คิตตี้ - ฮินาโน๊ะ ไชยวิราช หรือ “H I N A N O” สาวน้อยลูกครึ่งไทย - ญี่ปุ่น วัย 22 ปี ศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงจากรั้วมหิดลกับสไตล์การร้องที่มีเอกลักษณ์และแนวเพลงที่ไม่ซ้ำใคร ตอนนี้ได้ปล่อยเพลงทั้งหมด 2 เพลง คือ Tomorrow I’ll be Twenty-Two และเพลงล่าสุด Wish Upon A star ให้ทุกคนได้ฟังแล้ว วันนี้เราชวนคิตตี้ H I N A N O มาพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตและเส้นทางดนตรี
เส้นทางดนตรีและแรงบันดาลใจของ H I N A N O
“จุดเริ่มต้นของ H I N A N O เริ่มช่วงมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เห็นเพื่อนๆ ปล่อยเพลงมาสักพัก แล้วตัวเองก็เรียนคลาสสิค แต่ไม่รู้ว่าต้องทำเพลงยังไง พอเจอเพื่อนๆ คนอื่นทำเพลง เราก็เริ่มเห็นวิธีการทำเพลง เลยสนใจอยากลองทำบ้าง จนเมื่อธันวาคมก็ได้ปล่อยเพลง Tomorrow I’ll be Twenty-Two ส่วนแนวดนตรีตอนนี้ก็ยังไม่ได้ฟิคซ์ไว้ เพราะยังอยู่ในช่วงทดลอง กำลังค้นหาตัวเองไปด้วยค่ะ คิดว่าเป็นอะไรก็ได้ที่เราต้องการ ส่วนคนฟังคิดว่าแนวอะไรก็ได้ไม่ได้จำกัดเลยค่ะ”
“เพลงที่แต่งส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หรือบางครั้งก็เป็นแบบเรื่องที่คิตตี้สังเกตเห็น ส่วนใหญ่เป็นที่ระบายและบ่นๆ ในใจ เราเป็นคนชอบเขียนในไดอารี่ มีปัญหาอะไรก็จดลงในสมุด หรือบางครั้งก็เขียนในโทรศัพทค่ะ ก็เลยเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาทำเป็นเพลง แต่บางครั้งเป็นการจินตนาการสถานการณ์ เขียนจากเหตุการณ์ของคนรอบข้างบ้าง หรืออินสไปรเรชั่นจากหนังมาอะแดพเป็นเพลงของเราบ้างค่ะ”
ศิลปินที่ชื่นชอบ
“ช่วงนี้ชอบ Billie Eilish กับ Beabadoobee บางทีก็กลับไปฟังยุค 90 แต่ศิลปินที่เป็นอินสไปเรชั่นในการทำเพลงเป็น Ariana Grande เราดูเขาช่วงมัธยมต้นตั้งแต่เขาเล่น Cat Valentine ยังไม่เป็นศิลปิน เรารู้สึกเหมือนโตด้วยกันกับเขา เราเห็นเขาตั้งแต่เริ่มทำเพลง และเริ่มทำอัลบั้ม จู่ๆ วันนึงเขาปล่อยอัลบั้มเราก็งง แต่เรารู้สึกชอบมากค่ะ อยากทำบ้าง จนตอนม. 3 จึงได้เริ่มทำเพลงเล่นๆ ค่ะ ส่วนคนที่ทำให้คิตตี้เริ่มร้องเพลงเลยจะเป็น Mariah Carey เพราะแม่ชอบเปิดให้ฟังตอนเด็กๆ ค่ะ”
Wish Upon A Star
“เพลงนี้มาจาก 2 ปีที่แล้วที่แมวตัวหนึ่งของเราชักแล้วก็เสียเลยทันทีและในวันนั้นแฟนเก่าก็เลิกกับเรา เราพูดถึงสองอย่างในเพลงนี้ อย่างแรกคือ เราพูดถึงแมว แม่ชอบบอกว่า เขายังไม่ตายนะ เขารอเราอยู่ที่ดาวหรือปลายสายรุ้ง เราก็เลยตั้งชื่อเพลงเป็น Wish Upon A Star แต่ช่วงท่อน Verse เราก็เล่าถึงแฟนเก่า ตอนเรียนอยู่เราต้องเจอเขาบ่อยมาก เนื่องจากเราเรียนสาขาคลาสสิกเหมือนกัน เราเจอเขาที่โรงอาหาร เขาใส่เสื้อที่เราชอบ แต่สุดท้ายเราก็โอเคทำใจยอมรับกับเรื่องของแฟนเก่าได้แล้ว แต่หลักๆ คือ เราเสียใจกับแมวของเรามากกว่า”
“เพลง Wish Upon A Star เราพยายามทำในทุก Process ด้วยตนเอง ตั้งแต่ตอนเริ่มเขียนเพลง คิดคอร์ด ทำเดโม่ ประกอบกับได้หลายๆ คนที่เรียนหรือทำเพลงบ่อยๆ มาช่วยไกด์ในเรื่องต่างๆ และตอนอัดเพลงได้เพื่อนมาช่วยอัด คิตตี้เป็นคนคิดลายเบส ส่วนกลองมีรุ่นพี่ช่วยทำ แล้วก็ให้รุ่นพี่อัดให้ ส่วนเราก็มา Edit เอาเองค่ะ ถ้ามีอะไรที่ไม่เก็ตก็จะคอยถามเพื่อนๆ เอาค่ะ”
H I N A N O - Wish Upon A Star
https://www.youtube.com/watch?v=70F26HULwrg
การเปลี่ยนแปลงในช่วงวัย Coming of Age
“เมื่อก่อนเราเรียนไฮสคูลมีโอกาสทำหลายอย่าง แต่พอขึ้นมหาวิทยาลัยเราทำสิ่งเดียวเป็นหลัก มันก็จะมีความรู้สึกว่าเราอยากทำอย่างอื่นด้วย เช่น อยากวาดรูป อยากทำจิวเวอรี่ แต่ปัจุบันเราอยู่กับแค่สิ่งๆ เดียวเท่านั้น ในช่วง Coming of Age ของเราจึงรู้สึกเหมือนถูกติดอยู่กับสิ่งๆ หนึ่ง และต้องการจะออกไปทำสิ่งอื่นๆ เพิ่มขึ้นค่ะ”
“เพลง Tomorrow I’ll be Twenty-Two เป็นเพลงหนึ่งที่พูดถึงช่วง Coming of Age เนื้อหาเกี่ยวกับผู้คนที่กำลังถามเราในวัย 22 ว่า อนาคตเราอยากทำอะไร มันเป็นคำถามที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดมากเลย เพราะเราไม่รู้อนาคต คิตตี้คิดว่าหลายๆ คนคงรู้สึกแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาพูดถึงเราโดยตรงแล้วเราก็เลยเอามาเขียนเป็นเพลงนี้ เพราะเรารู้สึกว่าคนอื่นที่โดนพูดอย่างนี้ก็คงจะไม่โอเคเหมือนกันกับเราแน่ๆ เลยค่ะ”
มองคนเจนเนอเรชั่นตัวเองเป็นอย่างไร
“อย่างแรกเลย ก็คงเป็นเรื่องการเมืองที่แย่มากในตอนนี้ เป็นปัญหาที่คนเจเนอเรชั่นเราพูดถึงในตอนนี้ และใช้โซเชียลมีเดียในการพูดถึงมัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผู้คนไม่ค่อยพูดถึงมากคือ การคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเคยพบเจอมาในอดีต เราอยากให้คนเจนเราพูดถึงมันมากกว่านี้ ในเรื่องการเมืองมีคนเขียนเพลงและสร้างงานศิลปะเกี่ยวกับการเมืองในโซเชียลมีเดียค่อนข้างมาก และเราคิดว่า Sexual Harassment ก็ควรถูกพูดถึงมากกว่านี้ และสามารถพูดถึงมันได้อย่างแพร่หลายในสังคมเช่นเดียวกับการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และเราอยากให้มีคอมมูนิตี้ที่ซัพพอร์ทช่วยเหลือในเรื่องเหล่านี้ได้ แต่เราก็คิดว่าคนเจนเราทำได้ดีแล้ว แต่มีบางอย่างต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นค่ะ”
การเป็นศิลปินในยุคโควิด
“น่าจะเป็นงานโชว์ที่ทำให้เล่นไม่ได้ แล้วคิตตี้เองเพิ่งเริ่มอาชีพด้านนี้เลยทำให้คิตตี้ไม่รู้ว่าจะมีเพลงพอที่จะไปเล่นไหม คิตตี้ก็ยังไม่มั่นใจด้วยว่าคนจะมาฟังหรือเปล่า คิตตี้ค่อนข้างเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย โดยปกติแล้วคิตตี้จะใช้ความที่มองโลกในแง่ร้ายของตัวเองเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งมันค่อนข้างที่จะไม่ดีต่อสุขภาพ และไม่แนะนำให้ใครทำตามนะคะ”
“เรื่องเดียวที่มีผลกระทบต่อคิตตี้คือ เรื่องสถานะการเงินของครอบครัวค่ะ คิตตี้ไม่อยากให้พวกเขามีความเป็นอยู่ที่ลำบาก คิตตี้พยายามช่วยทางบ้านหาทางออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ค่ะ นอกจากนี้คิตตี้เองยังต้องคิดเพลงใหม่ที่มีขั้นตอนและการดำเนินงานที่เยอะมาก อีกทั้งจะต้องเก่งในการทำเพลงในทุกขั้นตอนด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่งั้นก็ต้องจ้างคนมาทำให้ เช่น ต้องใช้เงินในการจ้างโปรดิวเซอร์ คนตัดเพลงหรือ Mix Master สิ่งเหล่านี้ท้าทายมากๆ คิตตี้ต้องผ่านไปให้ได้ค่ะ”
มีโปรเจคอะไรที่อยากทำอีกบ้าง
“ถ้าทำ Music Video ถัดไป เราอยากลองทำชุดตัวเอง เราชอบสิ่งที่ระยิบระยับและแวววาวอยู่แล้ว เราจึงอยากให้สิ่งนี้อยู่บนเสื้อผ้าของเรา และอยากลองทำจิวเวอรี่ เราเป็นคนทำลูกปัดอยู่แล้วแต่หาของไม่ค่อยเก่ง จริงๆ อยากทำหลายอย่างมากโดยเฉพาะงานศิลปะค่ะ”
มองตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้าอย่างไร
“ถ้าเราอายุ 32 ปี เราอยากเป็นศิลปินที่เปิดแบรนด์ของตัวเอง อยากเปิดช็อปแล้วออกแบบและวาดรูปทุกอย่างในช็อป อาจจะทำแบรนด์เสื้อผ้า และถ้ามีเงินที่มากพอ อยากช่วยเหลือสัตว์จรจัดในกรุงเทพหรือประเทศไทยให้ได้ค่ะ อยากทำหมันให้กับพวกเขาเพื่อเป็นการลดจำนวนวงจรการเกิดของสัตว์จรจัดค่ะ เราอยากดีลกับโรงพยาบาลสัตว์ดีๆ และมีการจัดการอย่างครบวงจรด้วยค่ะ”
หลังจากเราได้รู้จัก H I N A N O ประมาณนึงแล้ว คิตตี้แอบกระซิบกับเราว่าปลายปีนี้จะปล่อย EP. Album ให้ทุกคนได้ฟังกันอีกด้วย อย่าลืมติดตามและซัพพอร์ททั้งคิตตี้ H I N A N O และแพลตฟอร์ม MILK.BKK เพื่อการก้าวเดินต่อไปในอนาคตด้วยนะ :)
ติดตามและอัพเดตข่าวสารได้ที่ H I N A N O, H I N A N O Channel, MILK.BKK