ขึ้นชื่อว่า “รถ Benz” คำนี้อาจเป็นค่านิยมของคนในสังคมโดยเฉพาะบ้านเรา ที่ถูกฝังหัวนับตั้งแต่เริ่มเริ่มรู้จักทุนนิยม เป็นชื่อที่สะท้อนถึงความหรูหรา มีระดับ ใครมีประดับจอดไว้ที่บ้านสักคัน บารมีคือเปล่งแสง จนบางทีทำให้หลายคนมองว่ารถจากค่ายนี้เป็นแค่เครื่องหมายของคำว่า “ของมันต้องมี” ยุคแรกๆ จนลืมคุณค่าที่แท้จริงของรถแบรนด์นี้ไปอย่างน่าเสียดาย
เบนซ์ใหม่ๆ ใช่ที่ว่ามีเงินก็หาซื้อได้ไม่ยาก แต่เมื่อเข็มวินาทีพาให้เวลาก้าวผ่าน รถหรูราคาแพงในยุคหนึ่ง กลับกลายเป็นรถเก่าที่อาจเป็นภาพในความทรงจำของใครหลายๆ คน ซึ่งรอเติมเต็มความฝัน และนี่คือเรื่องเล่าของ “ตุ๋ย - สุเทพ เดชอนันตชาติ” กับรถ Mercedes-Benz หลายๆ รุ่นของเขา W124, W123 ฯลฯ ที่จะมาบอกถึงเรื่องราว ประสบการณ์ในการเล่น ทำ ซ่อม เก็บ สะสม ไปจนถึงการจำหน่าย เสน่ห์ของรถเบนซ์แต่ละรุ่นเป็นยังไง พร้อมคำแนะนำสำหรับใครที่อยากจะเริ่มต้นหารถเบนซ์ 90’s มาเล่นสักคัน
ภาพจำของ Benz ในมุมคุณตุ๋ย
ภายใต้ลุคหนุ่มใหญ่ ใจดี สปอร์ตคนนี้ คุณตุ๋ยเล่าให้เราฟังถึงช่วงชีวิตที่เริ่มต้นที่ได้รู้จักกับ Mercedes-Benz ซึ่งไม่ใช่รถของเขาเองแต่เป็นของคุณพ่อ
“สมัยวัยรุ่นสัก 30 ปีที่แล้วตอนเรียนมหาลัย รถของพ่อผมจะใช้ W123 ตัว 4 ประตูอยู่แล้ว เราก็เอารถพ่อขับไปมหาลัย จริงๆ พ่อน่ะเล่นรถมาก่อนผมอย่างพวก Benz Pagoda แต่เราไม่ได้อินกับรถช่วงนั้นไง เราชอบรถช่วงประมาณปี 85-86 สำหรับเราคือไม่เล่นรถแวนก็คูเป้ เพราะราคาจะไม่ตกมาก รถมีน้อย และไม่เหมือนใคร”
“เคยตัดใจ" เพราะไม่รู้จักรถมากพอ
ตามช่วงชีวิต ครั้งวัยรุ่นคุณตุ๋ยเล่าให้ฟังว่า เมื่อได้เป็นเจ้าของรถเบนซ์คันแรกก็จัดการโมดิฟายแบบ “จัดเต็ม” ตามยุคชนิดที่ว่า “ของมันต้องมี” อะไรก็ใส่หมดให้แรง ทว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ได้ไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ทำรถเยอะจนรถไม่น่าขับ เป็นภาพแต่งรถไป ซ่อมไป ติดในหัวก่อเกิดเป็นกำแพงอคติที่มีต่อรถสูงขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้าย! สัมพันธภาพระหว่างคุณตุ๋ยกับรถเบนซ์ก็สิ้นสุดลงไป
“ตอนวัยรุ่นผมเคยใช้เบนซ์มาก่อน ประมาณปี 96-97 ตอนนั้นใช้ C-Class 202 AMG ซื้อป้ายแดงเลย ผนวกด้วยความเป็นวัยรุ่นก็เอาไปทำมันหมด ใส่เทอร์โบ เอารถไปทำจนรถไม่ดีอะ และสุดท้ายก็ขายทิ้งไปผมก็ลืมเบนซไปเลยนะ เพราะมีภาพจำที่ไปว่าเบนซ์มันไม่ดีไปแล้ว”
“ตอนนั้นเลิกเล่นเบนซ์ไป เพราะคิดว่าขับเบนซ์ขาดทุนเยอะ”
“ด้วยเมื่อ 30 ปีที่แล้วการทำเครื่อง แต่งความแรง เทคโนโลยีไม่เหมือนสมัยนี้ มันทำไม่จบแล้วกลายเป็นว่า ‘ยิ่งทำยิ่งเน่า’ ตอนนั้นเลยมีอคติกับรถเบนซ์ของเราไปเลย”
เริ่มต้นใหม่พร้อมกับ Passion
“กลับมาเล่นเบนซ์อีกครั้งเพราะพ่อไปซื้อรถ Benz Pagoda มาก่อน เราก็เห็นว่าเบนซ์พ่อสวย ทำให้นึกถึงครั้งสัมผัสแรกกับรถเบนซ์ของเรานั่นก็คือรถของพ่อที่เอามาขับ W123 ตัวสี่ประตูเลยไปได้ W123 แวนคันสีเทานี้มา และจากนั้นคันอื่นๆ ก็ตามมาเรื่อยๆ ทั้ง W124, W129 ฯลฯ”
ต่อยอดจนครบเครื่อง
“คอนเซ็ปผมรถต้องใช้งานทุกวัน ไปไหนก็ได้ ไปต่างจังหวัดได้ W124 Coupe คันสีเขียวที่ได้ต่อจาก W123 ช่วงนั้นแรกตอนขายป้ายแดงเป็นรถที่ได้รับความนิยมมาก ป้ายแดงคันละ 3.99 ล้าน แพงกว่าตัว 4 ประตูเกือบเท่าตัว คันสีเขียวนี่จริงๆ ได้มาแบบไม่ตั้งใจ เพื่อนส่งมาให้ผม คือแบบตอนแรกเราไม่ชอบเพราะมันเป็นสีเขียว ‘สีแม่งแก่วะ’ แต่เพื่อนอีกคนที่แนะนำบอกคันนี้ ‘รถนอก’ ผมก็เอาเลย”
“ข้อดีของ W124 ถ้าเป็นรถนอกนี่คือก่อนประกอบระบบกันสนิมเขาจะดีมาก คันนี้ผมก็ทำใหม่หมดเลย ได้มาเป็นรถเดิมๆ เลยก็มาแต่งแบบ Brabus ทั้งคัน”
“ส่วน W124 Coupe คันสีดำ จุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์ ของตัวนี้จะเป็นรุ่นเกียร์ 5 Speed รุ่นแรกของเบนซ์ คันนี้ทำเกือบทั้งคัน ไปสไตล์ AMG ชุดแต่งแท้ ภายในพวงมาลัย หัวเกียร์ คันเร่ง เบรกเป็น AMG หมด เน้นโทนดำใส่ฟิล์มดำทั้งคัน”
“SL129 500SL คันนี้พึ่งได้มาไม่นาน ที่สุดของเบนซ์ 90’s ก็ต้องรุ่นนี้แหละคับ สมัยก่อนตอนเปิดตัวคันละ 15 ล้าน ก็เดี๋ยวจะเอาไปทำสี เครื่อง, ช่วงล่าง ผมพึ่งเอาไปทำมาหมดไป 7 หมื่น คือผมได้รถมาจะทำเครื่องยนต์, ช่วงล่าง, สี และภายในเป็นขั้นเป็นตอนไป”
“คือเรากลับมาเล่นแล้วประมาณ 6 ปี รู้หมดละที่ไหนทำอะไรดี ช่วงล่างต้องไปทำที่ไหน เครื่องยนต์ต้องไปจบที่ไหน ภายในที่ไหนทำดี หรือทำสีผมก็ทำที่เดิมเพราะเขาทำดี”
Benz ยังไงก็คือ Benz
“ผมชอบตรงที่ทุกคนมองเบนซ์เหมือนรถอาเสี่ย ความไฮโซมันแม่งเยอะนะ ผมขับเบนซ์เก่าๆ แบบนี้ ขับไปตามห้างกับอีกคนขับ Camry รุ่นใหม่ ยามแม่งเรียกรถเบนซ์ผมให้จอดอะ ทั้งที่รถผมถูกกว่า Camry รุ่นใหม่เสียอีก”
“และอีกข้อคือในยุค 90’s เนี่ย รถเยอรมันจะเป็นสุดยอดเทคโนโลยี เทคโนโลยีเยอรมันนำหน้ารถญี่ปุ่นเยอะมากทั้งอุปกรณ์ภายใน ฟีเจอร์ต่างๆ เยอรมันมีมา 30 กว่าปีละ ญี่ปุ่นพึ่งมีมาเมื่อ 10 ปี”
อุปกรณ์ซื้อมาใส่แต่ได้ขายด้วย
“อุปกรณ์ ของแต่งต่างๆ ล้อ พวงมาลัยเบนซ์ที่สะสมไว้ ตั้งใจซื้อมาใส่รถตัวเอง และมันเริ่มมองเห็นลู่ทางว่าบางอย่างเอามาขายได้ กลายเป็นว่า บางอย่างที่ผมเก็บ บางชิ้นราคาขึ้นดีกว่าทองอีก เพราะอยู่รถ 90’s มันแรงขึ้นมา”
ฝากไว้สำหรับใครที่อยากเริ่มต้น
ด้วยกระแสของรถ 90’s ที่กำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นรถญี่ปุ่นหรือรถยุโรปก็ต่างราคาขึ้นกันถ้วนหน้า เราเลยถามคุณตุ๋ยให้ช่วยแนะนำหน่อยสำหรับใครที่อยากจะหารถสไตล์นี้มาขับเล่นกันบ้าง และเขาก็ให้ข้อคิดได้อย่างน่าสนใจซึ่งน่าจะสะกิดใจคนที่กำลังจะซื้อรถหลายๆ คนได้
“คำแนะนำนะสำหรับใครที่อยากเล่นรถ 90’s นะ ส่วนตัวผมจะเน้นตัวถังภายนอกให้ตัวถังสวยมันจะทำได้ง่ายกว่า ผมเริ่มจากตัวถังสวย ภายในสวย เครื่องเฉยๆ เพราะเครื่องผมทำได้ ถ้าสำหรับมือใหม่คงต้องเล่นแบบ W124 อะไหล่ยังหาได้อยู่ มีบางอย่างที่แพงบ้าง ใช้ในชีวิตประจำวันได้สบาย ซ่อมไม่แพงมาก ช่างทั่วไปยังพอทำได้อยู่”
“เช่น รถคันนึงขาย 300,000 สภาพสวยมาก แต่อีกคันหนึ่ง 80,000 แต่รถเน่ามาก บางคนอาจซื้อรถที่ถูกกว่าคันที่ขาย 80,000 แล้วมาทำมาปั้น แต่จะบอกไว้ว่าหากคุณทำเองให้ได้รถสภาพเทียบเท่าคันที่ขาย 300,000 คุณอาจจะต้องจ่าย 500,000 ก็ได้ นี่ยังไม่รวมค่าเสียเวลา เพราะอะไหล่แต่ละอย่างบางทีบางตัวของเบนซ์มันหาไม่ได้แล้ว หลังๆ เวลาผมซื้อรถก็ยอมซื้อรถแพงหน่อยดีกว่า เน้นรถเดิมๆ ซื้อรถเดิมมันไม่ช้ำเท่าไร”