ถ้าใครที่ติดตามข่าวสารในแวดวงกีฬาเทนนิสอยู่ จะเห็นว่าเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวน่ายินดีที่ ออมสิน - อัญชิสา ฉันทะ คว้ารางวัลชนะเลิศรายการลีกอาชีพ ITF WorldTennisTour W15 Monastir ประเทศตูนีเซีย มาได้ด้วยวัยเพียง 19 ปี เรียกได้ว่าเป็นนักเทนนิสดาวรุ่งคนล่าสุดของทีมชาติไทยชุดใหญ่ เพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงรายการนี้ เธอก็คว้าเหรียญทองแดง รายการเทนนิสหญิงเดี่ยว ซีเกมส์ 2019 และเหรียญเงิน รายการเอเชีย สคูลเกมส์ 2017 มาด้วย
ผลงานที่เรายกตัวอย่างมาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่เธอได้รับตลอด 5 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนทีมชาติจนถึงปัจจุบัน แต่เราเชื่อว่ามันมากพอที่จะทำให้ชาว EQ เห็นว่าเธอคือนักเทนนิสรุ่นใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยฝีมือและความพยายาม ที่ควรค่าแก่การทำความรู้จักและสมัครเป็นกองเชียร์เป็นอย่างยิ่ง
ส่งต่อความชอบจากพี่ชาย
ก่อนที่จะรู้จักออมสิน อัญชิสา เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักนามสกุล “ฉันทะ” กันมาบ้างแล้ว เพราะเธอเป็นน้องสาวของ โอเว่น - ธนเพชร ฉันทะ นักหวดฝีมือดีทีมชาติไทยรุ่นเดวิส คัพนั่นเอง ซึ่งคนเก่งของ EQ เล่าให้เราฟังว่า ความชอบในเทนนิสตั้งแต่เด็กของพี่ชายได้ถูกส่งต่อมาที่เธอด้วย เพราะได้ลองเล่นเทนนิสก็เพราะได้ไปสนามเทนนิสที่พี่ชายเล่นบ่อยๆ เลยอยากเล่นบ้าง และคุณพ่อก็สนับสนุนเต็มที่ นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอเอาจริงเอาจังกับเทนนิส และเมื่ออายุ 13 ก็มีโอกาสได้เข้ามาฝึกซ้อมที่กรุงเทพฯ อย่างจริงจัง และกลายเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทยภายใน 1 ปีได้สำเร็จ
เอาชนะคู่แข่งในแบบของตัวเอง
“กีฬาเทนนิสจะไม่มีเสมอ มีแค่ชนะกับแพ้ ซึ่งการที่จะสู้ให้ชนะคู่ต่อสู้ได้ เราต้องเริ่มจากชนะตัวเองให้ได้ก่อน”
เธอกล่าวก่อนที่จะเปิดประเด็นว่า การเอาชนะตัวเองของเธอนั่นมีหลายอย่าง ซึ่งครั้งสำคัญที่สุดของเด็กจากประจวบคีรีขันธ์ที่เข้ามาสานฝันการเป็นนักกีฬาในกรุงเทพฯ อย่างเธอ คือการก้าวผ่านความกดดันจากสายตาคนภายนอก
“กว่าจะถึงว่านี้คิดว่ามันยากมากค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรามาจากต่างจังหวัดหรือเพราะอะไร แต่พอเริ่มซ้อมเริ่มแข่งก็รู้สึกว่าช่วงแรกคนมองเราด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บางครั้งก็มีคำพูดที่ว่าเรา ‘ไม่น่าจะไปไกลกว่านี้ได้หรอก’ มันเลยทำให้ต้องเอาชนะสายตาและคำพูดพวกนั้น ด้วยการต้องตั้งใจซ้อม และทำผลงานให้เขาเห็นว่าเราทำได้”
นอกจากนี้ เธอยังบอกอีกว่าอีกแรงสำคัญที่ช่วยให้ก้าวข้ามความกดดันนั้นมาได้คือ การมีพี่ชาย โค้ช และคนรอบข้างที่คอยให้กำลังใจ ทุกคนจะพูดเสมอว่าถ้าไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไรเพราะ มันไม่ใช่แมตซ์สุดท้ายของชีวิต ยังไงพวกเขาก็พร้อมสนับสนุนให้เราไปต่อ
ครั้งหนึ่งที่เกือบล้ม
“ถึงกำลังใจจะดี แต่ก็มีบ้างที่เสียใจและท้อใจเพราะ การแข่งขันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป มีตอนที่ไปแข่งขันต่างประเทศแล้วแพ้บ่อยๆ จนเคยรู้สึกว่าไม่อยากเล่นเทนนิสแล้ว แต่พอกลับไทยก็ได้ลองคิดทบทวนกับตัวเองอีกทีว่ายังอยากเล่นกีฬานี้อยู่ไหม และในเมื่อทุกคนให้กำลังใจ ทำไมเราถึงจะยอมแพ้ มันเลยทำให้เราสู้ต่อมาถึงวันนี้”
ยืนขึ้นใหม่ด้วยความกดดันที่มากกว่า
เมื่อเอาชนะความกดดันในด่านแรกได้แล้ว เธอก็ได้พบกับความกดดันเลเวลสูงสุดในรูปแบบของ ความคาดหวังจากคนอื่น เพราะเมื่อคัดตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ได้ คนก็จะมองว่าเธอเป็นตัวเต็งของรายการ ต้องทำรางวัลได้แน่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรือเรื่องผิดอะไร เพราะเธอก็จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่ามันกดดันมากจริงๆ
พาตัวเองสู่แชมป์ลีกอาชีพ
แม้เธอจะฮึดสู้เพื่อเอาชนะตัวเองมาหลายครั้ง แต่แรงเหล่านั้นก็ไม่เคยหมดไป เธอยังเป็นเด็กสาวที่พัฒนาตัวเองอย่างไม่สิ้นสุดอยู่เสมอ จนทำให้ตอนนี้สามารถไต่ WTA Ranking ขึ้นมาได้ถึงอันดับที่ 760 แล้ว และยังคว้าแชมป์ในรายการลีกเทนนิสอาชีพ W15 เป็นครั้งแรกในชีวิตได้อีกด้วย
“รางวัล W15 ทำให้เราได้พิสูจน์ตัวเองมากเลยค่ะ เพราะสถานการณ์โควิด ทำให้ไม่ได้แข่งรายการนานาชาติแบบนี้มา 2 ปีแล้ว ส่วนรายการในประเทศก็พักมาหลายเดือน พอได้กลับมาแข่งแถมยังเป็นแชมป์ เลยรู้สึกว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้มากเหมือนกัน มันทำให้เราเห็นว่าตัวเองก็สามารถสู้กับคนต่างชาติได้ และมีมุมมองที่ว่าถ้านักกีฬาเทนนิสขยันซ้อมและไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน ก็มีโอกาสที่จะทำอันดับโลกให้สูงขึ้นและคว้าแชมป์รายการอาชีพแบบนี้ได้”
ครั้งหนึ่งที่เคย (เกือบ) หมดไฟ
เท่าที่คุยกับนักกีฬาหลายคนในช่วงโควิด พบว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอกันบ่อยๆ คือ ภาวะ Burn Out ซึ่งออมสินเองบอกเราว่า เธอเป็นหนึ่งในคนที่เคยรู้สึกแบบนั้น เพราะช่วงที่โควิดระบาดหนัก ทำให้ไม่มีรายการแข่งขันเลย จากคนที่เสพติดการฝึกซ้อมและแข่งขันก็เริ่มเบื่อขึ้นมา เพราะซ้อมไปก็ไม่มีแมตซ์ให้แข่ง กลายเป็นคนไม่มีเป้าหมายชีวิตไปเลยช่วงหนึ่ง แต่พอได้ลงแข่งรายการ W15 ก็ทำให้ไฟในตัวเธอถูกจุดให้ติดขึ้นอีกครั้ง
ความท้ายทายที่อยากทำให้ได้
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 9 ปีแล้วที่ออมสินเดินบนเส้นทางนักกีฬา และได้ลงสนามมาแล้วหลายครั้ง มันยังมีอะไรอีกบ้างที่คิดว่าอยากทำให้ได้สักครั้งในชีวิต
“อยากเก่งแบบ คริสติน่า มลาเดโนวิช นักเทนนิสชาวฝรั่งเศสที่เล่นดีทั้งประเภทเดี่ยวและคู่ เพราะเราไม่ถนัดเล่นคู่เลย รู้สึกว่าตัวเองยังประสบการณ์ไม่มากพอที่จะเล่นให้กลมกลืนกับคู่ของตัวเอง และสุดท้ายก็คืออยากขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ใน 5 ของโลกค่ะ”
ถ้าวันนั้นไม่เล่นเทนนิส วันนี้จะ…
“ตั้งใจเรียนอย่างเดียวค่ะ คิดว่าชีวิตน่าจะขาดสีสันไปเยอะเลยถ้าเทียบกันตอนนี้”
แชมป์แรกในลีกอาชีพของออมสิน อัญชิสา ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญในชีวิตเธอเอง เพราะกว่าจะเอาชนะอุปสรรคหลายด่านมาจนถึงวันนี้ได้ ต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นก้าวสำคัญของคอกีฬาอย่างเราด้วย ที่จะมีแมตซ์แข่งขันจากนักกีฬารุ่นใหม่ให้ตามเชียร์กันมากขึ้นด้วย
หลังจากนี้ออมสิน อัญชิสาจะมีแพลนลงแข่งขันทั้งรายการในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาอันดับให้ดีขึ้นอย่างที่ฝัน ซึ่งเธออยากให้ช่วยส่งกำลังใจและติดตามกันต่อไป เพราะในอนาคตจะมีรางวัลเจ๋งๆ มาฝากคนไทยอีกแน่นอน
ติดตามออมสิน อัญชิสา และอัพเดตข่าวสารเทนนิสทั้งหมดได้ที่ Anchisa Chanta, anchisa7, ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย (LTAT)