Culture

Do You Hear the People Sing? ฟังเสียงประชาชนผ่าน 8 เพลงการเมือง

‘พื้นที่ศิลปะคือพื้นที่แห่งเสรีภาพ’ คำกล่าวของถนอม ชาภักดี นักวิจารณ์ศิลปะผู้ล่วงลับ บ่งบอกได้ดีถึงหน้าที่ของศิลปะที่สนับสนุนการใช้เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ศิลปะมากมายหลายแขนงเป็นเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพ ที่ประชาชนใช้ส่งเสียงไปยังรัฐ โดยเฉพาะดนตรี ที่ดูจะเป็นเครื่องมือยอดนิยมในการสื่อสารประเด็นทางสังคมและการเมือง ความทุกข์ยาก การต่อสู้ และศักดิ์ศรีของประชาชน

เมื่อดนตรีเข้ามามีบทบาทในการสื่อสารทางการเมือง ‘เพลงการเมือง’ หรือ ‘เพลงประท้วง’ จึงเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม โดยทั่วไป เพลงประเภทนี้จะมุ่งเน้นที่ประเด็นสิทธิมนุษยชน, สิทธิสตรี, สิทธิแรงงาน, สิทธิพลเมือง, สิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์, การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านสงคราม, การปฏิวัติทางเพศ, สิทธิของคนรักเพศเดียวกัน, สิทธิสัตว์, กฎหมายควบคุมปืน ยาเสพติด และยาสูบ ไปจนถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม และอาจถ่ายทอดออกมาผ่านแนวเพลงที่หลากหลาย ตั้งแต่โฟล์ก, คลาสสิก, แจ๊ซ, ร็อก หรือแนวเพลงกระแสหลักอื่นๆ

ท่ามกลางกระแสประวัติศาสตร์และการเมืองที่ผันผวนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพลงมากมายถูกเขียนขึ้นเพื่อตอบโต้อำนาจรัฐ รวมทั้งสะท้อนภาพการเมืองและทัศนคติของสังคมในขณะนั้น จนอาจเรียกได้ว่า บทเพลงเหล่านี้เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์จากเสียงร้องและหัวใจของศิลปิน ที่ขณะเดียวกันก็เป็น ‘ประชาชน’ และนี่คือ 8 เพลงการเมืองที่สะท้อนเสียงของประชาชนไปถึงรัฐ

U2 - Sunday Bloody Sunday (1983)

เพลงเปิดอัลบั้ม ‘War’ ของ U2 ศิลปินรุ่นใหญ่จากดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ เปิดตัวเมื่อปี 1983 หรือ 11 ปี หลังจากเหตุการณ์ ‘วันอาทิตย์นองเลือด’ หรือ ‘Bloody Sunday’ ที่กองทัพอังกฤษโจมตีและสังหารกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านการแบ่งแยกประเทศไอร์แลนด์ ในเมืองเดอร์รี ไอร์แลนด์เหนือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 1972 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ศิลปินดังหลายคนเริ่มแต่งเพลงเพื่อสื่อสารถึงโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น John Lennon และ Paul McCartney แห่ง The Beatles ทว่า U2 กลับเขียนเพลงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ในอีก 11 ปีต่อมา ซึ่ง Bono นักร้องนำของวงกล่าวว่า เพลงนี้ไม่ใช่เพลงสำหรับการประท้วง แต่เป็น ‘การวิงวอนเพื่อมนุษยธรรม’ ต่อการสังหารที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษ และนับจากเพลงนี้เป็นต้นมา U2 ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศิลปินที่เคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเข้มข้น

N.W.A. - F*ck Tha Police (1988)

ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง หนึ่งในแนวเพลงที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อสื่อสารประเด็นทางสังคมและการเมืองมากที่สุดก็คือ ‘ฮิปฮอป’ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากชุมชนคนผิวดำ คนชายขอบที่เผชิญกับความไม่เป็นธรรม และการใช้อำนาจแบบเลือกปฏิบัติของรัฐ และเพลงที่ขึ้นหิ้งความคลาสสิกในการประท้วง ก็หนีไม่พ้น ‘F*ck Tha Police’ ของ N.W.A. ที่กล่าวถึงความโหดร้าย การเลือกปฏิบัติ และการเหยียดเชื้อชาติของตำรวจในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะประโยคเด็ดที่ว่า “They have the authority to kill a minority,” (พวกเขามีอำนาจเต็มที่ในการคร่าชีวิตคนกลุ่มน้อย)

หลังจากที่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมา ได้มีผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ FBI ส่งหนังสือถึงค่ายเพลงของ N.W.A โดยแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับเนื้อเพลง พร้อมระบุว่าเพลงนี้สร้างภาพจำผิดๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทำให้ตำรวจน้ำดีต้องเสียกำลังใจ

อย่างไรก็ตาม F*ck Tha Police กลับมาเป็นเพลงฮิตอีกครั้งในปี 2020 จากกรณีที่ George Floyd ชายผิวดำวัย 46 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมินนิอาโพลิสจับกุมตัว พร้อมเอาเข่ากดที่ลำคอ จน Floyd ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต ความรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่รัฐครั้งนี้ลุกลามจนกลายเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งใหญ่ในชื่อ Black Lives Matter

Public Enemy - Fight the Power (1989)

เพลงประกอบภาพยนตร์ Do The Right Thing ของ Spike Lee ที่ว่าด้วยการเหยียดเชื้อชาติในเมืองใหญ่ และเป็นหนึ่งในเพลงของอัลบั้ม Fear Of A Black Planet ของ Public Enemy ซึ่งมีเนื้อหาต่อต้านอำนาจรัฐ และสะท้อนความภาคภูมิใจของคนผิวดำ ผ่านตัวอย่างและนัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน

แม้ชื่อเพลงจะหมายถึงการต่อสู้กับอำนาจ แต่โดยเนื้อหาแล้ว เพลงนี้ไม่ได้ยุยงส่งเสริมให้ต่อต้านอำนาจของรัฐใดรัฐหนึ่งโดยตรง แต่กระตุ้นเตือนให้ประชาชนลุกขึ้นสู้กับความรุนแรงเชิงอำนาจของรัฐ และ Public Enemy ได้กล่าวผ่านเพลงนี้ว่า ต้องการให้เพลงนี้เป็นเพลงชาติที่สะท้อนความรู้สึกของวัยรุ่นผิวดำในสหรัฐอเมริกา

Fight the Power ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ให้เป็นหนึ่งในเพลงที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

Rage Against The Machine - Killing in the Name (1992)

เพลงที่ผสมผสานระหว่างดนตรีพังก์และฮิปฮอป จากฝีมือของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกอย่าง Rage Against The Machine ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1992 เพื่อสะท้อนเรื่องราวการเสียชีวิตของชายผิวดำ ชื่อ Rodney King ที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยสมาชิกของกรมตำรวจลอสแองเจลิส ในเดือนมีนาคม 1991 โดยกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด ทว่าผลการไต่สวนเมื่อวันที่ 29 เมษายน 1992 ปรากฏว่าตำรวจกลุ่มนี้ไม่มีความผิด นำไปสู่การจลาจลครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960s

Killing in the Name เป็นการประท้วงการใช้อำนาจในทางที่ผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเปรียบเทียบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่ม Ku Klux Klan ที่ไล่ล่าและสังหารคนผิวดำในช่วงปลายทศวรรษ 1860 - ต้นทศวรรษ 1870

The Cranberries - Zombie (1994)

เพลงฮิตจากอัลบั้ม No Need to Argue ของ The Cranberries ซึ่งเขียนขึ้นเพื่อตอบโต้เหตุวางระเบิดของกลุ่ม IRA ที่ใจกลางเมืองวอร์ริงตัน ในอังกฤษ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1993 ซึ่งคร่าชีวิตเด็กสองคน ได้แก่ Johnathan Ball วัย 3 ปี และ Tim Parry วัย 12 ปี ขณะที่ทั้งคู่กำลังเลือกซื้อการ์ดวันแม่ รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บอีก 56 คน

Zombie แต่งขึ้นเพื่อสะท้อนภาพความรุนแรง อันเป็นผลพวงมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งที่เรียกว่า ‘The Troubles’ ซึ่งเกิดขึ้นในไอร์แลนด์เหนือ บ้านเกิดของ Dolores O'Riordan นักร้องนำของวง ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ถึงปี 1998 โดยระหว่างที่เกิดสถานการณ์นี้ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,500 ราย และบาดเจ็บอีกหลายพันคน รวมทั้งยังมีเหตุวางระเบิดเกิดขึ้นกว่า 10,000 ครั้ง จากฝีมือของกองกำลังกึ่งทหารในไอร์แลนด์และอังกฤษ

Green Day - American Idiot (2004)

เพลงจากอัลบั้มชื่อเดียวกันของวงพังก์ร็อกอเมริกัน Green Day แต่งขึ้นเพื่อตอบโต้การประกาศสงครามในอิรัก ของประธานาธิบดี George W Bush ภายหลังจากเหตุโจมตีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001

แนวคิดหลักของเพลง American Idiot คือความกลัว และการรู้สึกเกลียดกลัวชาวต่างชาติ ซึ่งเนื้อเพลงได้วิพากษ์วิจารณ์การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนทั่วโลก ที่ใช้โฆษณาชวนเชื่อสร้างความหวาดระแวงในช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน โดย Billie Joe Armstrong ฟรอนต์แมนของวง กล่าวว่า เขาไม่เคยคิดว่าเพลงนี้จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของ Bush โดยเฉพาะ แต่เป็นเรื่องของความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับผู้คนในขณะนั้น

อย่างไรก็ตาม American Idiot กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งหลังจากที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2016

Janelle Monae - Hell You Talmbout (2015)

Janelle Monae นักร้อง นักแสดง และนักกิจกรรม ที่เคลื่อนไหวในประเด็นความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในสังคม เธอจับมือกับศิลปินอีกหลายคน เพื่อแต่งเพลง Hell You Talmbout เพื่อสะท้อนภาพความรุนแรงที่กระทำต่อคนกลุ่มน้อยในสหรัฐอเมริกา

จุดเด่นของเพลงนี้ คือเนื้อเพลงที่เป็นรายชื่อของคนผิวดำที่เป็นเหยื่อความรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็น Sandra Bland, Trayvon Martin และ Freddie Gray เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนเอ่ยชื่อคนเหล่านี้เพื่อให้เกียรติ

เพลงนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหว Black Lives Matter เพื่อระลึกถึงเหยื่อความรุนแรงที่กระทำโดยตำรวจ โดย Monae เปิดเผยว่า เธอรู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้ทราบข่าวเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยิงประชาชนมือเปล่า และเธอแต่งเพลงนี้ขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่เธอสามารถทำได้ในฐานะศิลปิน นอกจากนี้ เธอยังได้ปล่อยเพลงเวอร์ชันดนตรีบรรเลง เพื่อให้ผู้ฟังสามารถนำไปทำในเวอร์ชันของตัวเองได้ด้วย

Beyonce - Formation (2016)

Formation เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่มีความเป็นการเมืองมากที่สุดของ Beyonce โดยบอกเล่าประเด็นเรื่องความเท่าเทียมในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนำเสนอภาพลักษณ์อันทรงพลังของวัฒนธรรมคนผิวดำ, การกดขี่, ความร่ำรวย, โศกนาฏกรรม และทัศนคติที่ยืดหยุ่น

นอกจากเนื้อเพลงที่ทรงพลังแล้ว มิวสิกวิดีโอของ Formation ยังถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดตัว โดยเปิดเรื่องด้วยภาพของพื้นที่ประสบภัยจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2005 และเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดของนโยบายภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนหลายพันคนกลายเป็นคนไร้บ้าน ไม่มีอาหารและน้ำสะอาดสำหรับใช้อุปโภคบริโภคนานหลายวัน

ซีนหลักของเพลงนี้คือภาพที่ตำรวจยิงเด็กชายผิวดำ สะท้อนถึงความโหดร้ายและการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำความรุนแรงต่อผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กที่เป็นคนผิวดำ

นอกจากนี้ เพลงนี้ยังสื่อสารถึงความสำคัญในการที่ทุกคนจะมีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง โดย Beyonce เคยกล่าวไว้ว่า เธอภูมิใจมากที่เป็นคนผิวดำ และกล่าวว่า เพลงนี้ไม่ใช่เพลงที่พูดถึงความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับประสบการณ์ทั้งหมดของคนผิวดำในสหรัฐอเมริกา ปี 2016 ทั้งมาตรฐานความงาม การเสริมพลังใจ และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์

อ้างอิง

Protest song - Wikipedia

The 50 Greatest Protest Songs (radiox.co.uk)

15+ GREATEST Songs About Protest and Political Unrest in 2023 - Gemtracks Beats

Zombie (The Cranberries song) - Wikipedia

Behind The Meaning of Green Day's Protest Song “American Idiot” (americansongwriter.com)

Fuck tha Police - Wikipedia