Goose Cafe คาเฟ่ที่ฟื้นคืนลมหายใจและสีสันในย่านพระโขนง

Goose Café Brings Boutique, Minimalist Vibes to Phra Khanong

ย้อนกลับไปเมื่อสามสี่สิบปีก่อน ย่านพระโขนงนับเป็นชุมชนที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของกรุงเทพ คลาคล่ำไปด้วยผู้คน การค้าขาย เป็นชุมทางสำคัญของรถและเรือ สำหรับการเดินทางไปยังจุดหมายอื่นๆ ทำให้ย่านนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โรงหนังเปิดแข่งขันกันถึงหกเจ็ดโรง ห้างไดมารู อาเชี่ยน และศูนย์กลางเครื่องใช้ไฟฟ้า ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใช้ชีวิตในย่านพระโขนงแห่งนี้

แต่เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ความเจริญที่มีอยู่ถูดทดแทนด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ร้านรวงต่างๆ โรงหนัง ตลาด เริ่มถูกทิ้งร้าง แต่ความเสื่อมโทรมที่พยายามคืบคลานเข้ามาทีละนิด ก็ต้องถอยร่นกลับไปอีกครั้ง เมื่อการมาถึงของรถไฟฟ้า สถานที่ซึ่งเคยปิดตัวลงได้กลายมาเป็นคอนโด ผู้คนเริ่มกลับเข้ามาทั้งไทยและเทศ ร้านอาหารใหม่ๆ ความคึกคักมีชีวิตชีวาค่อยๆ ซึมกลับมาในย่านพระโขนงทีละนิด 

หากเดินเข้าถนนปรีดีมาจากสุขุมวิท เราสามารถเห็นร่องรอยความเก่าแก่ของย่านนี้ได้อยู่ สองข้างถนนแออัดไปด้วยตึกแถว ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านทอง ร้านจิปาถะ ที่ยังคงท้าทายกาลเวลาอยู่ จนกระทั่งเข้ามาถึงปรีดีซอย 1 คุณจะพบกับอาคารสีเทาคลุมด้วยโครงเหล็กและบันไดหนีไฟสไตล์นิวยอร์ก ที่ดูไม่เข้าพวกเอาเสียเลย แต่ถ้าเงยหน้ามองจะเห็นป้ายชื่อร้าน ‘Goose Cafe’ ถึงป้ายจะขึ้นว่า Cafe แต่ถ้าได้เข้าไปในร้านและได้ดูเมนูร้านแล้วจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างกับร้านอื่นในย่านนี้อย่างสิ้นเชิง และความเป็น Beyond Cafe ที่เป็นจุดขายของร้านนี้ ที่แตกต่างแน่ๆ คือด้านบนได้แปลงร่างจากห้องแถวกลายเป็นโรงแรมบูติกสุดเก๋ชื่อว่า Goose Living และ Rooftop บาร์ไปด้วย

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Goose Cafe โดยได้นั่งคุยกับคุณป้อ - สราภา เวชภัทรสิริ ถึงเรื่องราวแห่งความเป็นมาของร้านและย่านพระโขนงกัน

จุดเริ่มต้นของ Goose Cafe

ตัวป้อเองเป็นคนที่ชอบไปเที่ยวต่างประเทศมาก และจะเลือกพักโรงแรมที่เป็นดีไซน์โฮเทล มันรู้สึกตื่นตาตื่นใจ มันแปลก ไม่ซ้ำใคร กลับมาแล้วเรามีเรื่องราวเล่าต่อให้คนอื่นฟังได้ ประจวบกับป้อมีร้านอาหารมาก่อนอยู่แล้วชื่อ Taste Mate เปิดมาได้ 8 ปีแล้ว มีทั้งหมด 3 สาขา เป็นร้านเล็กๆ มันเลยเป็นความท้าทายกับตัวเองว่า ถ้าลองทำร้านในขนาดที่ใหญ่ขึ้น อาหารในอีกแนว เลยเกิดเป็นคาเฟ่ขึ้นมา ทั้งหมดรวมกันก็กลายมาเป็นที่นี่

ทำไมถึงเลือกทำเลพระโขนง คิดว่าอะไรคือจุดเด่นและความน่าสนใจของย่านนี้

เมื่อก่อนคุณพ่อเป็นคนย่านนี้ ในสมัยก่อนที่บ้านเราทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า จนกระทั้งวิกฤตต้มยํากุ้งคุณพ่อเลยหันไปทำธุรกิจอื่นแทน ตึกนี้ก็ยังคงอยู่จนมาถึงรุ่นของป้อก็ได้รับตึกนี้มาดูแล

ต้องเล่าก่อนว่า ก่อนหน้านี้ถ้าคิดถึงเรื่องของคาเฟ่หรือร้านอาหาร พระโขนงไม่ใช่แหล่งคาเฟ่ที่คนจะนึกถึงเป็นที่แรกๆ เรามีไอเดียที่ยังไม่มีคนทำในย่านนี้ และเราอยากฟื้นคืนลมหายใจให้กับย่านนี้กลับมาคึกคักและมีสีสันอีกครั้ง เราอยากเป็นผู้เริ่มต้น ผู้นำทางของวัฒนธรรมคาเฟ่ในย่านนี้ อีกอย่างคือ ป้อมองเห็นศักยภาพของคนที่พักอาศัยในบริเวณนี้ทั้งคอนโดฯ บ้าน เราคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่คนเหล่านี้จะได้มีร้านกาแฟน่ารักๆ นั่งเล่น อ่านหนังสือ ทำงานแบบย่านอื่นๆ ซักที 

คอนเซ็ปต์ร้านและอาหาร 

คอนเซ็ปต์ คือ Asian Twist เราเลือกดัดแปลงอาหารไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ผสมผสานอาหารในแต่ละชาติให้ออกมาเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด รับรองได้เลยว่านักชิมทั้งหลายจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรก ความรู้สึกใหม่ อย่างแน่นอน แต่เราก็ยังมองเห็นเทรนด์ของ Camera Eats First ก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของความสวยงามในการจัดจาน เรียกว่ามาตรฐานการจัดจานของเราเป็นแบบ Fine Dining กันเลยทีเดียว

ทำไมต้องเป็น Goose 

คือ Goose มันก็คือเจ้าห่าน แต่สำหรับตัวป้อคำว่า Goose มันพ้องเสียงกับคำกับว่า Good ได้ สโลแกนของเราก็คือ Living a Goose (Good) life, Wild, Fresh and Free ป้อมองว่าชีวิตของคนเรามีความต้องการไม่เหมือนกัน บางคนอยากมีเงินเยอะๆ ส่วนตัวของป้อ เราอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว (Wild), ทานอาหารมีประโยชน์ (Fresh) ที่เป็น Organic Food มีที่พักที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ท เป็นเหมือนอารามทางความรู้สึกและร่างกาย ที่เพียงก้าวเดียวจากภายนอกเข้ามา เราจะรู้สึกได้เลยว่าเราเข้ามาในโลกอีกใบ (Free) นี่หล่ะคือชีวิตที่ดีในนิยามของป้อที่อยากจะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้กับทุกคนที่มีโอกาสได้เข้ามา

ทำไมถึงตัดสินใจทำที่พักคู่ไปด้วยกับร้านอาหาร

ถ้าเราต้องดีไซน์ตึกขึ้นมาใหม่ตึกหนึ่ง แล้วจะทำแต่ร้านอาหารอย่างเดียว ป้อว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเราเคยทำงานด้านการบริการแบบครบวงจรมาก่อน เราคุ้นเคยกับการดูแลในภาพรวม เราเห็นภาพตอนเช้าตื่นจากที่พักเดินลงมาด้วยความหิว หาอะไรทานยามเช้า เราก็เตรียมอาหารเช้าดีๆ พร้อมเสิร์ฟให้กับแขกได้เลย ป้อเลยรู้สึกว่าทั้งสองอย่างมันสามารถเชื่อมถึงกันได้

คอนเซ็ปต์ของโรงแรม ใครคือกลุ่มลูกค้าของที่นี่

กลุ่มลูกค้าคือคนเกาหลี ญี่ปุ่น จีน แต่เอาจริงจะเจอแบบไหนยังไม่แน่ใจ เพราะว่าตั้งแต่สร้างเสร็จเราก็เจอสถานการณ์โควิด ทำให้เรายังเปิดโรงแรมไม่ได้เลย ตัวโรงแรมมีทั้งหมด 20 ห้อง มีทั้งหมด 5 ชั้น ดาดฟ้าคือชั้น 6 ชั้น 2-4 เป็นห้องนอน มีชั้นละ 5 ห้อง

ผลกระทบช่วงโควิดต่อการทำร้านและการปรับตัวในด้านธุรกิจ

ด้วยความที่ป้อวางร้านเอาไว้ในแนว Fine Dining ในราคาที่สามารถจับต้องได้ ด้วยตัวตนของเราแบบนี้ทำให้มีปัญหาเรื่องของการขนส่ง เพราะมันเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่จะต้องเข้ามารับประทานภายในร้าน ถึงจะรู้สึกได้ถึงความตื่นตาตื่นใจ สภาพแวดล้อม บรรยากาศ ทุกอย่างมันเป็นองค์ประกอบร่วมกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องพัฒนาการขนส่งให้คงสภาพเดิมได้มากที่สุด 

ในช่วงที่ผ่านมานี้แม้ว่าจะสามารถเปิดร้านได้อีกครั้ง แต่ก็ยังมีความกังวลใจกันอยู่ ทางร้านจึงได้ปรับปรุงห้องพักให้กลายเป็น Private Dining เพื่อสร้างความสบายใจ และความปลอดภัยสำหรับลูกค้า เพียงแค่มียอดการรับประทานอาหารขั้นค่ำ เราก็พร้อมบริการด้วยห้องและบัทเลอร์ส่วนตัว เหมือนเข้าพักในโรงแรม 

“เราทำทุกทางจริงๆ เพื่อที่จะพยุงตัวและอยู่รอดให้ได้ในสถานการณ์ที่ผ่านมา เราไม่ให้พนักงานเราออกแม้แต่คนเดียวก็ต้องปรับตัวกันไป”

ความหวังของร้าน โรงแรม และโปรเจกต์ที่แพลนไว้ในอนาคต

ในอนาคตจะมี Afternoon Tea ในห้อง, Private Dining และ Seasonal Menu เพิ่มความแปลกใหม่ ความน่าสนใจ แล้วก็ถ้าพูดถึงว่า Goose เนี่ย เวลาเขาเดินหรือเขาบินน่ะ เขาก็จะเป็นจ่าฝูงแล้วก็มีคนตามเป็นแนวแบบสามเหลี่ยม ซึ่งมันก็เหมือนกับลูกน้องของเราที่จะเดินทางไปด้วยกัน อยากให้เขาได้พัฒนาความสามารถของเขา เราอยาากมีสาขาใหม่ๆ ที่จะเดินไปพร้อมๆ กันได้อย่าง Goose

คิดว่าอนาคตของย่านพระโขนงน่าจะไปทิศทางไหน 

ร้านอื่นๆ น่าจะอยากเข้ามาเพราะค่าเช่า ย่านนี้การเดินทางก็ค่อนข้างสะดวกทะลุได้หลายที่ ติดเอกมัย ทองหล่อ ใกล้รถไฟฟ้า ถ้าดูอย่างพื้นที่ข้างๆ แถวเอกมัยทองหล่อ ตอนนี้ค่าเช่าทะลุเพดานไปแล้ว บางตึกนี่ 2 แสน ถ้าแถวนั้นมันเต็มขึ้นมาเมื่อไร ถึงจุดอิ่มเมื่อไร คนก็น่าจะอยากขยับขยายหาสถานที่ใหม่ๆ เราก็อยากจะเป็นคนริเริ่มของย่านนี้ และคิดว่าแถวนี้น่าจะดีขึ้นในอนาคต เรามองทุกคนเป็นคู่ค้า ถ้าเขามาเปิดแล้วเขาแพชชั่นมาได้เลย ถ้าคุณมาเแบบไม่มีความรู้ ไม่มีแพชชั่น มีแค่อยากทำอย่างเดียวมันอาจจะไม่พอ ต้องมีทั้ง Knowledge, Know How ความริเริ่มใหม่ๆ นั้นคือสิ่งสำคัญ 

Signature dishes และเครื่องดื่มที่น่าสนใจของร้าน 

Beer Battered Sea Bass & Toast with Unripe Mango Salad (แซนวิชปลากระพงทอดยำมะม่วง) 

เมนูอังกฤษผสมไทย มาจากความสงสัยว่าทำไม Fish & Chips ถึงเป็นอาหารพิ้นเมือง เหมือนกระเพราบ้านเรา พอทานตอนแรกทานไม่หมด แต่พอมาทานทีหลังยังก็ยังกรอบอยู่ เราเลยไปศึกษาวิธีการดู ก็รู้ว่าที่กรอบอยู่ในนานเพราะเอาไปหมักกับเบียร์ ปลาที่เราใช้ก็เลือกปลาที่เนื้อแน่น สดใหม่ และเอายำมะม่วงที่ปกติทานคู่กับปลากระพงทอดบ้านเรามามิกซ์กัน ซึ่งยำมะม่วงจะนำไปดองก่อนเพื่อความเปรี้ยวเบาๆ คู่กับน้ำจิ้มเมโยซีฟู๊ด กลายเป็นลูกครึ่ง British-Thai ที่เข้ากันมาก

Goose’s Poke Bowl (กู๊ส โปเกโบล์ว)

เมนูนี้แค่เห็นก็เร่งน้ำลายแล้ว จากสีของจานเสิร์ฟและตัวอาหารที่หลากหลาย เป็นอเมริกัน-ญี่ปุ่นซึ่งพอเราผสมพวกซาซิมิ ปลาทูน่า ปลาโอ เรามาใส่ความเป็นไทยลงเป็นเบาๆ ก็คือเป็นพวกมะม่วง หอมเจียวอย่างนี้ค่ะ ก็เป็นเมนูที่ขายดีทีเดียวกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นญี่ปุ่น 

Thong Plu (ทองพลุ)

ขนมทองพลุเนี่ยเป็นขนมโบราณ แล้วที่เราอยากจะทำ Asian Twist ก็เลยรู้สึกว่าเออถ้าเราจะดึงความเป็นไทยเรามาเป็นขนมหวาน ก็น่าจะมีสตอรี่ที่สนุกเล่าเรื่องให้กับคนรุ่นใหม่ฟังเหมือนกันนะ ตัวป้อก็เองเป็นคน GEN Y แต่คน GEN เดียวกันคือไม่มีใครรู้จักเลยนะ เราเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่กันอันนี้เป็นแป้ง เหมือนเป็นแป้งกลวงๆ สมัยก่อนเขาไม่มีปาท่องโก๋ไม่มีเอแคร์ แป้งตัวนี้มันก็พัฒนามาเป็นปาท่องโก๋กับเอแคร์ในปัจจุบันเรานะคะ วิธีการทานเมื่อก่อนเขาจะมีแค่เงาะ เขาก็ไปเชื่อมกับน้ำตาลแล้วก็ทานคู่แป้งทอด แต่เรานำมาทำในแบบ Goose เราก็เอาเนื้อกระท้อนมาทำเป็นไอศกรีม ตัวแป้งก็เอาไปทอด ด้านในจะกลวง เวลารับประทานคู่กับเงาะ เงาะเนี่ยเราเอาไปเชื่อมคาราเมล คาราเมลแบบมีกลิ่นไหม้นิดนึง พอเวลาเราทานคู่กับแป้งแล้วด้านล่างก็เป็น crumble ใบเตยกับไอศครีมกระท้อนก็จะเป็นอีกรสชาติหนึ่งจะได้ความเป็นไทยขึ้นมานะคะ 

Moo Ping Sticky Rice (ข้าวเหนียวหมูปิ้ง)

อันนี้ลูกค้าที่พักกับเราสามารถเลือกทานเป็นอาหารเช้าได้ มาในถาดยาวแบบไทยๆ หมูปิ้งของเราจะอวบอิ่มน้ำ หมักกระเทียม มาพร้อมน้ำจิ้มแจ่วและข้าวเหนียว จัดอย่างสวยงาม เห็นแล้วต้องอยากถ่ายรูปก่อนทาน

HIde & Peach (ไฮด์ แอนด์ พีช)

A couple of decades ago, Phra Khanong was once considered one of Bangkok’s largest neighborhoods. It was both a residential area and a commercial/ transportation hub teeming with shopping malls and standalone cinemas. Over time, the neighborhood somehow lost its appeal. Businesses went bankrupt and buildings were abandoned. However, a period of stagnation didn’t last long. Thanks to the arrival of the BTS skytrain station, the area gradually returned to its former glory. Today, you can find many brand new condominiums and a bustling community of locals and expats alike.

Deep within Pridi Banomyong sois where the old charm of Phra Khanong can still be felt, we have arrived at a handsome gray building featuring a New York-style fire escape. Even though the sign above says Goose Café, this place offers so much more than just your typical café fare. Curious? Thankfully, owner สราภา “ป้อ” เวชภัทรสิริ is here to tell us all about it.

The beginning of Goose Café
”I love traveling overseas. Whenever I do, I always choose to stay at design hotels. I love that they give me a unique experience and it’s fun to tell other people about it. I already run three small restaurants under the name Taste Mate, but I wanted to challenge myself with a bigger one that serves a different kind of food.”

Why did you choose Phra Khanong? What attracted you to the neighborhood?

“My dad came from this area and this place used to be where my family had an electric appliance business. When the 'Tom Yum Kung' financial crisis hit, my dad moved away for a new business opportunity and this building was sort of passed down to me. When people think of cafés and restaurants, Phra Khanong is usually not one of the first neighborhoods that come to their mind. I wanted to introduce café culture to the area. I think it’s time for Phra Khanong residents to have their own cute café where they can hang out or work.”

Can you tell us about the concept of this place? 

“The concept is ‘Asian Twist’ so we put our own twist on Thai, Korean and Japanese cuisine in a fresh and unique way. We know that the ‘Camera eats first’ trend is still very much alive so we focus our attention on plating, making sure it’s on par with fine dining restaurants.”

Where did the name ‘Goose’ come from?

“The word ‘goose’ sounds a bit like ‘good’ which inspired our slogan ‘Good Living, a Goose (Good) life, Wild, Fresh and Free.’ People want different things in life. Some want to have lots of money, but I want to have a good quality of life. I want to live in a good environment where it’s green (Wild) and eat healthy organic food (Fresh). I want to create a place that has a relaxing resort feel to it. Once you step inside, you’ll feel like you’re in a different world (Free).”

Why did you decide to open a hotel as well?

“It doesn’t make sense to renovate a whole building just to run one restaurant. I had a background in overseeing a complete range of hospitality services, so I wanted to offer our guests a complete experience. I think it’s all interconnected.”
 

Who is your target market?

“Korean, Japanese and Chinese visitors. But actually, we haven’t been able to open our hotel yet due to the pandemic. The hotel itself has a total of 20 rooms spread across five floors with a rooftop. Each floor, from second to fourth, has 5 rooms.”

The impact of COVID-19

“Since our concept is affordable fine dining, it’s tricky to translate that whole experience into food delivery. Guests really need to dine in at our restaurant in order to take in the atmosphere. Having said that, we do our best to make sure that when we offer delivery services, it’s done perfectly. Now that we’re allowed to open again, we offer a private room with a personal butler to ensure a safe dining experience for our customers. Just like a hotel.”

“We’ve tried everything we could do to survive the pandemic. We haven't let any of our staff go. We just have to keep adjusting to changes.”  

What else have you got planned for Goose?

“We’ll offer in-room afternoon tea, private dining and seasonal menu to keep things fresh and interesting for our guests. Geese fly in a V formation, just like me and my team of staff. We’re on this journey together and I want to see them grow and develop their skills even further – possibly for new branches.”

How do you foresee the future of Phra Khanong?

“I think there’ll be more cafés and restaurants here due to affordable rent. The location is also very accessible and it’s practically next to Ekamai and Thong Lor. In those neighborhoods, the rent has gone up to 200,000 baht a month, it’s really crazy! As a trailblazer, I believe that the future of Phra Khanong will be bright. I’m in full support of anyone who wants to open a business here as long as they have the passion, the business know-how, and fresh ideas.”

Introducing Goose’s signature dishes 

Beer Battered Sea Bass & Toast with Unripe Mango Salad
“I always wondered why the fish in England’s national dish fish & chips can stay crispy for a really long time. I found out later that the secret lies in the beer marinade and the quality of the fish. We pair the beer battered sea bass with lightly pickled mango salad and serve it with seafood nam jim mayo on the side. It’s our take on the British classic with a Thai twist.”

Goose’s Poke Bowl

“This colorful bowl comes loaded with tuna and longtail tuna sashimi, topped with Thai ingredients like mango and fried shallots. It’s one of the best sellers among our Japanese guests.”

Thong Plu

“Thong plu is a traditional Thai dessert that not a lot of people in my generation know about. It’s basically fried dough balls served with rambutan in syrup. For the Goose version, we serve the fried dough with rambutan in burnt caramel, santol ice cream, and pandan crumble.” 

Moo Ping Sticky Rice

“This is one of our breakfast options. Our juicy grilled pork is marinated with garlic and served with a side of nam jim jaew dipping sauce and sticky rice.” 

Hide & Peach

“This is a blend of strawberry tea, peach juice, pineapple juice, and a smidge of Thai chili jam. It has a subtle tom yum goong vibe to it. One sip is not enough!”

Tang-Mo-Ho-Ra-Pha

“Thailand is a tropical country so we had this idea of mixing watermelon, which helps cool you down, with sweet basil, soda water, and honey. The drink is similar to mojito, except we use honey and our own homemade syrup instead of sugar.” 

Goose’s Fun Facts 

1. The goose figures come from Bolivia. Guests can buy them as a souvenir.

2. The fifth floor will host guests’ activities such as ceramic workshops and other fun projects.

3. The ‘Wide Balcony’ room gets substantial sunlight coming from the main street. The room is painted in gray and green the color of Toulouse goose. The lamps are made in Chiang Mai and the headboard is made from recycled materials. Each room features a different color of this handmade headboard.