่งคนนี้เก่ง เราไม่มีทางชนะเขาได้หรอก หรืออย่างเวลาเจอเขาก็จะโดนขู่ใส่ตลอด เราก็เจียมตัวค่ะ แค่อยากทำให้เต็มที่ที่สุด พอชนะเลยเซอร์ไพรส์กับตัวเองมากที่สามารถชนะด้วยการ Submission เขาในเกมนอนได้ เพราะเขาเก่งเกมนอนมากกว่าเรา คิดว่าเป็นแมตซ์ที่ Exotic ที่สุดและสนุกที่สุดตั้งแต่แข่งมาแล้วค่ะ”

เป้าหมายหลังจากนี้

คว้าเข็มขัดรายการใหญ่มามากมายแล้ว มีอะไรที่แสตมป์ แฟร์เท็กซ์อยากทำให้ได้อีกบ้าง

“ที่ชนะล่าสุดนี้ยังถือเป็นมวยรอบ ไม่ใช่มวยรุ่น ดังนั้นเป้าหมายก็ยังเหมือนเดิมค่ะ คืออยากได้เข็มขัดรุ่นอีก 1 เส้น และถ้าทำสำเร็จก็จะย้อนกลับไปเอาแชมป์มวยไทยกับคิกบ็อกซิ่ง (Kickboxing) ด้วย อยากเอาให้สุดในทุกแขนงของกีฬาต่อสู้เลย นอกนั้นก็มองในเรื่องของการต่อยอด เอาผลตอบแทนจากการชกมวยไปลงกับสวนทุเรียน และทำธุรกิจอื่นบ้าง” 

สำหรับแมตช์ใหญ่ที่เจ้าตัวรอชิงเข็มขัด จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2565 เธออยากให้ทุกคนรอเชียร์และให้กำลังใจกันเยอะๆ เพราะถือว่าเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่ทำเพื่อชื่อเสียงของคนไทย

กำลังใจจากตนเองคือ ‘ที่สุด’

อย่างไรก็ตาม กว่าจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ เธอก็เหมือนกับนักกีฬาคนอื่นๆ ที่แม้จะชอบและทุ่มเทกับการซ้อมมากแค่ไหนก็ต้องเจอการผิดหวังมาก่อนทั้งนั้น เพราะเกมกีฬามีแพ้ชนะเป็นปกติ แต่สิ่งสำคัญคือการไม่ยอมแพ้และเดินต่อ 

มีประโยคหนึ่งที่เธอมักจะพูดเพื่อให้กำลังใจตนเองอยู่เสมอคือ “ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ก็เก่งแล้ว ถ้าผ่านไปได้ก็เก่งสุดๆ เลย” เพราะเชื่อว่ากำลังใจที่ดีที่สุดคือกำลังใจจากตนเอง ซึ่งเธออยากแชร์เรื่องนี้กับทุกคน เผื่อวันหนึ่งที่ใครเกิดท้อใจ อยากให้ลองคุยกับตนเองแบบนี้ดูสักครั้ง

จากแสตมป์ถึงผู้อ่านที่เจอการกลั่นแกล้ง

“ถ้าโดนแกล้งก็อยากให้ลองลุกขึ้นมาสู้บ้าง ไม่จำเป็นต้องยอมเขาเสมอไป และไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง แต่สู้ในแบบที่ทำให้เขารู้ว่าเราสู้ได้ แค่ไม่อยากทำ”

Stamp Fairtex เป็นนักกีฬาที่ทำให้เราเห็นว่าการเปลี่ยนพลังลบมาเป็นแรงผลักดันด้านบวกในชีวิตเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ทั้งนี้เราเชื่อว่าการไม่กลั่นแกล้งกันเลยจะดีที่สุด เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้มแข็งและก้าวผ่านมันไปได้เหมือนกับเธอ 

ขอบคุณรูปภาพจาก ONE Championship Thailand, stamp_fairtex

ติดตามและอัปเดตตารางการแข่งและผลงานสุดมันส์ของ Stamp Fairtex ทั้งหมดได้ที่ Stamp Fairtex, stamp_fairtex