ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมหรือสายอาชีพไหนก็ตามคุณจะต้องรู้จักปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพียงแค่คุณเล่นอินเทอร์เน็ต ใช้โซเชียลมีเดียอยู่เป็นประจำ ปัญญาประดิษฐ์ก็อยู่ในชีวิตประจำวันของคุณแล้ว
หากผู้อ่านที่ติดตาม EQ มาตลอดทั้งปีจะเคยเห็นบทความที่เราเขียนเกี่ยวกับอาชีพที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งในบทความนั้นเป็นมุมมองที่ยังไม่มี Experience หรือ ประสบการณ์ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์มากนักเป็นการวิเคราะห์จากรูปแบบงานที่มีแนวโน้มจะถูกแทนที่สูง
เนื่องด้วยโอกาสที่ 2023 เป็นปีของพวกมัน เราจึงอยากจะเขียนถึงการอยู่ร่วมกันในชีวิตประจำวันและอนาคตว่าปัญญาประดิษฐ์และมนุษย์จะมีทิศทางเป็นอย่างไร?
ย้อนไทม์ไลน์ปีแห่งปัญญาประดิษฐ์
ปัญญาประดิษฐ์เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงมายาวนานมากๆ ตั้งแต่ยุคทองของบิดาแห่งคอมพิวเตอร์ Alan Turing ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 แนวคิดเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ก็ได้รับการคิดค้นขึ้นและพยายามที่จะพัฒนาให้มันมีประสิทธิภาพเสมอมา แต่ด้วยองค์ความรู้ที่มีอยู่ในสมัยนั้นไม่สามารถเติมเต็มการพัฒนาที่สมบูรณ์แบบให้กับปัญญาประดิษฐ์ได้ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ปัญญาประดิษฐ์ถูกพูดถึงในหมู่ผู้พัฒนาเฉพาะทางเท่านั้น จนกระทั่งปลายปี 2022
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 เปรียบเสมือนวันเริ่มต้นแห่งยุคทองของปัญญาประดิษฐ์ เป็นวันที่ ‘ChatGPT’ ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้โมเดล LLM หรือ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ ในการประมวลผลได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ด้วยความเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแต่เข้าใจง่ายด้วยรูปแบบ ‘Chatbot’ ทำให้ปัญญาประดิษฐ์ไม่เป็นเพียงแค่เทคโนโลยีเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป
ความนิยมของ ChatGPT มีมากยิ่งขึ้น ผู้คนหลากหลายกลุ่มหันมาสนใจและใช้งานกันมากยิ่งขึ้น องค์ความรู้และข้อมูลที่ใช้ในการฝึกฝน ChatGPT มีมากยิ่งขึ้นทำให้มันมีความฉลาดมากขึ้นตาม ความฉลาดของมันสร้างความประทับใจให้กับมนุษย์ผู้ใช้งาน และถือว่าเป็นประตูที่เปิดกว้างให้ปัญญาประดิษฐ์ตัวอื่นๆ ถูกเผยแพร่มาเพิ่มเติม
ปัญญาประดิษฐ์แต่งรูป ปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์รูปตามคำสั่ง (Prompt) ปัญญาประดิษฐ์สร้างวิดีโอจากรูป ปัญญาประดิษฐ์สร้างสไลด์นำเสนอ เป็นต้น ในความเป็นจริงมันมีมากมายกว่านี้ และมีจำนวนที่มากขนาดที่คุณไม่มีทางที่จะใช้งานมันทุกตัวได้แน่ๆ นำไปสู่ความเป็นปีทองของ ‘ปัญญาประดิษฐ์’
ความตื่นเต้นแปรเปลี่ยนเป็นความกลัว…
ความฉลาดของปัญญาประดิษฐ์นอกเหนือที่จะมอบความประทับใจให้กับมนุษย์แล้ว ยังมอบความกลัวให้กับมนุษย์อีกด้วย เพราะความใหม่ของเทคโนโลยี ความไม่เข้าใจในกระบวนการทำงาน ความไม่เข้าใจโครงสร้าง ล้วนแล้วแต่ส่งผลทำให้มนุษย์เกิดความกลัว พวกมันจะสามารถทำอะไรได้อีก พวกมันจะเป็นเหมือนในภาพยนตร์หรือไม่ที่มีความคิดเป็นของตัวเองแล้วทรยศมนุษย์ ถ้าให้กล่าวตามตรงก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้แต่คงไม่มีอะไรการันตี และคงเป็นเรื่องที่ยังเร็วไปหากจะกังวลในตอนนี้
เรื่องที่กังวลกันจริงๆ คือ “ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์ หรือ ปัญญาประดิษฐ์จะทำหน้าที่แทนมนุษย์ไหม?” เป็นสิ่งที่ผู้คนในสังคมกังวลกันมากกว่า
'ไม่มีทางเป็นไปได้' คือ คำตอบที่ได้รับจากปากของอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์จากรั้วมหาวิทยาลัยเหลืองแดง ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ปัญญาประดิษฐ์จะมาแทนที่มนุษย์และแย่งงานของมนุษย์ไป พวกมันมีหน้าที่ในการทำให้ชีวิตเราดีและง่ายมากขึ้นเท่านั้น จากระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปัญญาประดิษฐ์ช่วยเหลือให้ทำงานง่ายขึ้นมาก เพียงแต่ต้องระวังความถูกต้อง เปรียบพวกมันว่าเป็นเด็กทารกที่พึ่งเรียนรู้องค์ความรู้ต่างๆ ในความเป็นจริงแล้วพวกคุณจะเชื่อเด็กทารกไหม? นั่นคือกุญแจที่ทำให้ปัญญาประดิษฐ์เป็นเพียงแค่ผู้ช่วยของมนุษย์
แต่เราจะปฏิเสธว่าปัญญาประดิษฐ์ไม่เข้ามาแย่งงานของมนุษย์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์เลยก็ไม่ได้ เพราะว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) หรือ ทวิตเตอร์ ก็ได้มีการเผยแพร่ว่า “บริษัทแห่งหนึ่งได้เลิกจ้างนักแปลทั้งหมดโดยจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำหน้าที่แทน” สิ่งที่เห็นได้จากเหตุการณ์นี้คือ ปัญญาประดิษฐ์สามารถทดแทนมนุษย์ได้ และบริษัทที่มีความคิดเช่นนี้ไม่มีทางประสบความสำเร็จ
เพราะว่าการแปลด้วยมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ด้วยสำนวนและความเข้าใจในภาษาที่แตกต่างกันไม่มีทางที่ปัญญาประดิษฐ์จะแปลคำว่า 'เยี่ยวมากแม่' เป็นคำชมได้ จึงทำให้ปัญญาประดิษฐ์มีจุดอ่อนส่งผลไปสู่อีกหนึ่งสิ่งที่เราบอกว่าบริษัทนี้จะไม่ประสบความสำเร็จในการใช้ปัญญาประดิษฐ์แทนมนุษย์ ผู้คนที่เสพผลงานจากบริษัทนี้จะได้รับ Mood & Tone ที่จืดชืดหาความน่าเชื่อถือไม่ได้ และจะไม่ได้รับการสนับสนุนในผลงานที่ไม่มีคุณภาพเช่นนี้
สิ่งที่เราอยากจะบอกคือ ความกลัวเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในสิ่งที่เราไม่เข้าใจและพยายามหาคำตอบ ปัญญาประดิษฐ์ยังใหม่สำหรับโลกในยุคปัจจุบันประกอบกับความเห่อของใหม่ทำให้กระแสของมันเต็มไปด้วยความน่าสนใจ แต่ 1 ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่สามารถมาแทนที่มนุษย์อย่างที่พวกเรากลัวกันได้ และถ้ามันจะแทนที่มนุษย์จริงๆ ก็จะแทนที่ในตำแหน่งที่ไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และความไม่น่าเชื่อถือของพวกมันก็ทำให้เกิดตำแหน่งใหม่เป็นตำแหน่งตรวจงานจากปัญญาประดิษฐ์ได้
การปรับตัวเข้ากับชีวิตประจำวันมนุษย์ของปัญญาประดิษฐ์
การปรับตัวของพวกมันเป็นสิ่งที่สะท้อนจากการใช้งานของมนุษย์และทำให้เห็นผลโดยนักพัฒนา แรกเริ่มเราจะเห็นได้ว่าปัญญาประดิษฐ์มีเพียงแค่ Chatbot แต่พอนานวันเข้าความต้องการของมนุษย์มีมากขึ้น พวกเราไม่ต้องการปัญญาประดิษฐ์ที่ตอบคำถามได้อีกต่อไป แต่เราต้องการปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยเหลือเราในงานด้านต่างๆ ได้ ทำให้นักพัฒนาได้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์รูปแบบอื่นๆ ออกมาอีก เพื่อสนองความต้องการของพวกเรา
ในอดีตเราอยากจะวาดรูปตามความคิดในหัวแต่ไม่สามารถทำได้เพราะทักษะการวาดเราไม่มี ในปัจจุบันเราเพียงแค่ Prompt มันด้วยความคิดที่อยู่ในหัวก็สามารถสร้างสรรค์รูปภาพได้แล้วโดยที่ไม่ต้องมีทักษะเลย หลังจากนั้นเราก็ค่อยเอางานที่ได้รับจากปัญญาประดิษฐ์ไปบรีฟศิลปินอีกที
จะเห็นได้ว่าปัญญาประดิษฐ์ปรับตัวอยู่เสมอให้สอดคล้องกับความต้องการที่มากมายของมนุษย์ นอกจากนี้ยิ่งเราใช้งานยิ่งเราออกคำสั่งก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์ให้คุ้นชินกับความต้องการของมนุษย์ได้มากขึ้นอีกด้วย
อนาคตของปัญญาประดิษฐ์ในปี 2024
เราอาจจะไม่ใช่นักพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แต่ในชีวิตประจำวันเราค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับมัน เริ่มต้นกันในสิ่งที่ต้องกังวลสำหรับการมีอยู่ของปัญญาประดิษฐ์ในปี 2024
ปัญญาประดิษฐ์ก็เปรียบเหมือนทารก ที่กำลังเรียนรู้โลกนี้อยู่ และองค์ความรู้ที่น้องเรียนก็คือสิ่งที่อยู่ในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นภาษา การเขียน หรือ การวาดรูป สิ่งที่ควรระวังสำหรับศิลปินคือการอัปโหลดรูปวาดลงบนอินเทอร์เน็ต มันจะเป็นบทเรียนชั้นดีของน้องปัญญาประดิษฐ์ให้ได้ฝึกฝนโดยไม่รู้เลยว่ากำลังลอกเลียนแบบผลงานคนอื่นอยู่ ทางที่ดีศิลปินควรที่จะอัปโหลดด้วยการใส่ลายน้ำเอาไว้
สำหรับสายเขียน สิ่งที่ควรระวังเลยคือการแปล เพราะว่าปัญญาประดิษฐ์มีความฉลาดและแม่นยำในเรื่องภาษามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกโมเดลภาษาขนาดใหญ่ การแปลที่ขาด Storytelling จะถูกปัญญาประดิษฐ์รบกวนอย่างมาก แต่หากคุณเป็นนักแปลที่เต็มไปด้วยทักษะการเล่าเรื่องก็ไม่ต้องกังวลอะไร
ในงานทั่วๆ ไป อย่างงานประจำวันก็น่ากังวลที่องค์กรหรือบริษัทจะใช้ปัญญาประดิษฐ์มาทำหน้าที่แทนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้น มนุษย์ที่อยู่ในสายงานเหล่านี้ควรจะฝึกฝนเรียนรู้ทักษะอื่นๆ เพิ่มเติมเอาไว้เพื่อการย้ายตำแหน่งที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นถึงแม้จะไม่โดนรบกวนด้วยปัญญาประดิษฐ์ก็ควรที่จะสั่งสมความรู้เพิ่มพูนทักษะตลอดเวลา
เราเห็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับปัญญาประดิษฐ์ในปี 2024 ไปแล้ว เรามาพูดถึงแนวโน้มความน่าสนใจของปัญญาประดิษฐ์กันดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไร?
ในปี 2024 รูปและวิดีโอที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์จะมีคุณภาพที่สูงขึ้นมากๆ ยิ่งใช้ Prompt เก่งเท่าไหร่งานสร้างสรรค์ที่ได้ออกมาจะยิ่งมีคุณภาพมากขึ้น เพราะพวกมันได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ จากทารกน่าจะกลายเป็นวัยรุ่นกันหมดแล้ว และโมเดลจากผู้พัฒนาใหม่ๆ ทำให้ความฉลาดยิ่งมากขึ้น
ในด้านภาษาการเขียน ภาษาที่เป็นท้องถิ่น (Local Languages) จะได้รับการรองรับที่มากยิ่งขึ้น ปลายปี 2023 ภาษาไทยก็ได้รับการสร้างโมเดลเฉพาะเพื่อการเรียนรู้แล้ว โอกาสในปี 2024 ที่จะใช้ภาษาไทยแล้วปัญญาประดิษฐ์เข้าใจได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้นก็จะมีมากขึ้น
ปัญญาประดิษฐ์จะอยู่ในฐานะมิตรของมนุษย์มากยิ่งขึ้น จะไม่ใช่ผู้ที่มารบกวนการทำงานอย่างที่เป็นในปี 2023 แต่ความนิยมอาจจะลดน้อยลงไปตามกระแสความสนใจของมนุษย์
ท้ายที่สุดการใช้ปัญญาประดิษฐ์ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ในปี 2024 องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันต่างๆ ต้องออกหนังสือไกด์ไลน์เบื้องต้นต่อการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างถูกต้องเพื่อสร้างสรรค์บรรทัดฐานสากลร่วมกัน แต่กฎหมายควบคุมจะยังไม่ได้รับการพิจารณาเพราะว่า “ปัญญาประดิษฐ์ยังถือว่าเป็นสิ่งใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจอยู่”
'1 ปีกับ AI' ของเราก็จะมีประมาณนี้ ใช้งานให้ถูกจุด ไม่มองว่าพวกมันเป็นศัตรูแต่มองว่าพวกมันคือเครื่องมือที่ทุ่นแรงงานของเราได้ แต่ต้องคำนึงถึงคอมมอนเซนส์ ที่ว่าปัญญาประดิษฐ์อาจจะกำลังละเมิดลิขสิทธิ์ใครอยู่รึเปล่า? ทางที่ดีคือใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในงานที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์จะดีที่สุด และเตรียมรับมือกับความน่ากังวลที่จะเกิดขึ้น และรอชมการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในวงการปัญญาประดิษฐ์ ปี 2024
อ้างอิง