ความรักสไตล์ BDSM กับ “Thailand BDSM: Let's Play and Learn”

BDSM คนส่วนใหญ่มักจะติดภาพว่าเป็นความรุนแรงที่มีความเจ็บปวดเท่านั้น และมองว่าแปลกประหลาดจากคนในสังคม ความเป็นจริง “BDSM เป็นไลฟ์สไตล์” เหมือนกับงานอดิเรกรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่ว่า BDSM เป็นเรื่องของความรุนแรงประกอบด้วย หรือเป็นเรื่องใช้อำนาจ มีการสวมบทบาท แต่ว่าผ่านการพูดคุยและยินยอมแล้ว โดย BDSM ประกอบด้วย 6 คำคือ Bondage (สภาวะถูกพันธนาการ), Discipline (การลงโทษ), Dominance (การปกครอง เป็นนายหรือเจ้าของ), Submissive (เป็นทาสหรือสัตว์เลี้ยง), Sadism (การมีความสุขจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด) และ Masochism (การมีความสุขจากการถูกผู้อื่นทำให้เจ็บปวด)

Photo Credit Maria Vlasova

นอกจาก BDSM เป็นไลฟ์สไตล์อย่างหนึ่งแล้ว ผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบนี้อาจถูกเข้าใจผิดและเกิดเป็นภาพเหมารวมว่า เป็นความสัมพันธ์เฉพาะเรื่องทางเพศเท่านั้น ทั้งที่ผู้คนไลฟ์สไตล์นี้จำนวนมากอยู่ในความสัมพันธ์แบบคู่รักที่มีความชอบตรงกัน มู่ (แอดมินแมว) และ ปิ (แอดมินหมา) คู่รักเลสเบี้ยนที่มีไลฟ์ไตล์แบบ BDSM และเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก Thailand BDSM : Let's Play and Learn ที่มีผู้ติดตามกว่า 10,000 คน โดยคุณมู่เป็น Dom หรือนายหญิง ส่วนคุณปิเป็น Sub หรือทาส และเป็น Masochism ทั้งคู่ได้มาพูดคุยและเล่าเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์ให้เราได้ฟัง

ความรักไลฟ์สไตล์แบบ BDSM

ปิ: ความรักของหนุ่มสาวหรือคู่รัก LGBTQ+ จะเป็นการให้ความรักและความเมตตาซึ่งกันและกัน ขณะที่ความรักไลฟ์สไตล์แบบ BDSM จะมีที่ลึกซึ่งไปกว่านั้น คำว่า BDSM มีเรื่องการใช้อำนาจ หรือความรุนแรงเพิ่มเข้าไป มันต้องได้รับความยินยอม มันจะเกิดการพูดคุยเพื่อให้ยินยอม เกิดการแลกเปลี่ยนแบบ Power Dynamic คนเราทุกคนมีอำนาจในตัวเอง เป็น +1 และ -1 โดย +1 เป็นหัวหน้า -1 เป็นลูกน้อง คนที่มีความสัมพันธ์แบบ BDSM ก็จะแลกเปลี่ยน +1 และ -1 กัน เอา +1 ให้คนที่เป็น Dom หรือนาย เอา -1 ให้คนที่เป็น Sub หรือทาส พอช่วงที่มีการเพลย์หรือมีซีนที่ผ่านการยินยอมแล้ว มันเป็นอะไรที่เข้าถึงใจ ความต้องการ และบอกเล่าในสิ่งที่ตนเองต้องการ ได้มากกว่าคู่รักแบบทั่วไป เพราะว่า BDSM มันคือความต้องการที่เกือบลึกที่สุดของมนุษย์ และพอมีการเปิดใจเพื่อให้ได้รับการยินยอมจากอีกฝ่าย มันจะเข้าถึงกันได้มากขึ้น มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น

Photo Credit Artem Labunsky

รู้จักตัวเอง

มู่: เริ่มรู้ว่าเรามีความชอบไม่เหมือนคนอื่นตั้งแต่อายุ 18  เราก็เริ่มค้นคว้าจนมาเจอคำว่า BDSM เราเริ่มรู้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเริ่มเพลย์เลย กว่าจะเพลย์ช่วงอายุประมาณ 20

ปิ: เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองชอบการพันธนาการตั้งแต่ช่วงประถมปลาย พอเราเริ่มอ่านการ์ตูน เราอยากเป็นตัวละครในการ์ตูน อยากถูกลักพาตัว ถูกมัด ถูกบังคับเป็นทาสรัก แต่เรารู้ว่าสิ่งนี้คือ BDSM จริงๆ คือ ช่วงที่เราเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ อายุประมาณ 19-20 ปี สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

Photo Credit Artem Labunsky

เริ่มรู้จักและสานสัมพันธ์กัน

ปิ: เมื่อสิบปีก่อน คอมมูนิตี้ของคนไทยรู้จักกันผ่านเว็บบอร์ด แล้วค่อยไปเจอหน้ากัน ณ เวลานั้นเริ่มออกค้นหา อยู่ในช่วงที่เริ่มว่างจาการจบมหาวิทยาลัย รู้สึกอยากหาสิ่งที่มาเติมเต็ม หาสิ่งที่เราเริ่มมีความต้องการมานานแล้ว พอเราเสิร์ชหา เราก็เจอเว็บบอร์ดหนึ่ง มีคนที่เขาทิ้งข้อมูลไว้ คนนั้นเป็นผู้ชาย เป็น Dom หาทาสสาว เรารู้สึกว่าลองไปคุยกับคนนี้ดู เราก็ทักไปคุยกับเขา เขาก็แนะนำตัวและบอกว่าเขามีแฟนเป็นนายหญิงคู่กัน เราก็บอกว่าเราเป็นเลสเบี้ยนไม่เล่นกับผู้ชายอยู่แล้ว เขาก็แนะนำว่าแฟนเขาเป็นไบเซ็คชวล ทักไปคุยได้นะ ชื่อมู่

มู่: ตอนนั้นเรากำลังคบกับผู้ชายคนนี้อยู่ และเริ่มมาเจอสังคม BDSM ในไทย

ปิ: หลังจากนั้นก็เข้าไปคุยในเฟซบุ๊กผ่านแชท เวลาประมาณ 2 เดือนกว่าจะได้รับการตอบกลับจากพี่มู่ เราคุยกันหลายเดือนจนกระทั่งเราแน่ใจว่าพร้อม เราก็นัดเพื่อไปเพลย์กัน และตอนนั้นกำลังจะเลิกกับแฟนผู้หญิง เพราะว่ามันไม่ตอบโจทย์

ความรักและความยินยอม (Consent)

ปิ: ความรักและความยินยอมมันจำเป็นสำหรับไลฟ์สไตล์แบบ BDSM มาก หลายๆ ครั้งเราอยากบอกคนอื่นว่า ต่อให้รักกันมากแค่ไหน ถ้าไม่มีความเข้าใจ ความยินยอม มันก็จะไม่ใช่ BDSM ที่เป็นความสัมพันธ์แบบเฮลท์ตี้ ที่มันจะไปต่อในอนาคตอย่างยั่งยืน 

มู่: ไม่ใช่เพราะรักจึงทน แต่ในกิจกรรมนั้นไม่ได้มีความสุข ไม่ใช่การทนเพราะว่าอีกฝ่ายต้องการ แบบนี้ไม่ใช่ความยินยอม 100% มันอาจเป็นการฝืนใจ

ปิ: สำหรับเราต้องการ BDSM เพื่อตอบสนองความต้องการทางใจและร่างกายของเราอยู่แล้ว แต่เราจะบังคับเอามาจากเขาเลยไม่ได้ มันต้องผ่านความยินยอม ความเข้าใจว่ากิจกรรมที่เราอยากทำมันคืออะไร พอเขาเข้าใจ โอเคกับมัน ยินดีและยินยอมที่จะทำให้เรา 

“ถ้าไม่ยินยอมแบบคอมพลีท เมื่อนั้นไม่ใช่ BDSM มันจะเป็นการทำร้ายร่างกาย และเป็นการล่วงละเมิด”

การปรับตัวและการค้นพบสิ่งใหม่ในการใช้ชีวิตคู่

ปิ: เรามีความชอบ BDSM เหมือนกันแต่บางรายละเอียด เช่น การมัด เราไม่ได้ชอบเหมือนกัน ปิชอบถูกมัดด้วยเชือก ส่วนพี่มู่ชอบกุญแจมือเพราะมันง่าย ไม่เสียเวลา เราก็ต้องมาคุย หาข้อตกลง บางครั้งก็ยอมกุญแจมือ บางครั้งก็ขอเป็นเชือก หรือตอนแรกเราไม่ได้เล่นกันถึงเลือด เราอาจจะมีความรุนแรงก็จริง เพราะเราไม่ได้ค้นพบความชอบนี้ของกันและกัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่เราจบจากการเพลย์ เราก็ไปอาบน้ำมี After Care กัน ในอ่างอาบน้ำเราก็นวดเท้าให้ วันนั้นพี่มู่ก็เอาเท้าใส่เข้ามาในปาก แล้วเล็บเท้าข่วนเพดานปากจนเลือดไหลเยอะมาก กลายเป็นว่าพี่มู่มีอารมณ์ขณะที่เลือดไหลออกมา 

มู่: มันเหมือนว่าเราค้นพบกิจกรรมหรือแนวแบบใหม่ ที่เราไม่เคยคุยกันว่าเราจะเพลย์แบบนี้นะ พึ่งมาค้นพบร่วมกัน 

“การอยู่ด้วยกัน เราเป็นคนที่มาจากต่างที่ต่างครอบครัว ถึงแม้ BDSM เป็นตัวเชื่อมเรา เราก็มีการทะเลาะ การผิดใจในรูปแบบของคนที่เป็นคนรักทั่วไป”

Photo Credit Artem Labunsky

Safe Words และ After Care

มู่: เราไม่ค่อยใช้ Safe Words เพราะเราเพลย์กันนานแล้ว เรารู้ภาษากายของกันแล้ว

ปิ: ไม่ได้มีการใช้เป็นคำพูดนานแล้ว นึกย้อนไปสมัยคบช่วงแรกๆ มีคำว่า “ทะเล” เพราะรู้สึกว่าทะเลคือที่พักใจ ที่ทำให้รารู้สึกสบายใจ รู้สึกสงบ เวลาที่เราโดนบีบคอหรือุดปาก เราจะใช้วิธีการเอามือจับกับต้นขาของอีกฝ่าย ถ้าเราไม่ไหวเราจะปล่อยมือลง เขาจะรู้ว่าความรู้สึกที่เราบีบไว้ เมื่อความรู้สึกที่เราบีบไว้มันหายไป เขาก็จะได้หยุดหรือเบรกเพื่อเช็คว่าเราโอเคไหม

มู่: After Care หลักๆ คือ เรากอดกัน เช็คว่าเขาเจ็บตรงไหน เขารู้สึกดีไหม

ปฏิกิริยาคนรอบข้าง

มู่: มีทั้งกระแสตอบรับทั้งดีและไม่ดี ครึ่งๆ เคยมีเพื่อสนิทคนนึงเข้ารู้ไลฟ์สไตล์นี้ แล้วบอกให้ไปทำบุญ สะเดาะเคราะห์ ที่เราเกิดมาแล้วชอบอะไรประหลาดแบบนี้ แต่คนที่เขาเข้าใจ เขาแค่สงสัยว่ามันเป็นยังไง มันคืออะไร เราก็อธิบาย

ปิ: บอกกับน้องชาย น้องชายเป็นคนค่อนข้างเปิดกว้าง หัวก้าวหน้า เขาก็รับได้เพราะเป็นเรื่องของคุณ ส่วนคุณพ่อรู้ประมาณนึง เขาก็จัดแจงพื้นที่ให้ เราเองก็ทำเทียนทำเชือกขาย และตัดเสื้อขายด้วย พอถามว่าเอาเชือกไปทำอะไร เราก็ตอบว่าเอาเชือกไปมัดคน พ่อก็บอกว่าเคยเห็นอยู่ 

“เราพยายามบอกว่า เราไม่ได้ทำกับใครก็ได้ หรือยอมให้ใครมาทำกับเราก็ได้ เราก็เลือกว่าต้องเป็นคนเข้าใจและมีความชอบตรงกันเท่านั้น ถึงจะทำได้”

อยากฝากอะไรถึงผู้ที่คาดว่ามีไลฟ์สไตล์ BDSM แต่ยังไม่แน่ใจในตัวเอง

ปิ: สำหรับคนที่มีความชอบ ดูหนังหรือเห็นผ่านสื่ออะไรมาก็ตามแล้ว นี่มันฉัน นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ หรืออาจไม่แน่ใจว่าฉันต้องการไหม หรือฉันเป็นขั้วไหน เราอยากให้คุณค่อยๆ ศึกษา เรียนรู้ตัวเอง ตั้งคำถามกับตัวเอง 

ลองค่อยๆ อ่านจากเพจ อ่านจากสื่อหรือเว็บอื่นๆ ก็ได้ ถ้ารู้สึกว่าสิ่งนี้คือตัวเอง มันตอบโจทย์คุณก็มาเข้ากลุ่ม ตอนนี้เราก็มีคอมมูนิตี้เพื่อเข้ามาเจอ เข้ามาพูดคุย เข้ามาค้นหาตัวเองเพิ่มเติม เข้ามาค้นหาคู่เพลย์ของคุณ 

มู่: อย่าพึ่งเครียดและมองว่าตัวเองประหลาด อยากให้หันมามองเราสองคนที่ชอบ BDSM เรากินข้าว เราดูหนัง เราใช้ชีวิตของเราตามปกติ เราไม่ได้ประหลาด มันมีวิธีจัดการกับความชอบอย่างถูกต้อและปลอดภัย แค่เปิดใจและศึกษาค้นคว้าหาทางจัดการเรื่องนี้ในทางที่ถูกต้อง

“คุณไม่ใช่คนที่อยู่คนเดียว ไม่ใช่คนที่ไม่ปกติ ไม่ใช่คนที่แปลก ตราบใดที่คุณไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือล่วงละเมิดคนอื่น มันเป็นแค่ความชอบอย่างนึง คุณมีคนที่ชอบไลฟ์สไตล์เช่นเดียวกัน ออกมาค้นหาตัวเอง ค้นหาคอมมูนิตี้”

Photo Credit Artem Labunsky

ติดตามข่าวสารและทำความเข้าใจ BDSM ได้ที่ Thailand BDSM : Let's Play and Learn