Culture

‘มิศวง Mistery’ พอดแคสต์เรื่องลึกลับ คดีฆาตรกรรม ฟีลเล่าให้เพื่อนฟัง ที่มีวันนี้เพราะลงมือทำ (สักที)

แม้เจ้าของช่องพอดแคสต์ ‘มิศวง Mistery’ จะนิยามช่องตัวเองว่า ‘ฟีลเล่าให้เพื่อนฟัง’ แต่เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพชัดขึ้น เราจะขอนิยามว่าเป็นช่องที่ ‘พูดไปเรื่อย แต่ฟังเพลิน’ เพราะเล่าเรื่องลึกลับ คดีฆาตรกรรม ที่แสนจะตึงเครียด ให้กลายเป็นเรื่องเข้าใจง่าย และแฝงไปด้วยตะกอนความคิดบางอย่าง ชวนให้นึกถึงเวลาเพื่อนซี้สมัยมัธยมเล่าเรื่องต่างๆ ให้เราฟังเลย 

นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เราชวนเธอมาคุยกันในครั้งนี้ เพราะอยากรู้จริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้ ‘มิ’ แห่งช่อง ‘มิศวง Mistery’ ลุกขึ้นมาทำพอดแคสต์ในธีมแบบนี้ด้วยตัวคนเดียว พร้อมปิดท้ายกับการถกประเด็นดราม่าที่มักจะเกิดขึ้นกับพอดแคสเตอร์คดีฆาตรกรรม รับรองว่าคุณจะได้ทำความรู้จักช่องนี้ และเข้าใจมุมมองของคนเล่าเรื่องมากขึ้นแน่นอน

เบื่อโลกอยู่ดีๆ เริ่มมาเป็นพอดแคสเตอร์ได้อย่างไร

ทำพอดแคสต์เพราะโควิด โควิดทำให้เราทุกคนค้นพบสิ่งลึกลับของตัวเอง (หัวเราะ) คือจริงๆ เรามีความสนใจในคดีฆาตรกรรม การสืบสวน และเรื่องราวดาร์กๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ช่วงที่โตขึ้นมา เรามองว่าการที่จะมานั่งเล่าอะไรแบบนี้ได้จะต้องเป็นดารา หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ ถึงจะมีพื้นที่ให้ตัวเองได้เล่า และการจะเดินทางสายยูทูบเบอร์ก็ดูยุ่งยากเกินไป

แต่มาช่วงโควิดที่เราว่างจนเบื่อ ก็เริ่มมีพอดแคสต์ให้ฟังตอนรถติด ซึ่งการฟังพอดแคสเตอร์คนอื่นบ่อยๆ ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมามีเรื่องให้เล่าเยอะเหมือนกันนะ แล้วเพื่อนก็ชอบบิลด์ด้วยว่าเราพูดเก่ง ‘มึงทำได้’ ‘มึงเล่าเลย’ ก็เลยได้ลองทำดู

“โควิดทำให้รู้สึกได้ว่าถ้าไม่ทำตอนนี้ แล้วเราจะทำตอนไหน เพราะตอนนี้มันว่างที่สุดแล้ว”

ช่วงแรกของการเป็นนักเล่ามือสมัครเล่นเป็นอย่างไรบ้าง

เจ๊งกะบ้งมาก อึกอัก เสียงก็อัดเอาจากการพูดใส่มือถือ ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย เพราะเราไม่รู้ว่าจะชอบทำไหม และที่สำคัญคือเป็นคนโลวเทคมาก ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าพอดแคสต์ทำงานอย่างไร ที่อัปโหลดไฟล์ขึ้นไปได้ก็เพราะทำตามยูทูบทั้งนั้น

มาลงตัวที่การเป็นพอดแคสต์ฟีลเล่าให้เพื่อนฟังได้อย่างไร

ตอนแรกก็อยากจะเล่าแบบเพื่อนไปเลยว่าแบบ มีเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังนะ แต่เรื่อง True Crime หรือเรื่องลึกลับต่างๆ มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนอื่น ก็เลยต้องขีดเส้นไว้นิดนึงว่าเราเป็นตัวของตัวเองได้ แต่ต้องเคารพคนอื่นด้วย และคนที่เข้ามาฟัง เขาไม่ได้รู้จักเรา ถ้าเฟรนด์ลี่เกิน เขาก็อาจจะรู้สึกว่าเราตลกอะไร เลยต้องพยายามปรับจูนตัวเองไปเรื่อยๆ

“คิดว่าคนที่เข้ามาติดตามช่องเรา น่าจะชอบในความไปเรื่อยที่เหมือนได้โตไปด้วยกัน เพราะก่อนเล่าเรื่อง เราจะอัปเดตชีวิตกับคนฟังตลอด แบบพูดไปเรื่อย ส่วนการเล่าเรื่องก็จะใช้ภาษาเหมือนคุยกับเพื่อน ไม่ซับซ้อน ให้คนรู้สึกว่าเข้าถึงง่าย”

มีหลักในการเลือกเรื่องมาเล่าไหม 

โอมากาเสะ (หัวเราะ) เลือกเรื่องที่เราอยากเล่า แค่นั้นเลย ซึ่งมันก็จะเปลี่ยนไปตามความชอบของเราเอง อาจเป็นคดีฆาตรกรรม เรื่องลึกลับ โอลด์ฮอลลีวูด หรืออื่นๆ 

กว่าจะเป็นเรื่องเล่าในมิศวงต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง 

อย่างแรกคือ เจอเรื่องที่อยากเล่าก่อน สมมติว่าเป็นคดีฆาตรกรรม ก็จะอ่านข่าว ดูสารคดี แต่ต้องตัดเรื่องดราม่าในนั้นออกนะ ไม่งั้นมันจะยิบย่อยมาก แล้วสร้างไทม์ไลน์ขึ้นมาว่าใครทำอะไร อย่างไรบ้าง หลังจากนั้นก็เริ่มเขียนสคริปต์ และถ้าทำการบ้านจนมั่นใจแล้ว ก็จะอัดคลิปเล่าเลย ซึ่งปกติเราจะเล่าวันจันทร์ กว่าจะอัดเสร็จ กว่าจะตัดคลิป ก็ได้ลงวันพฤหัสพอดี เพราะเรามีงานประจำ จะทำคลิปได้แค่หลังเลิกงาน

“เราทำเองทุกอย่าง เลยจะค่อนข้างระวังในการเลือกใช้คำ เพราะถ้ามันผิดพลาด เราต้องรับผิดชอบเอง เคยอยากมีทีมแบบคนอื่นบ้างเหมือนกัน แต่สุดท้ายคิดว่าทำเองดีกว่า เพราะเราจะรู้ดีที่สุดว่าตัวเองอยากเล่า หรืออยากจะพูดอะไร” 

แต่รู้มาว่าชีวิตจริงกลัวความรุนแรงมาก แล้วทำไมถึงยังชอบเรื่องพวกนี้

เราเป็นคนกลัวความรุนแรงแบบทนดูไม่ได้ ถ้าเห็นคนทะเลาะกันต่อหน้านี่จะไม่ได้เลย แต่ว่าชอบดู ชอบฟัง True Crime เราคิดว่าเป็นเพราะมนุษย์ทำทุกอย่างจากความสงสัยของตัวเอง บางคนวิ่งเพราะสงสัยว่าคนเราจะวิ่งได้ไวแค่ไหน แต่เราสงสัยว่าทำไมคนถึงเป็นแบบนี้ อย่างเวลาเห็นแมว เราไม่มีวันที่จะทำร้ายมันได้เลย แต่บางคนเขาอยากจะแหวกดูข้างใน ซึ่งเราจะไม่มีวันเข้าใจอะไรแบบนั้นได้ จนกว่าจะมีจิตใจที่เหมือนกับเขา ดังนั้นสิ่งที่ทำได้มากที่สุดก็คือศึกษาพฤติกรรมของเขา 

คิดอย่างไรกับคนที่มองว่าพอดแคสต์ True Crime คือการซ้ำเติมและสร้างประโยชน์จากเหยื่อ 

ไม่ผิดที่ครอบครัวเหยื่อ หรือคนบางส่วนจะคิดแบบนั้น แต่เราอยากให้มองในแง่ที่ว่า เราหรือพอดแคสเตอร์หลายคน ไม่ได้เล่าในมุมที่ซ้ำเติม แต่เป็นการลงลึกไปมากกว่านั้น คือ บอกเล่าว่าคนๆ หนึ่งเติบโตมาอย่างไร ในสภาพแวดล้อมแบบไหน เพราะเราอยากให้โลกใบนี้รู้ว่า เขาไม่ใช่คนที่เป็นแค่เหยื่อในคดีฆาตรกรรม หรือเป็นฆาตรกรเท่านั้นนะ 

“เราคิดว่าเรื่องราว True Crime แม้ไม่ได้ให้บทเรียนชัดเจนว่าควรทำอะไร อย่างไร แต่มันช่วยปลูกฝังความเอ๊ะอ๋อให้คนฟังได้ เช่น เตือนสติให้ล็อกบ้านก่อนเข้านอน เช็กให้ดีก่อนนัดเจอคนแปลกหน้า ทำให้คนมีชีวิตปลอดภัยขึ้นอีกขั้นหนึ่ง”

ตั้งแต่ทำมิศวงมาเติบโตขึ้นมากแค่ไหน

เติบโตมากในแง่ของจิตวิญญาณ เพราะตอนทำงานประจำ เราเป็นครีเอทีฟที่ต้องทำตามบรีฟ แต่พอได้ทำช่องของตัวเอง มันทำให้รู้สึกว่าการที่จะปล่อยอะไรบางอย่างออกไปสู่สังคม สู่โลกอินเทอร์เน็ต ต้องมีการคิดมาก่อนประมาณหนึ่ง 

แล้วอย่างที่บอกว่าตอนแรก เราทำช่องเพราะเบื่อๆ เหงาๆ คือทำเพื่อตัวเอง แต่พอมันเดินทางมาถึงจุดที่มีคนแบ่งเวลามาฟังเราตั้ง 30 นาที มันทำให้เรารู้สึกว่ายิ่งต้องรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งเรื่องคอนเทนต์ และมุมมองต่างๆ แต่ก็คิดว่านี่มันยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น ที่อาจจะเริ่มได้ดีหน่อย ก็จะพยายามพัฒนาต่อไป

“ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกัน และคอมเมนต์กันเข้ามา เพราะการทำพอดแคสต์เนี่ย อำนาจของคนฟังคือ 100% เราไม่สามารถบอกคุณได้ว่า ‘โปรดฟังฉันต่อไปนะ’ ทุกอย่างมันอยู่ที่คุณทั้งนั้นเลย”

“สำหรับใครที่อยากเล่าบ้าง ถ้าคิดว่าอยากทำ ก็ทำเลย อย่าไปคิดมาก เพราะเราเคยเป็นมาก่อน เพราะว่าสุดท้ายแล้ว พอตัดสินใจลงมือทำสักที และมีความตั้งใจ ทุกอย่างมันก็จะค่อยๆ ออกดอกออกผล เริ่มมีคนมองเห็น อย่างที่เราและช่องมิศวงเป็นอย่างในทุกวันนี้” มิกล่าวทิ้งท้าย

ติดตาม มิศวง Mistery ได้ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 19.00 น. ทาง Spotify, Apple Podcasts, TikTok และYouTube