Back to Basic is "Blackdog BKK" วินเทจสไตล์ที่ไม่มีวันเอาท์!

"เสื้อผ้า" บ่งบอกรสนิยมและความชื่นชอบของผู้สวมใส่ แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบและหลงใหลเสื้อผ้าแนววินเทจที่ดีไซน์แตกต่างไม่ซ้ำใคร "Blackdog BKK" คืออีกคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ! จากเสื้อผ้ามือสองวินเทจทั่วๆ ไป ที่ขายย่านสยามสแควร์ซอย 2 เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่คุณ เบว - สุพรรณี จันระวัฒน์ เจ้าของร้าน เกิดจุดประกายไอเดียทำแบรนด์เสื้อผ้าเพราะอยากเก็บเงินไปเที่ยวดูคอนเสิร์ตรอบโลกกับเพื่อนซี้ คุณ ทราย - เขมณัฏฐ์ นามนรเศรษฐ์ จนกลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้าวินเทจสุดชิค Blackdog BKK ที่ทั้งสองสรรสร้างและทำร่วมกันทำแบรนด์ขึ้นมา

ปีนี้เข้าปีที่ 8 เราทำแบรนด์แบบไม่มีความรู้เรื่องการสร้างแบรนด์ ทำจากความชอบและอารมณ์ล้วนๆ ทำให้เจ๊งไปประมาณ 2-3 รอบ เราสู้กันไปเรื่อยๆ จนถึงแมทช์สุดท้าย ตอนนั้นเป็นช่วงที่ยุคออนไลน์ค่อนข้างบูม คนมีความกล้าที่จะแต่งตัวมากขึ้น หรือคนชอบชุดทางเลือกมากขึ้น

จุดเริ่มต้นของ Blackdog bkk

"ใช้เวลาทำแบรนด์ประมาณ 4 ปีหลัง ช่วง 4 ปีแรกคือ ไม่โอเคเลย กระท่อนกระแท่นไปเรื่อยจนเกือบจะเลิกทำแล้ว เพราะต่างคนก็ต่างมีหน้าที่การงานของตัวเอง พอเริ่มทำคอลเลคชันรุ่น No Bra เป็นเสื้อตาข่ายซีทรูและเป็นบอดี้สูท ก็เริ่มเป็นที่นิยมและพีคขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนั้นทรายเลยเริ่มทำการตลาดออนไลน์ เพราะเขาเคยทำกับแบรนด์เครื่องสำอางมาก่อนหน้านี้ โดยหลักๆ เบวเป็นดีไซเนอร์ พอเริ่มเข้าที่เข้าทางและมีเรื่องการตลาดเข้ามาช่วย ทำให้ไปได้เร็วในเรื่องการชอปปิ้งออนไลน์มากขึ้น"

“Blackdog BKK” Free Size Free Style

"อาจเป็นความแปลกค่ะ คนที่ใส่ต้องเป็นคนที่มั่นใจระดับหนึ่ง จริงๆ เสื้อผ้าของทางแบรนด์ค่อนข้างฟรีไซส์ ด้วยผ้ายืดที่เราหามา กว่าจะลงตัว มันยืดได้หลายไซส์มากๆ อย่างคอลเลคชันปลายปีที่ผ่านมา เราได้คุณน้ำหว้า ที่ค่อนข้างอวบมาลองใส่ชุดเรา เพราะชุดของเราใส่ได้ตั้งแต่นางแบบเอวไซส์ 24 ถึง นางแบบเอวไซส์ 36 และเสื้อคอลเลคชันหนึ่งก็สามารถใส่ได้สูงสุดถึง 4 แบบ ยกตัวอย่าง ตัวหนึ่งเป็นเสื้อเปิดไหล่ ที่มีแขนใส่สองข้างและโชว์ไหล่ พอเอาแขนออกและนำไปคล้องคอแทนก็จะเป็นเสื้อแบบหนึ่ง พอนำแขนเสื้อมาผูกบริเวณหน้าอกให้เป็นโบว์ก็เป็นแบบที่ 3 แล้ว อีกแบบก็คือนำแขนเสื้อไปผูกข้างหลังก็กลายเป็นแบบที่ 4"

ก่อนเริ่มทำแบรนด์ เราอยากทำเสื้อผ้าอารมณ์แบบชุดชั้นในที่ใส่เที่ยวได้ อยากทำบราที่ไม่ต้องดันทรง อยากทำลูกไม้เรียบๆ แบนๆ แค่ใส่สูทและแจคเก็ทคลุมก็ใช้ได้ พอทำแบบนั้นจริงๆ ทุกคนก็ใส่บราที่ออกแบบตัวเดียวจบเลย ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เซ็กซี่

Blackdog bkk เสื้อผ้าแยกชิ้นส่วนได้!

"เราไม่ได้จบแฟชั่นดีไซน์มาโดยตรง แต่เราจบศิลปะและชอบทำเสื้อผ้าใส่เอง ชอบถอดอันโน้นมาใส่อันนี้ ประดิษฐ์ประดอยและตัดเย็บเอง มันเลยเหมือนนึกถึงความทรงจำวัยเด็กที่ชอบเล่นตุ๊กตากระดาษ ที่สามารถถอดเข้า-ออกได้ เลยกลายเป็นหลายๆ คอลเลคชันของ Blackdog BKK เลย ที่แขนเสื้อบางตัวสามารถเอาไปใช้กับชุดอื่นได้ มันก็ทำให้รู้สึกคุ้มมากๆ ที่เราไม่ต้องใส่ชุดนั้นชุดเดียวตลอด เราสามารถใส่คอเซทตัวเดียว แล้วเอาแขนที่เราแถมให้ไปใส่กับเเสื้อผ้าตัวอื่น อยากให้สนุกกับการแต่งตัวมากขึ้น"

กว่าจะได้หนึ่งคอลเลคชัน

"คอลเลคชันละ 3 เดือน เริ่มจากงานงานดีไซน์เบวจะเป็นคนคิดทุกอย่าง จากนั้นจะให้ทางดีไซเนอร์ออกแบบให้โดยมีกราฟฟิกช่วยด้วย ส่วนของงานเดือนแรกจึงเป็นงานดีไซน์ การเคาะเรื่อง การทำแบบ และสเก็ตดีไซน์ อีก 2 เดือนที่เหลือคือ สเก็ตหาผ้า ทำลายปริ้น และทำการผลิตค้นแบบให้เสร็จค่ะ โดย 1 ปีจะออกมาประมาณ 4 คอลเลคชัน และมีคอลเลคชันหลัก 2 อันคือ ช่วงซัมเมอร์ที่เปรี้ยว เท่ เซ็กซี่ พอปลายปีจะแอบหวานเว่อร์วังแต่ก็ยังแฝงด้วยความเซ็กซี่อยู่ และอาจมีคอลเลคชันยิบย่อยเพิ่มบ้าง มีทีมงานทั้งหมด 6 คน คือ เบว ทราย กราฟฟิกดีไซน์ ดีไซเนอร์ บัญชี และแอดมิน" 

สิ่งที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้า

"เราอยากให้คนกล้าแต่งตัวและสนุกกับการแต่งตัวมากยิ่งขึ้น เราว่ามันคือ ทัศนคติของแต่ละคนด้วย ตัวเบวเองเป็นคนชอบแต่งตัวแต่ไม่ชอบแต่งหน้า คือ แต่งหน้าไม่เป็น และรู้สึกว่ามันไม่เข้ากับเรา เราเลยแทบจะไม่แต่งหน้า..แต่แต่งตัวจัดมาก! มันก็เลยออกมาแปลกๆ งงๆ เหมือนกัน แต่มันคือตัวเรา มันคือทัศนคติของเรา ก็เหมือนเวลาที่ลูกค้าเห็น เขาต้องมั่นใจและมีความกล้าระดับหนึ่ง แต่ความคิดของแต่ละคนมันแตกต่างกันค่ะ เพราะมันอาจไม่ใช่สไตล์เขา เขาก็คงไม่ซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เราแน่นอน  เพราะฉะนั้น Blackdog bkk คือ การสะท้อนตัวตนของเบว"

การจะเลือกดีไซน์แต่ละคอลเลคชันของ Blackdog bkk ได้แรงบันดาลใจจากการเปิดอินสตาร์แกรมดูเพื่อให้รู้เท่าทันความเป็นไปของเทรนด์โลก..แต่ไม่ได้ตามกระแสจ๋า จึงทำให้เกิดไอเดียที่สดใหม่อยู่เสมอ ทั้งเสื้อผ้าที่ทำจากพรมแต่งบ้าน พรมวินเทจ พรมถักมือ หรือแม้กระทั่งผ้าม่าน ผ้าแคนวาสบางๆ ที่ตัดอย่างปราณีตและพิถีพิถันแบบนับจำนวนตัวได้ และที่สำคัญ เขายังถูกจริตและมีแรงดึงดูดกับเสื้อผ้ามือสอง เพราะหาได้เรื่อยๆ แบบไม่มีวันสิ้นสุด

โดนก๊อปจนชิน!

"อุปสรรคก็มีเรื่อยๆ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ส่วนใหญ่ที่เรารู้สึกว่ามันเครียดมากคือ เราถูกก๊อปเร็วมาก แต่ละคอลเลคชันใช้เวลา 3 เดือนกว่าจะออกขาย กว่าจะสร้างรูป 1 คอลเลคชันจะมีชุดประมาณ 20-40 มันก็จะมีตัวขายดีแบบยอดทะลุเป้า 1-2 แบบ พวกแบรนด์ที่ก๊อปเขาจะรู้ว่าอันไหนขายดี แล้วเขาก็เอาไปทำขายต่อและตัดราคากันสุดๆ อันนั้นล่ะที่เรารู้สึกท้อแท้บ้าง เคยมีทักไปหาคนที่ก๊อป ส่วนใหญ่จะเป็นทรายที่ทักไป คือ ก๊อปแบบถึงขั้นเอารูปเราไปใช้ด้วย เราก็แค่ทักไปบอกเขาว่า ขอความกรุณาลบรูปของเรา บางทีก็โดนเขาบล็อคใส่ไปเลย และเขาก็ด่าเรากลับมาด้วย"

Covid Collection 

"คอลเลคชันชื่อ ‘ตาหวาน’ เป็นคอลเลคชันของปีที่แล้ว เป็นน้องตุ๊กตาตาหวานดีไซน์เป็นเสื้อกล้ามที่ขายในราคาไม่แพงมาก ซึ่งตอนนั้นขายดีมาก ดีแบบยอดขายเยอะกว่าคอลเลคชันใหญ่ๆ บางคอลเลคชัน ทำให้ทุกวันนี้ไม่สามารถฟิกอะไรได้เลย เพราะทุกวันนี้โลกมันไปเร็วมาก เลยต้องลองอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะปกติเสื้อผ้าทางร้านจะเป็นฟาสแฟชั่น ที่หมดซีซั่นหนึ่งก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะลูกค้าบางคนที่ไม่ได้ออกไปไหน ก็อยากใส่เสื้อผ้าอยู่บ้านถ่ายรูปเฉยๆ และราคาไม่แพง แต่ต้องถ่ายรูปออกมาปั๊วะปัง เราเลยต้องปรับในส่วนของราคาและออกแบบให้เร็วขึ้น คิด 1 อาทิตย์ อาทิตย์ต่อมาคือผลิตเสร็จพร้อมขาย"

คนเห็นครั้งแรก ทุกคนต้องถามว่า ใส่ยังไง? ซึ่งบางทีตัวเบวเองก็ยังงงๆ ว่าแล้วมันใส่ยังไง (หัวเราะ) จะโดนถามบ่อยเรื่องนี้ เราก็จะให้ข้อมูลลูกค้าหลายๆ อย่าง เพื่อสร้างความเข้าใจกับลูกค้า

Blackdog BKK ไลฟ์สด

"มันทำให้คนเข้ามาคุยเข้ามาซื้อมากขึ้น เหมือนได้ย้อนกลับไปช่วงแรกๆ ที่ก่อตั้งแบรนด์ ทำกับทราย 2 คนและตอบลูกค้ากันเอง พอมาไลฟ์ ทำให้เราเจอลูกค้าตั้งแต่สมัยที่เบวทำวินเทจแรกๆ เราก็ตกใจเพราะมันนาน 10 กว่าปีแล้ว แต่เขายังอยู่ พอไลฟ์ เสร็จแล้วเขาทักเรามาว่าจำได้ไหม เราก็จำได้และดีใจ เพราการขายออนไลน์เลยทำให้เจอลูกค้าเก่า เหมือนได้เจอเพื่อนเก่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่ได้คุยกัน การไลฟ์ทำให้ลูกค้าเห็นตัวตนเรามากขึ้น กล้าที่จะเข้ามาคุย สนุกนานมากขึ้น และสร้างความบันเทิงให้ลูกค้าด้วย"

เทรนด์ Blackdog BKK และคอลเลคชันต่อไป?

"เรามองในอนาคต อีก 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี มันคงต้องแตกไปอีก และสิ่งที่คิดกันกับทีมไว้คือ เราอยากทำให้ Blackdog bkk เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น อาจมีของใช้และของใช้ในบ้านเข้ามาด้วย อาจมีเสื้อผ้าผู้ชายในบางคอลเลคชันด้วย อาจเป็นเสื้อผ้าที่ค่อนข้างยูนิเซ็กส์มากขึ้น และตอนนี้งานของ Blackdog bkk ก็มีแตกไลน์เพิ่มขึ้นอีก คือ อัพไซเคิล หรือ งานรีเมค เหมือนย้อนกลับไปยุคแรกๆ ที่ขยายความเป็น Blackdog bkk ออกไปอีก การทำงานก็จะเน้นตัวต่อตัวมากขึ้น ได้ลงแรงและใจเยอะขึ้น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากช่วงสถานการณ์โควิดปีที่แล้วซึ่งเป็นแนวสปอต โดยเอาไนกี้ อดิดาส มือสอง มาตัดใหม่ เน้นทำคอเซทเป็นหลัก ซึ่งขายดีมากในปีที่แล้ว จนกลับมาอีกรอบในปีนี้ตอนล็อคดาวน์ เป็นคอลเลคชันผ้าเก่าลายการ์ตูนหรือหนังเก่าที่เป็นผ้ามือสองมาตัดแบบใหม่ในสไตล์เรา ชื่อ Blackdog Holiday แอบขายของ (หัวเราะ)"

ถ้าสถานการณ์โควิดดีขึ้น Blackdog bkk อยากออกงานแฟร์เสื้อผ้า งานมาร์เก็ต และงานเฟสติวัลหรืองานดนตรี เพราะคุณเบวคิดถึงโมเมนท์เหล่านั้น อีกทั้ง ยังอยากให้แบรนด์ Blackdog bkk อยู่ในใจของลูกค้าไปเรื่อยๆ เพราะตนเองและทีมงานยังยืนยันที่จะทำคอลเลคชันเสื้อผ้าออกมาด้วยความใส่ใจต่อไป 

ถ้าให้นิยาม Blackdog BKK

"แบรนด์เสื้อผ้าทางเลือก สำหรับคนที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์แบบเดียวกับเบวและทราย ชื่นชอบการท่องเที่ยวและการแต่งตัวแบบฉีกทุกกฎเกณฑ์ที่ไร้ขีดจำกัด"

ติดตามและอัพเดทคอลเลคชันที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์ได้ที่ Blackdogbkk