แฟชั่น ศิลปะ และการเดินทางค้นหาตัวตนของ “แม็ค ณภัทร”

แม็ค - ณภัทร รุ้งระวีวรรณ นายแบบและอินฟลูเอนเซอร์วัย 20 ปี ใครที่เล่นทวิตเตอร์อาจจะคุ้นหน้าหนุ่มคนนี้จากงานจตุรมิตรสามัคคี หรือภาพในวันที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยแต่งชุดไปรเวท วันนี้เรามาทำความรู้จักแม็ค ณภัทร ให้มากขึ้นผ่านแง่มุมเรื่องแฟชั่น ความหลงใหล และตัวตนด้านศิลปะ

เริ่มต้นเข้าสู่สายแฟชั่น

เส้นทางสายแฟชั่นของแม็คเริ่มต้นจากทวิตเตอร์หนึ่งมีการลงภาพแม็คตอนไปงานจตุรมิตรสามัคคี ภาพนั้นกลายเป็นกระแสขึ้นมา และมีพี่คนหนึ่งที่รู้จักชักชวนไปถ่ายแบบ หลังจากนั้นก็ถ่ายแบบมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะเข้าสู่วงการแฟชั่นแล้ว แต่แม็คไม่ได้แต่งตัวเก่งมาก อาศัยการปรับให้เข้ากับบุคลิกของตัวเองมากกว่า “ส่วนตัวเราชอบแต่งตัวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้แต่งตัวเก่งขนาดนั้น ไม่ได้เสพหรือค้นหาข้อมูลด้านแฟชั่นเยอะมาก เรามีพี่ที่รู้จักคอยให้คำแนะนำเป็นที่ปรึกษา ในการแต่งตัว พอเรามองว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา เราก็แต่งแบบนั้น แล้วก็ปรับมาเรื่อยๆ จนเป็นตัวเอง”

การถ่ายแบบและ Beauty Standard ในวงการแฟชั่น

การถ่ายแบบสำหรับแม็คเป็นสิ่งที่สนุก ทำให้มีโอกาสในการลองสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต รวมถึงการต่อ

ยอดไปทำอย่างอื่นที่ชอบ แม็คเล่าให้ฟังว่า “การถ่ายแบบทำให้เราได้มีโอกาสลองอะไรใหม่ๆ และเป็นใบเบิกทางให้เราได้มีโอกาสต่อยอดในสิ่งที่สนใจ เช่น การถ่ายแบบ ได้เงินมานำเงินเหล่านั้นไปซื้อกล้อง สี และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ เองโดยไม่ต้องเดือดร้อนใคร ซื้อได้เต็มที่ หาความรู้เพิ่มได้เต็มที่ ได้คอนเนคชั่นเพื่อนๆ ในวงการที่ทำให้เรามีนางแบบนายแบบเพื่อมาทำโปรเจคงานส่วนตัวของเราได้ง่ายขึ้น”

เมื่อเราถามแม็คว่าวงการแฟชั่นที่ใครหลายคนอาจมองว่าต้องมีหน้าตาและรูปร่างตาม Beauty Standard แม็คตอบว่า “เรื่องบิวตี้แสตนดาร์ดไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น เนื่องจากเพื่อนๆ ที่เรารู้จักเราก็ไม่ได้เห็นว่าพวกเขาใช้บิวตี้แสตนดาร์ด เหล่านั้นในการได้อภิสิทธิ์มากกว่าบุคคลทั่วไปเวลาอยู่ด้วยกัน”

ความหลงใหลในการถ่ายภาพ

นอกจากการถ่ายแบบแล้ว สิ่งที่แม็คสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ การถ่ายภาพ แม็คใช้เวลายามว่างในชีวิตประจำวันไปกับการศึกษาความรู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพ จุดเริ่มต้นที่ทำให้แม็คสนใจการถ่ายภาพ แม็คเล่าให้ฟังว่า “เริ่มตั้งแต่ได้มีโอกาสจับกล้องฟิล์มครั้งแรก มันทำให้เรารู้สึกถึงการเป็นเจ้าของ ซึ่งในวัยเด็กเราไม่มีโอกาสได้รู้จัก เพราะคิดว่าศิลปะมีแค่วาดและระบายลงผืนผ้าใบ พอเราได้มีโอกาสลองและลงลึกมากขึ้น กล้องจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องพกไปทุกครั้ง เราอยากถ่ายภาพให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้อยากเป็นนายแบบ อินฟลูเอนเซอร์ เป็นคนที่โดนพูดว่ามีแค่หน้าตา หรือถ่ายรูปฟิล์มก็ถ่ายตามเทรนด์ เรารู้สึกว่าอยากจริงจัง และพัฒนาให้อยู่ในระดับที่คนที่ถ่ายรูปหรือศิลปินเห็นถึงศักยภาพของตัวเรา”

เส้นทางศิลปะ

ศิลปะเป็นอีกหนึ่งตัวตนของแม็คที่ทำให้แม็คกลับมาสำรวจจิตใต้สำนึกของตัวเอง และมองเห็นโลกที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยสายตาของมนุษย์ จุดเริ่มต้นของตัวตนในพาร์ทศิลปะแม็คเล่าให้ฟังว่า “เราให้ความสำคัญงานศิลปะตั้งแต่เด็ก แต่ช่วงหลังสนใจและให้ความสนใจศิลปะมากขึ้น เรานั่งศึกษาศิลปะทุกแขนง จนมีเฟรมภาพและสีน้ำมันเต็มบ้าน” สำหรับแม็คแล้วศิลปะสามารถลงไปลึกกว่าการเป็นนายแบบ ศิลปะไปเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ให้ความสำคัญและเวลากับมัน

การเรียน การค้นหาตัวตน และอนาคต

ปัจจุบันแม็คเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่แม็คตัดสินใจจะซิ่วไปคณะศิลปกรรมศาสตร์ สำหรับแม็คแล้วคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนไม่ใช่คณะที่ไม่ดี แต่เป็นคณะที่ไม่ตอบโจทย์กับสิ่งที่สนใจ 

การซิ่วสำหรับใครหลายคนอาจมองว่าเสียเวลา แต่แม็คมีมุมมองที่ต่างออกไปจากนั้นและบอกกับเราว่า “การซิ่วไม่เสียเวลาแต่กลับเพิ่มเวลาที่ทำให้เราใช้ความเป็นนิสิตนักศึกษาในการไม่ต้องสนใจการหาเงินเพื่อเลี้ยงชีพ เพราะเรารู้ว่าถ้าเราจบมหาวิทยาลัยแล้ว เราต้องเปลี่ยนตัวเองเปลี่ยนความคิดเพื่อเงินในการเอาชีวิตรอดแน่นอน และการซิ่วยังทำให้เราได้ศึกษาลงลึกในด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ที่เราคิดว่าจำเป็นต่อตัวเรา”

“แผนชีวิตในอนาคตไม่ได้มองไปไกลขนาดนั้น เราพยายามทำให้สำเร็จทีละอย่าง พยายามค้นหาตัวเองและได้ทำในสิ่งที่ชอบจริงๆ”

ตลอดการสัมภาษณ์แม็ค เราได้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการทำสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้ว่าแม็คยังคงค้นหาตัวเองอยู่ แต่ความตั้งใจที่เต็มเปี่ยมด้วยแพชชั่นของเขา จะช่วยทำให้แม็คเดินตามเส้นทางที่ตัวเองวาดไว้ได้อย่างสำเร็จแน่นอน!

ติดตาติดตามและอัพเดตผลงานทั้งหมดได้ที่ mc.napat, napat_roongrawewan