ก้าวเข้าสู่เดือนของการเฉลิมฉลองกันแล้ว แน่นอนว่าการดื่มคงเป็นภาพที่เราได้เห็นจนชินตา (จริงๆ คงต้องเรียกว่า เห็นได้มากขึ้นกว่าปกติ) เพราะเทศกาลที่เรียงคิวกันเข้ามามากมาย จนคนปาร์ตี้กันไม่หวาดไหว แต่นอกจากวัฒนธรรมการดื่มเฉลิมฉลองอย่างไม่สิ้นสุดแล้ว สิ่งหนึ่งที่คู่กันอย่างขาดไม่ได้กับวัฒนธรรมการดื่ม และการปาร์ตี้ก็คือ ‘อาหาร’ ซึ่งอาหารหลังการปาร์ตี้ก็คงหนีไม่พ้นวัฒนธรรมอาหารโต้รุ่งต่างๆ ทั้งข้าวต้ม ข้าวมันไก่ อาหารประเภทซุปร้อนๆ ไปจนถึงอาหารปิ้งย่างเสียบไม้ที่กินง่ายๆ
ซึ่งสิ่งที่เราพูดมาไม่ใช่วัฒนธรรมที่มีแค่ในประเทศไทย แต่ยังเป็นวัฒนธรรมที่มีร่วมกันของเหล่านักดื่มทั่วโลกอีกด้วย วันนี้เราเลยอยากพาทุกคนสำรวจวัฒนธรรมอาหาร ‘After Party’ จากทุกมุมโลกไปพร้อมๆ กัน
เริ่มกันที่ประเทศไทยกับวัฒนธรรมอาหารหลังผับปิด ซึ่งถ้าจะพูดถึงอาหารที่คู่กับคนเมา เราคงต้องมองไปถึงปัจจัยสำคัญๆ (ซึ่งมีอยู่ไม่กี่อย่าง) ไม่ว่าจะเป็น อาหารที่ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างอาหารประเภทซุปร้อนๆ เช่น ร้านบะหมี่ และก๋วยเตี๋ยวรถเข็นขาประจำ รวมไปถึงร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ให้เหล่านักปาร์ตี้ได้ซดอะไรร้อนๆ เพื่อเรียกสติ
อีกขาประจำสำหรับเหล่านักดื่มคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘หมูปิ้ง’ และ ‘ของทอด’ ที่นอกจะเป็นอาหารที่ใช้มือหยิบกินได้ง่ายๆ แล้ว อาหารมันๆ เหล่านี้ ยังทำงานกับจิตใจ และสมองของเรา ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 และด้วยเหตุที่ว่า สมองของเรามีไขมันเป็นส่วนประกอบมากถึง 60% ทำให้เวลาที่เราเห็นของมันๆ ชุ่มฉ่ำ พร้อมกลิ่นซิกเนเจอร์เตะจมูก ที่มากับเสียงฉ่าของการปิ้ง เสียงน้ำมันที่ใช้ทอด และความกรอบของอาหาร เท่านี้น้ำลายก็ไหล ดึงดูดใจทุกคน (แล้วเหล่านักดื่มจะหนีพ้นได้อย่างไร)
แต่ถ้าจะพูดถึงของกินที่หาง่าย กินง่าย คงไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปกว่า ’ร้านสะดวกซื้อ’ อีกแล้ว เพราะนอกจากสาขาที่เยอะมากจนแทบไม่ต้องเสียเวลามองหาแล้ว ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ยังเปิดให้บริการ 24 ชม. อีกด้วย แถมของกินอุ่นร้อนยังมีตัวเลือกหลากหลายมากเสียจนเลือกไม่ถูกเลย
ที่พูดมานี้ยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเรายังมีสารพัดตัวเลือกอาหารให้ชาวไนท์ไลฟ์ได้เลือกกัน ทั้งเจ้าประจำอย่าง ข้าวมันไก่ ไปจนถึงข้าวขาหมู หรืออาหารยอดฮิตของวัยรุ่น ‘ติดแซ่บ’ อย่าง ยำ ส้มตำ อาหารอีสาน หรือเล้งแซ่บ
แต่อาหารการกินหลังงานปาร์ตี้เป็นวัฒนธรรมที่กระจายอยู่ทั่วทั้งโลก เริ่มจากเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่ต่างก็มีวัฒนธรรมสตรีทฟู้ดของเหล่านักปาร์ตี้เช่นกัน อย่างฝั่งเวียดนามก็มี ‘เฝอ’ ที่อาหารประเภทซุปร้อนๆ, ‘บั๋นหมี่’ หรือแซนด์วิชเวียดนามที่กินง่ายๆ และ ‘บู๊น ถิต เนื้อง’ ที่เป็นหมูย่างกินคู่กับเส้นขนมจีน ส่วนฝั่งฟิลิปปินส์ก็มี ‘Isaw’ หรือไส้ย่าง, ลูกชิ้นปลา, ตีนไก่ย่างที่มีชื่อเล่นคุ้นหูอย่าง ‘Adidas’ และ ‘Silog’ ประกอบด้วยข้าวผัด ไข่ดาว พร้อมด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารแก้แฮงก์ยอดฮิตของชาวฟิลิปปินส์เลยทีเดียว ทั้งหมดที่ว่ามา ดูๆ ไปก็เหมือนจะเป็นวัฒนธรรมอาหารหน้าตาคุ้นเคยในบ้านเราเลยทีเดียว
นอกจากเพื่อนบ้านอาเซียนแล้ว ประเทศไต้หวันก็มีบันหมูแดง, เต้าหู้เหม็น, บะหมี่เนื้อตุ๋น และหอยทอดอีกด้วย หรือจะเป็นทาโก้แบบชาวเม็กซิกัน อาหารสไตล์ทาปาสแบบชาวสเปนที่ทั้งทานง่าย และจัดจ้านสดชื่น นอกจากนี้ยังมีอาหารฟิงเกอร์ฟู้ดอย่างชาวอเมริกันที่หน้าตาแสนคุ้นเคย ทั้งไก่ทอด เบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด ซึ่งทั้งหมดที่พูดมาก็เป็นอาหารที่เข้าข่ายอาหาร After Party ที่เราพูดถึงมาข้างต้นทั้งสิ้น ทั้งของมัน ของร้อน ของรสจัดจ้าน ที่สำคัญคือ เป็นของที่กินง่ายๆ
แต่หลังผับปิดใช่ว่าเหล่านักปาร์ตี้ทุกคนจะพากันกลับบ้าน เพราะมีไม่น้อยเลยที่พวกเขาจะ ‘ไปต่อ’ และแน่นอนว่า ถ้าเป็นคนไทยก็คงจะไปร้านโต้รุ่งที่มีทั้งของกิน และแอลกอฮอล์ให้ดื่มต่อ หรือไม่ก็คงปาร์ตี้ต่อที่บ้าน ซึ่งในเกาหลีใต้มีวัฒนธรรมที่เรียกว่า ‘Hof’ ร้านสำหรับเหล่านักดื่มที่จะได้ไปรวมตัวเอ็นเบียร์และ ‘Anju’ หรืออาหารกับแกล้ม จำพวกไก่ทอด, ต็อกโบกี และกิมจิแพนเค้ก ซึ่งก็ใกล้เคียงกับร้าน ‘Izakaya’ ของญี่ปุ่น ที่เหล่านักดื่มจะไปดื่มเบียร์ พร้อมด้วยอาหารเสียบไม้ย่าง เพื่อสังสรรค์ และพูดคุยกันต่อ
ในความเป็นจริงอาการหิวหลังจบปาร์ตี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นจากการสั่งการของสมอง เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้สมองในส่วน Hypothalamus ถูกกระตุ้นให้อยากอาหารมากขึ้น และคิดว่าเราหิว และต้องการของกิน ซึ่งก็มีศัพท์สแลงที่เรียกอาการนี้ว่า ‘Drunchies’ ซึ่งเหตุผลที่ร่างกายต้องการอาหารมันๆ ในวันที่เราเมาก็เพราะว่า ไขมันมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ได้ช้าลงนั่นเอง (ถึงมันจะทำให้อาการเมาน้อยลง แต่มันไม่ได้ทำให้ผลของแอลกอฮอล์ที่มีต่อร่างกายเปลี่ยนไปแต่อย่างใด) ส่วนการที่เราอยากซดอะไรร้อนๆ ก็เป็นเพราะแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายของเราขาดน้ำ และรู้สึกไม่ดี จึงต้องซดอะไรที่ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นนั่นเอง และที่สำคัญที่สุด ในขณะเมา ศักยภาพในการควบคุมร่างกาย และการตัดสินใจก็จะลดลง เมื่อบวกกับอาการ Drunchies คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเลือกอะไรที่หากินได้ง่ายๆ ก่อนนั่นเอง
ทั้งหมดนี้ก็คือวัฒนธรรมอาหารหลังงานปาร์ตี้ที่ดูๆ ไปก็มีจุดร่วมคล้ายๆ กันในแต่ละมุมโลก ซึ่งเหตุผลก็ไม่ใช่อะไรอื่นไกล แต่เป็นเพราะผลจากแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปนั่นเอง แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็นซุปร้อน สตรีทฟู้ด หรือฟิงเกอร์ฟู้ด ทั้งหมดก็เป็นวัฒนธรรมอาหารที่เป็นข้อพิสูจน์ว่า การดื่ม การเฉลิมฉลอง การเมา และอาหารยามค่ำคืน เป็นของคู่กันจริงๆ แถมยังเป็นคอนเซ็ปต์ที่เข้าใจง่าย และเป็นสากลมากๆ อีกด้วย เรียกได้ว่า ไม่ว่าเราจะเมาที่ไหน สถานีต่อไปก็คือ หาของกิน