จูด เบลลิงแฮม ดาวเตะทีมชาติอังกฤษได้เปิดตัวเป็นสมาชิกใหม่ของ 'ราชันชุดขาว' เรอัล มาดริด ไปสักพักหนึ่งแล้ว เพราะตกลงย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวในเบี้องต้นสูงถึง 103 ล้านยูโรเลยทีเดียว แต่ว่ายังไม่นับรวมออปชั่นต่างๆ ที่จะทำให้ค่าตัวเพิ่มขึ้นไปได้อีก ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันเอาไว้นั่นเอง ทำให้ดาวเตะวัย 19 ปีกลายเป็นนักเตะคนที่ 14 ในวงการลูกหนังโลกที่มีค่าตัวจากการย้ายทีมสุดแพงแบบแตะหลัก 100 ล้านตามสกุลเงินยูโรด้วยเช่นกัน จึงได้เดินตามรอยของพวกดาวเตะรุ่นพี่มากถึง 13 รายที่เคยผ่านการมีค่าตัวถึงหลัก 100 ล้านยูโรกันมาแล้วทั้งนั้น โดยอ้างอิงตัวเลขจาก transfermarkt เว็บไซต์ชื่อดังในเรื่องตลาดซื้อขายนักเตะ และสามารถไล่เรียงตามปีที่เกิดการย้ายทีมได้ดังต่อไปนี้เลย
ไล่ตั้งแต่คนแรก นั่นก็คือ แกเรธ เบล ตำนานปีกทีมชาติเวลส์ ซึ่งได้จารึกชื่อเป็นนักเตะคนแรกในวงการลูกหนังโลกที่มีค่าตัวถึงหลัก 101 ล้านยูโร เมื่อตอนที่ย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ในปี 2013 ด้วยค่าตัวตามจำนวนดังกล่าว ซึ่งเคยเป็นสถิติแพงที่สุดของโลกลูกหนังในยุคนั้นไปด้วยเลย
คนที่ 2 นั่นก็คือ ปอล ป็อกบา กองกลางดีกรีทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อตอนที่ย้ายจาก ยูเวนตุส กลับไปร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2016 ด้วยค่าตัว 105 ล้านยูโร ซึ่งเคยเป็นสถิติแพงที่สุดของโลกลูกหนังในยุคนั้นไปเลยด้วยเช่นกัน
คนที่ 3 นั่นก็คือ อุสมาน เดมเบเล่ ปีกทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อตอนที่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ในปี 2017 ด้วยค่าตัว 135 ล้านยูโร
คนที่ 4 นั่นก็คือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กองกลางชาวบราซิเลียน เมื่อตอนที่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ในช่วงต้นปี 2018 ด้วยค่าตัว 145 ล้านยูโร
คนที่ 5 นั่นก็คือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อตอนที่ย้ายจาก โมนาโก ไปร่วมทัพ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปี 2018 ด้วยค่าตัว 180 ล้านยูโร
คนที่ 6 นั่นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส เมื่อตอนที่ย้ายจาก เรอัล มาดริด ไปร่วมทัพ ยูเวนตุส ในปี 2018 ด้วยค่าตัว 117 ล้านยูโร
คนที่ 7 นั่นก็คือ เจา เฟลิกซ์ กองหน้าทีมชาติโปรตุเกส เมื่อตอนที่ย้ายจาก เบนฟิก้า ไปร่วมทัพ แอตเลติโก มาดริด ในปี 2019 ด้วยค่าตัว 127.2 ล้านยูโร
คนที่ 8 นั่นก็คือ อองตวน กรีซมันน์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อตอนที่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด ไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ในปี 2019 ด้วยค่าตัว 120 ล้านยูโร
คนที่ 9 นั่นก็คือ เอเดน อาซาร์ กองกลางทีมชาติเบลเยี่ยม เมื่อตอนที่ย้ายจาก เชลซี ไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ในปี 2019 ด้วยค่าตัว 115 ล้านยูโร
คนที่ 10 นั่นก็คือ โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยี่ยม เมื่อตอนที่ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน ไปร่วมทัพ เชลซี ในปี 2021 ด้วยค่าตัว 113 ล้านยูโร
คนที่ 11 นั่นก็คือ แจ็ค กรีลิช กองกลางทีมชาติอังกฤษ เมื่อตอนที่ย้ายจาก แอสตัน วิลล่า ไปร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2021 ด้วยค่าตัว 117.5 ล้านยูโร
คนที่ 12 นั่นก็คือ เอ็นโซ แฟร์นันเดซ กองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่า เมื่อตอนที่ย้ายจาก เบนฟิก้า ไปร่วมทัพ เชลซี ในช่วงต้นปี 2023 ด้วยค่าตัว 121 ล้านยูโร และยังคงเป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีกแห่งเกาะอังกฤษอยู่ด้วย
ปิดท้ายด้วยคนที่ 13 นั่นก็คือ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล เมื่อตอนที่ย้ายจาก บาร์เซโลน่า ไปร่วมทัพ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปี 2017 ด้วยค่าตัว 222 ล้านยูโร และยังคงเป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบันนี้ต่อไป
ทำให้ จูด เบลลิงแฮม กลายเป็นนักเตะคนที่ 14 ที่มีค่าตัวแตะหลัก 100 ล้านยูโรในช่วงหลังจากที่เซ็นสัญญาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด เป็นเวลานานถึง 6 ปีเลยทีเดียว
ส่องพลังหนุ่ม 'มาดริด' ยุคถ่ายสายเลือดใหม่
เพราะว่ามีนักเตะโบกมืออำลาสโมสรในช่วงหลังจบฤดูกาล 2022/2023 พร้อมกันถึง 4 รายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น มาร์โก อาเซนซิโอ, มาเรียโน่ ดิอาซ, เอแด็ง อาซาร์ รวมถึง คาริม เบนเซม่า ซึ่งตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งกับ อัล อิตติฮัด ในลีกลูกหนังซาอุดิอาระเบียเรียบร้อยแล้ว ทำให้ 'ราชันชุดขาว' เรอัล มาดริด จำเป็นต้องลงทุนซื้อผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพไปเลยด้วย และถือโอกาส 'ถ่ายเลือดใหม่' ในช่วงหลังจากที่ใช้งานพวกนักเตะจอมเก๋ามานานหลายปีแล้วด้วย จึงมีการคว้าตัวพวกเด็กหนุ่มเข้ามาเสริมทัพหลายคนเลย ลองไปไล่เรียงดูขุมกำลังนักเตะของทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกลาลีกา สเปน ในช่วงสร้างทีมไปสู่ยุคใหม่ตามตำแหน่งต่างๆ กันหน่อยดีกว่า
เริ่มต้นกันที่แนวรับยังคงใช้งานพวกนักเตะประสบการณ์สูงเป็นแกนหลัก เพราะว่ายังอยู่กันครบแบบไม่มีใครคิดตีจากไปไหนอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึง เอแดร์ มิลิเทา กองหลังทีมชาติบราซิลวัย 25 ปีที่ได้ย้ายมาร่วมทีมตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนได้ขยับขึ้นไปเป็นพี่ใหญ่เรียบร้อยแล้ว และได้คว้าอดีตเด็กปั้นกลับมาร่วมทีมด้วยกันอีกครั้ง นั่นก็คือ ฟราน การ์เซีย แบ็กซ้ายดีกรีทีมชาติสเปนวัย 23 ปีในช่วงหลังจากที่ปล่อยให้ ราโย บาเยกาโน่ เอาไปใช้งานอยู่หลายปีจนแกร่งกล้าขึ้นเยอะเลย จึงตัดสินใจใช้ออปชั่นซื้อกลับมาในราคาเพียง 5 ล้านยูโร เพื่อให้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในตำแหน่งแบ็กซ้าย เนื่องจาก แฟร์ลองด์ เมนดี้ ฟูลแบ็กชาวฝรั่งเศสมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆ นั่นเอง
ไปต่อกันที่แดนกลางยังคงเป็นจุดที่แข็งแกร่งมากๆ เพราะมีมิดฟิลด์ฝีเท้าดีให้เลือกใช้งานได้แบบช่วง 2 วัยเลยนั่นเอง ไล่ตั้งแต่ 2 จอมเก๋า นั่นก็คือ โทนี่ โครส มิดฟิลด์ชาวเยอรมันวัย 33 ปี และ ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียวัย 37 ปี ซึ่งยังคงพร้อมทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับพวกกองกลางสายเลือดใหม่ต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ มิดฟิลด์ทีมชาติอุรุกวัยวัย 24 ปีที่พร้อมขยับขึ้นไปช่วยแนวรุกจากการสวมบทเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาได้ด้วย รวมถึง 2 ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส นั่นก็คือ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ มิดฟิลด์วัย 23 ปี และ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า มิดฟิลด์วัย 20 ปีที่สามารถถอยลงไปช่วยเกมรับจากการยืนเล่นเป็นแบ็กซ้ายได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เรอัล มาดริด ยังได้ทุ่มเงินคว้า จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษวัย 19 ปีมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวแตะหลัก 100 ล้านยูโรเลยทีเดียว เพื่อให้เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในเรื่องของการคุมเกม และสามารถเติมเกมรุกจากแดนกลางได้ด้วย เนื่องจากดาวเตะชาวเมืองผู้ดีสามารถขยับขึ้นไปช่วยยิงประตูจากแถวสองได้อยู่บ่อยๆ และมีรางวัลการันตีฝีเท้าจากค้าแข้งในศึกบุนเดสลีกา เพราะได้รับเลือกให้คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของลีกสูงสุดเมืองเบียร์จากเมื่อช่วงฤดูกาลที่ผ่านมานั่นเอง แถมยังจัดการคว้า อาร์ด้า กูแลร์ กองกลางดาวรุ่งทีมชาติตุรเคียวัย 18 ปีมาจาก เฟเนร์บาห์เช่ ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร และได้รับการยกย่องให้มีฝีเท้าเทียบเคียงกับ เมซุต โอซิล อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งเคยค้าแข้งกับ 'ราชันชุดขาว' ระหว่างปี 2010-2013 เพราะว่าสวมบทเป็นกองกลางตัวรุกในฐานะเพลย์เมกเกอร์เหมือนกันเลยด้วย
ปิดท้ายด้วยแนวรุกเป็นจุดที่ 'ราชันชุดขาว' จะต้องมีการลงทุนซื้อนักเตะสายเลือดใหม่เข้ามาเสริมทัพเพิ่มเติมกันต่อไป หลังจากที่ปล่อยพวกแนวรุกหมดสัญญาออกไปพร้อมกันถึง 4 ราย โดยเฉพาะ คาริม เบนเซม่า กองหน้าชาวฝรั่งเศสวัย 33 ปีที่ตัดสินใจย้ายไปโกยเงินค่าเหนื่อยก้อนใหญ่ในดินแดนตะวันออกกลางดีกว่า โดยตอนนี้ 2 ตัวริมเส้นทีมชาติบราซิลวัย 22 ปีเท่ากันพอดีเลย นั่นก็คือ โรดริโก้ โกเอส รวมถึง วินิซิอุส จูเนียร์ ยังคงพร้อมแกนหลักในแดนหน้าเหมือนเดิม และมีการดึง บราฮิม ดิอาซ แนวรุกดีกรีทีมชาติสเปนวัย 23 ปีให้ย้ายกลับมาร่วมทีมอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้ เอซี มิลาน ยืมตัวไปใช้งานด้วยสัญญาเช่าแบบยาวๆ ถึง 3 ปีเลยทีเดียว โดยตอนนี้สามารถพัฒนาฝีเท้าให้มีความเก่งกาจมากขึ้นกว่าเดิม จึงพร้อมกลับมาช่วยแนวรุกของทีมต้นสังกัดที่แท้จริงในฐานะนักเตะคลื่นลูกใหม่อีกหนึ่งคนด้วยเช่นกัน แต่ เรอัล มาดริด ยังคงตั้งท่าพร้อมทุ่มเงินซื้อกองหน้าระดับพระกาฬเข้ามาเสริมทัพอีกสักหนึ่งราย
ตอนนี้ เรอัล มาดริด พร้อมเดินทางสร้างทีมไปสู่ยุคใหม่ด้วยผู้เล่น 'พลังหนุ่ม' เพราะมีการถ่ายสายเลือดนักเตะแบบต่อเนื่องเลย และพร้อมลงทุนซื้อพวกคลื่นลูกใหม่เข้ามาเสริมทัพกันต่อไป เพื่อจะได้กลับมาตามล่าความสำเร็จในช่วงฤดูกาลหน้า หลังจากที่ได้แชมป์โคปา เดล เรย์ ติดมือในช่วงซีซั่นที่ผ่านมาเพียงแค่รายการเดียวเท่านั้น