บิ๊กไบค์ หรือ มอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูง ได้รับความนิยมมากขึ้นในระยะหลังๆ ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่เอื้อต่อการเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของราคา ที่จากเมื่อก่อน การจะมีบิ๊กไบค์สักคัน อาจต้องกำเงินสดหลักล้านไปซื้อ แต่เดี๋ยวนี้ มีเงินดาวน์แค่หลักพัน ก็สามารถหารถบิ๊กไบค์มาครอบครองได้แบบไม่ยากเย็นนัก จนกลายเป็นว่าหันไปทางไหน ก็เจอแต่คนขี่บิ๊กไบค์ทุกสารทิศ
สิ่งสำคัญที่สุด ที่ต้องตระหนักในการขี่บิ๊กไบค์ คือ เรื่องของความปลอดภัย ซึ่งสำหรับผู้ขับขี่หลายๆ คนนั้น ยังขาดประสบการณ์และวุฒิภาวะ ส่งผลให้เกิดปัญหาในเรื่องอุบัติเหตุ ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินตามมา อย่างที่เราได้เห็นดราม่าในโลกโซเชียลอยู่บ่อยๆ นั่นจึงเป็นที่มาของ “ใบขับขี่บิ๊กไบค์” แน่นอนว่าในช่วงแรกๆ ที่มีข่าวว่า ผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ จะต้องมีใบขับขี่สำหรับบิ๊กไบค์โดยเฉพาะ เสียงของชาวไบค์เกอร์ก็แตกออกเป็น 2 ฝั่ง บ้างก็ว่า ดีแล้ว เพราะจะได้แยกกันอย่างชัดเจนไปเลย พร้อมยังเป็นการตัดกลุ่มทักษะและประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้มีแต่คนที่มีความชำนาญแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถขับขี่บิ๊กไบค์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งส่งผลในการช่วยปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ แต่หลายๆ เสียงกลับคัดค้านในขั้นตอนที่ยังขาดความชัดเจน รวมถึงเรื่องของจิตสำนึกโดยส่วนตัวของผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์เอง ที่ต่อให้มีใบขับขี่ แต่หากยังขาดจิตสำนึก หรือวุฒิภาวะที่มากพอ ก็อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายจากการขี่บิ๊กไบค์ได้เช่นกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
ผู้เขียน...ก็เห็นด้วยกับความเห็นจากทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยังคงยืนยันในความถูกต้องว่า หากมีการคัดกรองคุณสมบัติของผู้ขับขี่ในส่วนนี้ ก็ย่อมที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงลดภาพลักษณ์ในแง่ลบของสังคมการขี่บิ๊กไบค์ได้มากยิ่งขึ้น
หลังจากที่มีการพยายามผลักดันกันมาหลายปี ในที่สุด ใบขับขี่บิ๊กไบค์ ก็ดูจะเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 มีการประกาศกฎกระทรวงคมนาคม เรื่องการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาต พ.ศ.2563 ที่จะมีผลบังคับใช้ 120 วัน หลังจากลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งก็คือ หลังจากวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป โดยข้อความสำคัญสำหรับผู้ที่ขับขี่บิ๊กไบค์ก็คือ หากต้องการขี่รถตั้งแต่ 400 ซีซี. หรือรถที่มีกำลังตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ (44 แรงม้า) ขึ้นไป จัดว่าเป็นรถบิ๊กไบค์ ที่จะต้องทำใบขับขี่เฉพาะ มาถึงตรงนี้ทำให้ไบค์เกอร์หลายคนเกิดความสงสัยว่า แล้วถ้าต้องมีใบขับขี่บิ๊กไบค์จริงๆ จะต้องทำอย่างไร และมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เราไปหาคำตอบพร้อมๆ กันครับ
สิ่งสำคัญอย่างแรกเลย คือ เรื่องความสมบูรณ์ของร่างกาย โดยผู้ที่ต้องการทำหรือต่อใบขับขี่ทุกคนจะต้องมีใบรับรองแพทย์ โดยจะต้องไม่มีโรคประจำตัว หรือความบกพร่องทางร่างกายที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการขับขี่ และผู้ขอรับใบขับขี่จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป ต่อมาก็คือ จะต้องได้รับการอบรมทักษะการขับขี่และทดสอบโดยสถาบันที่ได้การรับรอง ซึ่งในที่นี้...คงหนีไม่พ้นศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยจากค่ายมอเตอร์ไซค์แบรนด์ต่างๆ ที่มักจะมีการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับการขับขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์อยู่แล้ว ก่อนที่จะนำใบรับรองที่ได้รับจากศูนย์ฝึกขับขี่ ไปยื่นต่อกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอรับใบขับขี่รถบิ๊กไบค์ต่อไป ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนมองว่าต่อให้ไม่ต้องมีการบังคับทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ ผู้ที่อยากจะขี่ หรือมีบิ๊กไบค์ไว้ครอบครอง ก็ควรที่จะได้รับการอบรมเพื่อสร้างพื้นฐานที่ดี จนสามาถขับขี่รถบิ๊กไบค์ ซึ่งเป็นรถที่มีสมรรถนะสูงกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไปหลายเท่าได้อย่างปลอดภัย
ใบขับขี่บิ๊กไบค์ เงื่อนไขความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน อาจดูเป็นเรื่องไกลตัวหรือเข้าถึงได้ยากหากเรามองเผินๆ อย่างไร้ซึ่งข้อมูล แต่เมื่อใกล้ความเป็นจริงที่ทุกสิ่งเริ่มปรากฎ ต้องบอกว่า การจะมีใบขับขี่บิ๊กไบค์ ดูจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ในเมื่อทุกอย่างที่ต้องใช้ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ผู้ที่จะขับขี่บิ๊กไบค์พึงมี เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า เรานั้นเป็นผู้ที่มีความพร้อมสำหรับการควบคุมสองล้อที่มีสมรรถนะสูงอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่สมบูรณ์ วัยวุฒิที่ถึงพร้อม มีทักษะ ความรู้ รวมถึงประสบการณ์ ที่ล้วนแล้วแต่ต้องนำมาใช้เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัย ซึ่งเชื่อได้เลยว่า หากผู้ขับขี่บิ๊กไบค์มีคุณสมบัติครบทุกข้อดังนี้ จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว