เชื่อว่าช่วงนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ครอสฟิต” (CrossFit) การออกกำลังกายยอดฮิตของเหล่ายอดมนุษย์ผู้รักความอึด ทน และแข็งแรง ที่เน้นการออกกำลังกายแบบ Full-body จบทุกกล้ามเนื้อ ภายใน 45 นาที – 1 ชั่วโมง
คนทั่วไปมองแล้วก็คงรู้สึกว่ามันเหนื่อยและหนักมาก แต่ยอดมนุษย์ในวัย 50 ปีอย่างนุช - สลาลินี เอกจิต กลับมองว่ามันมีเสน่ห์มากกว่านั้น ถึงขนาดที่ทำให้คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างเธอเริ่มก้าวเข้าสู่วงการนี้ด้วยวัยใกล้หลักห้า และยังคว้าอันดับที่ 1 ของเอเชีย (ช่วงอายุ 50 – 54 ปี) มาได้อีกด้วย เราเลยอยากพาทุกคนไปลองคุยกับเธอดู ว่าครอสฟิตมีอะไรที่น่าดึงดูดใจได้ขนาดนี้!
มนุษย์ออฟฟิศ vs มนุษย์ครอสฟิต
เชื่อหรือไม่ว่า ก่อนจะมายกเวท วิ่งทน ปีนเชือก หกสูง และแข็งแรงได้ขนาดนี้ พี่นุชเป็นมนุษย์ออฟฟิศที่ไม่เคยสนใจที่จะเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายมาก่อนเลย เรียกง่าย ๆ ว่าสกิลเป็นศูนย์ แต่เมื่ออายุใกล้ห้าสิบ เธอก็พบกับจุดที่ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวเอง
“เมื่อก่อนพี่ออกกำลังกายไม่เป็นเลยสักอย่าง ชีวิตมีแต่เรียนแล้วก็ทำงาน ไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลย เพิ่งจะหันมาสนใจการออกกำลังกายจริงจังเมื่อตอนอายุประมาณ 47 ปีนี่เอง เพราะน้ำหนักตัวเยอะ รู้สึกหายใจลำบาก มีอาการหน้ามืดบ่อย ลุกนั่งลำบาก เดินนิดหน่อยก็หอบ แล้วตอนนั้นลูกเราก็ยังเล็ก มันก็เลยรู้สึกว่าเฮ้ย! เราจะเป็นอะไรไปไม่ได้นะ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาแล้วใครจะดูแลลูก นั่นเลยเป็นจุดเปลี่ยนให้เราต้องทำร่างกายให้แข็งแรงมากที่สุด เพื่ออยู่กับลูกให้นานที่สุด”
ท้าทายขีดจำกัดตัวเอง
พี่นุชเล่าว่าเธอเริ่มจากเดินและวิ่งเบา ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ ขยับไปเป็นระดับมาราธอน และเปลี่ยนมาเล่นครอสฟิตในปัจจุบัน
“เราบอกตัวเองเสมอว่าต้องพยายามมากกว่านี้ พอร่างกายดีจนถึงขั้นวิ่งมาราธอนได้ เลยอยากลองไปออกกำลังกายที่ท้าทายตัวเองมากขึ้น พอดีกับที่ 2 ปีที่แล้ว ได้บังเอิญเห็นโฆษณาเกี่ยวกับครอสฟิต รู้สึกสนใจมาก เพราะเป็นกีฬาที่ดูแข็งแรง ผสมผสานทั้งเวทเทรนนิ่ง ยิมนาสติก และการสร้างกล้ามเนื้อรูปแบบต่างๆ ไว้ด้วยกัน เราคิดว่ามันน่าจะท้าทายขีดจำกัดของตัวเองได้ เลยลองมาเล่นที่ยิม Training Ground แค่ครั้งแรกก็ชอบมากแล้ว รู้สึกเลือกไม่ผิด”
การลงทุนที่คุ้มค่า
ถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งที่ครอสฟิตดึงดูดใจพี่นุชได้ เธอตอบว่า “เสน่ห์ของมัน คือการที่ทำให้เราไต่ระดับไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งเล่นยิ่งทำให้เรารู้สึกพยายามและอยากไปต่อ” ด้วยความแตกต่างจากการออกกำลังกายประเภทอื่นแบบที่บอกไปนี้ ทำให้เธอได้มีโอกาสไปแข่งขันในรายการรูปแบบ Open เพื่อทดสอบความแข็งแรงของตัวเอง จนสามารถคว้าอันดับที่ 1 ของเอเชีย และอันดับที่ 64 ของโลก ในช่วงอายุ 50-54 ปีมาได้
แต่เป้าหมายสูงสุดของเธอไม่ใช่การแข่งขันเพื่อเอาชนะใคร แต่เป็นการแข่งเพื่อเอาชนะใจตัวเอง และทำให้ร่างกายแข็งแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ เธอยังบอกอีกว่า ตั้งแต่เล่นครอสฟิตมา ชีวิตดีขึ้นในหลายอย่าง ไม่เคยเป็นแม้กระทั่งไข้หวัด น้ำหนักตัวก็ลดลง ผิวพรรณดีขึ้น ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
อะไรก็ได้ ถ้าใจถึง
“อายุ เพศ รูปร่าง ไม่ใช่ข้อจำกัดในการเล่นครอสฟิต แต่ความรู้สึกที่ว่าเราทำไม่ได้ต่างหากที่เป็นข้อจำกัด”
เมื่อได้ลองมาสัมผัสครอสฟิตไปพร้อมๆ กับพี่นุช เราก็รู้ได้เลยว่าประโยคนี้คือความจริง เพราะมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ที่ยิมมีโค้ชคอยดูแลใกล้ชิด และสภาพแวดล้อมก็อบอุ่น เหมือนคนในครอบครัวมาเล่นด้วยกัน จะคอยเชียร์อัพและแนะนำกันตลอดคลาส ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็เริ่มเล่นได้ไม่ยากเลยจริงๆ แต่รุ่นพี่เจนสนามอย่างพี่นุชก็ได้แนะนำว่า แม้สภาพแวดจะดูปลอดภัย แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุไม่ได้ ทางที่ดีควรประเมินตัวเองอยู่เสมอว่าเล่นได้แค่ไหน ถ้ายังไม่เคยออกกำลังกายหนัก ก็ควรค่อย ๆ ไปทีละเสต็ป อย่าทำอะไรที่เกินกำลัง และทำตามคำแนะนำของโค้ชอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
จากศูนย์ ถึงร้อยเต็ม
“ถ้าให้ประเมินตัวเองในตอนนี้เทียบกับก่อนออกกำลังกาย พี่ให้ร้อยเต็มนะ เพราะถ้ามองย้อนกลับไป เราจะเห็นผู้ญิงคนหนึ่งที่ร่างกายแย่เหมือนคนอายุ 70 แต่ตอนนี้พี่แข็งแรงขึ้นมาก สามารถเล่นครอสฟิตกับเด็กๆ ได้แล้ว”
สำหรับคนวัยเดียวกันที่อยากจะเริ่มออกกำลังกายบ้าง พี่นุชอยากให้ลองเริ่มจากสิ่งที่เบาๆ ก่อน จะยกแขนยกขาหน้าทีวีวันละไม่กี่นาทีก็ได้ แล้วก็อดทนให้มากๆ พยายามทำให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เพราะช่วงแรกมันจะน่าเบื่อสุดๆ แต่เมื่อเราผ่านจุดนั้นไปได้ ร่างกายก็จะเริ่มชินกับการออกแรง และมันก็จะบอกกับเราเองว่าอยากได้อะไรที่มากกว่านั้น และที่สำคัญอย่าลืมที่จะให้กำลังใจตัวเองด้วย ต้องภูมิใจกับตัวเองให้มาก จะได้มีแรงสู้ต่อ
“ครอสฟิต ทำให้รู้สึกตัวเองแข็งแรงขึ้น มีความภาคภูมิใจในตัวเอง เพราะพี่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้มากกว่าที่เคยคิด”
นี่คือครอสฟิตและชีวิตที่เปลี่ยนไปในแบบฉบับของวัยเก๋าพี่นุช เราหวังว่านี่จะเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนเริ่มที่จะเปลี่ยนตัวเอง และได้รับสิ่งดี ๆ เหล่านี้กลับไปด้วยเช่นกัน
……….ขอขอบคุณสถานที่ ยิม Training Ground Sukumvit 69 ที่ให้เราเข้าไปถ่ายรูปด้วยค่ะ