สรงประภา - อาบแสงบนเรือนร่างอันเปล่าเปลือย

เป็นเรื่องบังเอิญที่ชวนให้หลงใหลที่ “สรงประภา” ชื่อถนนอันเป็นที่ตั้งของแกลเลอรี่ใหม่ย่านดอนเมืองของศิลปิน โอ๊ต มณเฑียร มีความหมายถึงการอาบแสง เช่นเดียวกับนิทรรศการชุดล่าสุดของเขา แสดงภาพวาดเรือนร่างของชายมากหน้าหลายตา ที่นอนเปลือยเปล่าอาบแสง ภาพวาดของผู้คนที่แวะเวียนมาเยือนถนนสรงประภานี้ และเปลือยกายอาบแสงเป็นแบบวาดให้ศิลปินในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา

“ฉันคือกะเทยแห่งศตวรรษที่ 19” 

หากจะเปรียบโอ๊ต มณเฑียร เป็นออสการ์ ไวลด์ที่ยังมีลมหายใจก็คงไม่ไกลเกินไปนัก เขาเป็นทั้งนักเขียนฝีมือดี นักจัดนิทรรศการ และศิลปินที่ชวนให้เราครุ่นคิดถึงเรื่องราวของ LGBTQ ให้เป็นที่ถกเถียงผ่านกิจกรรมวาดภาพนู้ดชาย และสไตล์การแต่งตัวที่เผ็ดร้อนกว่าใครๆ -- โอ๊ตยกความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ เข้าปะชุนกับความรู้จากประสบการณ์ใช้ชีวิตในยุโรป รวมไปถึงความหลงใหลในโหราศาสตร์และเรื่องราวของผู้คนในศตวรรษที่ 19 ทำให้โอ๊ตเป็นมนุษย์ที่ดูโดดเด่นและสนุกสนานบนโลกที่เขาคร่ำหวอดอยู่

เมื่อมองไปยังภาพเขียนของชายชาวไทยที่เปลือยราบรายล้อมเราในแกลเลอรี่ โอ๊ตอธิบายว่า 

“นู้ดแนวนอนในประวัติศาสตร์มักจะเห็นเป็นแบบผู้หญิง ซึ่งมันก็จะมีข้อถกเถียงว่าเธอกำลังนอนอยู่หรือเปล่า เธอรู้ตัวหรือยอมให้วาดไหม เพราะฉะนั้นนู้ดแนวนอนจึงมีเรื่องความเสน่หายั่วยวนและเป็นที่ถกเถียงมากกว่าภาพวาดทั่วไป เราจึงสนใจว่าถ้าเป็นร่างผู้ชายจะเป็นเหมือนกันไหม”

อาบแสงตามบทสนทนา

ชายที่มาเป็นแบบให้เหล่านี้ไม่ได้เป็นแบบให้วาดเฉย ๆ เหมือนวิชาดรออิ้ง แต่พวกเขาผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนของศิลปินก่อนจะเอนกายเปลือยเปล่าลงบนเก้าอี้เอนได้ 

แบบเหล่านี้มีทั้งเพื่อนและคนที่ไม่รู้จัก มีหน้าที่และภูมิหลังที่ต่างกันไป โดยแต่ละคนจะต้องเลือกหน้าจากหนังสือที่โอ๊ตเตรียมคอลลาจภาพต่าง ๆ ไว้  1 คู่ ที่มีตั้งแต่ศิลปะสมัยเรเนซองต์ไปจนถึงภาพจากหนังโป๊วินเทจ แบบเดียวกับเลือกไพ่จากมือหมอดู จากนั้นโอ๊ตก็จะถามคำถาม ชวนคุยเรื่องมากมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาเลือก เป็นคำถามที่นำไปสู่ชีวิตส่วนตัวใต้อาภรณ์ของเกย์ ตั้งแต่การถูกล่วงละเมิด การใช้ยาเสพติดขณะมีเซ็กซ์ ไปจนถึงสถานะเอชไอวี แล้วแต่ว่าแบบแต่ละคนอยากพูดถึงเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเอง

ตอนนั้นเองที่โอ๊ตจะถักทอสิ่งที่เรียนรู้เกี่ยวกับตัวแบบมาเป็นการจัดแสง จัดองค์ประกอบตามการอ้างอิงประวัติศาสตร์ศิลป์ รวมไปถึงสิ่งของประกอบภาพ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากบทสนทนาเหล่านี้

ร่างของเกย์ไทย ในสายตาคนนอก ถ่ายทอดโดยเกย์ไทย

“ตัวเราเอง จะมองให้เซ็กซี่หรือน่าดึงดูด ต้องมองจากสายตาฝรั่ง” 

โอ๊ตพูดในฐานะตัวแทนของเกย์สาวผิวแทน ร่างบาง ที่เขาเองก็บอกว่านี่คือระดับล่างสุดของห่วงโซ่อาหารสำหรับเกย์ ในสังคมที่เราเห็นแต่โฆษณาเน้นที่ผิวขาว ดารากล้ามใหญ่ ความเซ็กซี่แบบที่เขาเป็นต้องใช้มุมมองจากสายตาของชาวตะวันตก ชวนให้นึกถึง Orientalism ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของศิลปะในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่ชาวตะวันตกเริ่มเดินทางสู่เอเชียผ่านเส้นทางการค้าขายมากขึ้น ภาพจำของคนเอเชียที่ดูต่างไปผ่านมุมมองพวกเขาจึงปรากฏอยู่บนผลงานภาพวาด เป็นทำนองหลงใหลในความแปลกใหม่โดยไม่ได้เข้าใจในสิ่งนั้นเท่าใดนัก ด้วยเหตุผลนี้ โอ๊ตเลือกที่จะเป็นตัวแทนของสายตาชาวตะวันตกกับนายแบบของเขาเอง 

“นี่เป็นพื้นที่ที่ได้คุยกับตัวเองจริงๆ มองภาพสะท้อนผ่านเราบนตัวแบบที่อยู่ใกล้เรา ที่สีผิวแบบเรา ที่เป็นคนไทย ที่พูดภาษาเดียวกับเรา และทำความเข้าใจว่าเราเองก็สวยงามนะ มันมีเสน่ห์นะ รู้สึกรักตัวเองมากขึ้น”

เหตุผลที่เลือกเดินสาย Queer Art

เมื่อถามว่าเหตุใดเขาจึงวนเวียนอยู่กับเกย์และร่างเปลือย โอ๊ตเล่าว่าในสมัยเด็ก ๆ แม่เปิดร้านคาราโอเกะ ทุกเดือนจะมีปาร์ตี้ที่ต้องให้สาวคาราโอเกะขึ้นไปเต้นเปลื้องผ้า โอ๊ตในวันนั้นได้รับหน้าที่ส่องไฟไปที่ร่างเปลือยของผู้หญิงเหล่านั้น เขาจึงคุ้นเคยกับผิวหนังคนที่ฉาบแสงไฟมาตั้งแต่เด็ก

ในอีกแง่หนึ่ง โอ๊ตตอบว่าเขาต้องทำศิลปะที่จริงใจกับตัวเองที่สุด เพราะงานของเขาเป็นเรื่องของความรู้สึกที่มันปลอมไม่ได้ และตัวตนของเขานอกจากบุคลิกและสไตล์ที่โดดเด่นแล้ว ยังเป็นศิลปินที่มีแนวทางชัดเจนและอัดแน่นไปด้วยความรู้ที่มาจากการค้นคว้า

สุดท้ายโอ๊ตเน้นย้ำว่า ที่เขาทำแต่เรื่องเกย์ก็เพราะว่ามันยังมีไม่มากพอ เรามีนักคิด นักเขียน ศิลปินที่ come out และพูดถึงเรื่องนี้ไม่พอ เรามีตัวอย่างดีๆ ไม่พอ ถ้าวันใดที่เราได้รับความเท่าเทียมกับสังคมชายรักหญิงแล้ว วันนั้นแหละเขาถึงจะหยุด

สรงประภา เปิดให้ชมที่ Bodhisattava Gallery ตั้งแต่ 10.00 - 20.00 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จนถึง 28 กุมภาพันธ์