“ที่ใดมีอำนาจ ที่นั่นย่อมมีการต่อต้านขัดขืน” (มิเชต ฟูโกต์, 1978: 95-96)
ในสังคมที่ผู้มีอำนาจไร้เยื่อใยต่อประชาชน การใช้อำนาจตามระบบที่เอื้อประโยชน์กับพวกพ้องของคนเอง การละเลยความทุกข์ยาก ยังแต่จะสร้างความตึงเครียดให้กับคนในสังคม แน่นอนว่าจะต้องมีการนำพาการต่อต้านให้เกิดขึ้นในสังคม มีม (Meme) ก็เป็นหนึ่งในนั้น ความขบขันที่กัดเซาะอำนาจ และสามารถเข้าถึงผู้คนได้อย่างง่าย
“มีม (Meme) เปรียบเสมือน Fast Food บนอินเทอร์เน็ต สื่อสารได้รวดเร็ว ตรงจุด เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน และมีมก็เป็นสิ่งเก็บรวมประวัติศาสตร์ ค่านิยม เรื่องราวต่างๆ ของสังคมในแต่ละช่วงเวลาที่มีมนั้นเกิดขึ้นอีกด้วย”
นี่คือมุมมองของเพจ “AH SHIT, HERE WE GO AGAIN” เพจมีมที่กะเทาะสภาพสังคมปัจจุบันได้อย่างเจ็บแสบ และแฝงด้วยความตลกร้าย เพจนี้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปีที่แล้ว จากความคับแค้นใจต่อผู้มีอำนาจในสังคม บวกกับต้องการระบายความรู้สึกโกรธออกมา แต่ต้องการทำให้ดูซอฟต์ลง จนกลายเป็นเพจมีมในแนวทาง Bad Joke เสียดสีสังคมอย่างในปัจจุบัน
ที่มาของชื่อทางเพจได้บอกกับเราว่า “เกิดจากมีมฝรั่ง ที่ CJ ตัวเอกของเกมส์ Grand Theft Auto: San Andreas พูดว่า ‘AH SHIT, HERE WE GO AGAIN’ ขึ้น ตอนที่เขาพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก มีมนี้มักใช้กับสถานการณ์น่าหนักใจที่ไม่อยากเจอแต่ก็ต้องเจอ ซึ่งประโยคนั้นเข้ากับบริบทการเมืองไทยเป็นอย่างมาก”
"ไอ้เหี้*เอ้ย นี่พวกเราต้องวนเวียนกลับมาจุดเดิมอีกแล้วเหรอว่ะ"
(AH SHIT, HERE WE GO AGAIN)
เมื่อนั่งดูมีมของเพจไปเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่ามีมจะเสียดสีการเมืองและแซะผู้มีอำนาจเป็นส่วนใหญ่ เราจึงถามว่าทำไมถึงเลือกทำเพจมีมเสียดสีการเมืองและผู้มีอำนาจ และคิดว่ามีมกับการเมืองสามารถขับเคลื่อนสังคมได้จริงไหม ทางเพจได้ตอบกลับว่า
“มีมที่เราทำอยู่เป็นแค่การสะท้อนปัญหาให้ผู้คนในสังคมได้ฉุกคิดก็เท่านั้น ส่วนผู้คนที่เริ่มฉุกคิดกับมีมของเราจะทำอย่างไรต่อไปกับสังคมนี้ ก็เป็นเรื่องที่เราต้องมาช่วยกันออกแบบสังคมในอนาคตแบบที่เราต้องการร่วมกัน ถ้าย้อนดูมีมทั้งหมดของเพจจะเห็นได้ว่า จุดยืนของเราคือเสียดสีทุกเรื่อง ในเรื่องที่เราคิดว่าฉุดรั้งสังคมไทยให้ไม่เกิดการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ความเชื่อ และค่านิยมต่างๆ ในสังคม แต่การที่เราโฟกัสผู้มีอำนาจและชนชั้นนำเป็นหลัก เพราะเราเชื่อว่ากลุ่มคนพวกนั้นเป็นปัญหาหลักในการพัฒนาเรื่องต่างๆ ในสังคมไทย”
“เราพยายามทำทุกวิถีทางที่คิดว่าจะเป็นฟั่นเฟืองเล็กๆ ในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า”
หลายครั้งที่มีมมักจะมีการล้อเลียนจนกลายเป็นดราม่าเกิดขึ้น และถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม เราจึงถามกับทางเพจว่า คำนึงถึงเรื่อง Political Correctness (PC) ในการทำมีมแต่ละครั้งบ้างไหม
“สำหรับความต้องการของเพจนั้นตรงกับคำพูดของ Slavoj Žižek ซึ่งเขากล่าวไว้ว่า ‘เราแต่ละคน ควรเว้นระยะห่างซึ่งกันและกัน ผมเนี่ยไม่ได้อยากรู้จักอัตลักษณ์ตัวตนที่สวยงามเบื้องลึกอะไรของคุณเลย เราอยู่กันแบบเคารพแบบที่ไม่ต้องเข้าใจทุกอณูทุกเม็ดทุกตัวตนของพวกคุณ ละเลยและตัดประเด็นยิบย่อยแตกต่างหลากหลายไป สนใจแต่สิ่งที่เรามีร่วมกัน คือความเป็นแรงงาน ชนชั้นแรงงาน’ คำเหล่านี้ มันเหมารวม มันไม่ได้ส่งเสริมความแตกต่างหลากหลายอันไม่มีที่สิ้นสุด ไม่แคร์ว่าคุณจะผิวขาวผิวดำ จะเพศไหน จะอ้วน ผอม หรืออะไรก็ตาม ทุกคนล้วนแล้วแต่คือ Worker of the World Unite คุณต้องรวมตัวกันก้าวข้ามความหลากหลายแล้วโค่นล้มระบบที่มันขูดรีดทางเศรษฐกิจ แล้วสร้างสิ่งที่มีร่วมกันตรงนั้นให้มันเป็นพลังทางการเมือง ทางเพจคำนึงถึงเรื่องเดียวคือ มุ่งต่อสู้กับความล้าหลัง เผด็จการและทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ เพื่อสร้างสังคมที่คนเท่ากันต่อไปได้”
มีมครั้งไหนที่คิดว่าตัวเองใช้กระบวนการคิดเยอะที่สุดก่อนจะโพสต์
เป็นมีมแรกของเพจ
มีมครั้งไหนที่ได้ผลตอบรับดีที่สุด
มีมนี้ไม่ได้เป็นมีมที่ได้รับผลตอบรับดีที่สุด แต่เป็นมีมแรกๆ ของเพจที่เข้าถึงคนมากที่สุด อาจจะเป็นเพราะ ตอนนั้นยังไม่มีที่ไหนอธิบายความในใจส่วนใหญ่ของฝ่ายหัวก้าวหน้าได้ตรงจุด
ถ้าประเทศไทยยังเป็นแบบนี้ต่อไปคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เกิดการปฏิวัติของประชาชนขึ้นแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
สิ่งที่เฮงซวยของประเทศไทยตอนนี้คืออะไร
1. ศักดินาและกลุ่มทุนที่ตอนนี้พัฒนามาเป็นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ใช้อำนาจทั้งในกฎหมายและเหนือกฎหมายร่วมกันกดขี่ขูดรีดประชาชน
2. ผู้ถูกกดขี่ขูดรีดไม่รู้สึกตัว แถมยังรักและเทิดทูนผู้กดขี่ตนเอง
3. การที่ประชาชนจำนวนมากในประเทศนี้ ยังให้คุณค่ากับขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมบางอย่างที่ล้าหลังมากกว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
ฝากถึงผู้มีอำนาจหนึ่งประโยค
“You can kill the revolutionary, but you can’t kill the revolution.”
เคยมีคนพูดกับผู้เขียนว่า “สิ่งใดที่ไม่ถูกวิพากษ์ สิ่งนั้นจะกลายเป็นของตายและสิ่งที่อันตรายที่สุดเสมอ เราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการครอบงำและดำรงให้สิ่งเหล่านั้นมีอยู่ รวมถึงอาจกีดกันให้คนไม่ตั้งคำถามกับมัน” ท้ายสุดมีมของเพจ AH SHIT, HERE WE GO AGAIN อาจเป็นเสมือนแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ต่อมคำถามในหัวของเรากระตุก ตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม และไม่เป็นส่วนหนึ่งของการครอบงำก็ได้!
ติดตามและอัปเดตมีมจิกจัดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคมทั้งหมดได้ที่ AH SHIT, HERE WE GO AGAIN