วันหนึ่งฉันเดินเข้าย่านตลาดพระโขนง ฉันถามคนแถวนั้นว่า
"ร้านอาหารพม่าโมนา" ไปทางไหน?
เขาตอบอย่างเร็วไวว่า “เดินตรงไปประมาณ 200 เมตรก็จะเจอร้านนั้น”
ระหว่างที่เดินก็เหลือบมองสองข้างทาง รู้สึกเหมือนอยู่พม่าเลยจริง ๆ เพราะมีทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านขายของชำ และร้านอาหารที่เป็นแบบพม่าหลากหลายร้าน แต่เป้าหมายในครั้งนี้คือ "ร้าน MONA"
"MONA" ร้านอาหารเมียนมาร้านแรกในย่านนี้ ที่เปิดขายมานานกว่า 16 ปี กลิ่นกำยานคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นเครื่องเทศของเมนูอาหารและบรรยากาศของร้านนี้ สร้างความรู้สึกความเป็นพม่าได้เป็นอย่างดี ฉันเห็นคนพม่านั่งอยู่ 2-3 คน กำลังกินอาหารและพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเป็นภาษาบ้านพม่า ระหว่างที่รอพบ "ป้าโมนา" เจ้าของร้านวัย 51 ปี ที่มีใบหน้าสวยเหมือนสาวแขก เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ใจดี และโอบอ้อมอารีกับฉันมาก
“ป้าโมนา” เดิมอาศัยอยู่มัณฑะเลย์ใต้ ประเทศพม่า และย้ายมาตั้งรกรากถิ่นฐานที่ประเทศไทย ย้อนกลับไปตอนเธออายุ 16 ปี เธอบอกว่าชีวิตลำบากมาก ต้องดิ้นรนและขวยขวายด้วยตนเองตั้งแต่เด็กๆ เพราะไม่มีทั้งพ่อและแม่ แต่เธอก็ได้รู้จักกับคนที่พม่าที่อยู่กาญจนบุรี เขาชักชวนให้เธอมาทำมาหากินที่นี่ เธอจึงตัดสินใจย้ายเข้ามาและได้พบเจอสามี จึงแต่งงานสร้างครอบครัว โดยสามีเป็นคนไทย-เนปาล และมีลูกชาย (วันชัย กีรี อายุ 18 ปี) และลูกสาว (โซเฟีย กีรี อายุ 20 ปี) แต่ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะสามีป้าโมนาเสียชีวิตด้วยโรคไตวายตั้งแต่ลูกชายอายุ 1 ขวบ ลูกสาวอายุ 3 ขวบ บทบาท "แม่เลี้ยงเดี่ยว" จึงถูกดำเนินและขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ
ด้วยความที่เป็นคนชอบกิน ชอบทำอาหาร เลยขายอาหารเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เด็ก จนมาอยู่ที่ไทยก็ยังขายอาหาร และอาหารที่เธอขายก็เป็นอาหารพม่า แรกเริ่มขายอาหารพม่ารถเข็นกับเพื่อนย่านวัดแขก ขายไม่ถึงสองเดือนก็คืนทุน แต่ก็ต้องหยุดขายเพราะเพื่อนไม่มีเงินทุนจึงขอถอนตัว ป้าโมนาจึงแบ่งเงินกับเพื่อน และฉายเดี่ยวลุยต่อกับการทำร้านอาหารพม่าย่านตลาดพระโขนงที่ลูกค้าแนะนำให้ไปลองขาย จังหวะดีได้ที่ตรงนี้ เลยขายอาหารพม่าที่นี่ภายใต้ชื่อ "ร้าน MONA" (ชื่อของตนเอง) มาจนถึงทุกวันนี้
MONA is Community
เช้า สาย บ่าย เย็น ร้าน MONA เป็นที่ฝากท้องได้ทุกมื้ออาหารของคนพม่าในย่านนี้ ส่วนใหญ่พวกเขาประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างและแม่บ้าน คนเนปาลก็ชอบมากิน รวมทั้งคนไทยด้วย บางคนเป็นชาวไทยใหญ่เดินทางมาจากเชียงใหม่เพื่อมากินอาหารที่นี่ นอกจากนี้ ยังมีต่างชาติอย่างยุโรปด้วย พวกเขาไม่ได้มากินอย่างเดียวเพราะเคยถูกทาบทามให้ไปขายที่ฝรั่งเศสแล้ว! พักหลัง ๆ ป้าโมนาบอกว่าชาวญี่ปุ่น เกาหลี ก็เข้าถึงอาหารเมียนมาร้านป้าโมนาแล้ว
โมนาไม่ได้ทำขายเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำเลี้ยงในงานแต่งงานคนพม่า งานวันเกิดคนพม่า งานทำบุุญคนพม่า งานขอลูกคนพม่า รวมไปถึงงานของสมาคมเนปาล และงานอาหารอาเซียนของไทย บางครอบครัวที่เป็นชาวพม่าไม่เจอกัน 20 กว่าปี ยังนัดเจอกันที่นี่ ด้วยส่วนผสมและวัตถุดิบที่นำเข้าจากพม่า การทำแต่ละเมนูที่พิถีพิถัน จึงทำให้ได้รสชาติแบบต้นตำรับที่ใคร ๆ ก็ต้องกลับมากิน
5 เมนู Signature ร้าน MONA ที่ห้ามพลาด!
ก่อนจะพาไปชิมอาหารโมนาขอเกริ่นถึงอาหารพม่าเล็กน้อย เครื่องปรุงหลักที่เขาใช้คือ น้ำปลา ซีอิ๊ว และกะปิ ได้รับอิทธิพลทั้งจากจีน อินเดีย และไทย อาหารทะเลเป็นที่นิยมตามแนวชายฝั่งเช่น ซิตเว เจาะพยู เมาะลำเลิง มะริด และทวาย เนื้อสัตว์และสัตว์ปีกเป็นอาหารทางตอนบนของประเทศมัณฑะเลย์ ส่วนปลาและกุ้งน้ำจืดนิยมกินในรูปแบบสด ๆ ตากแห้ง หมักให้เปรี้ยว หรือบดเป็นกะปิ
อาหารพม่ามีหลายรูปแบบ ทั้งยำและสลัด นิยมกินแป้งและเส้นหมี่ที่ทำจากข้าว รวมทั้งเส้นขนมจีน วัตถุดิบที่ใช้ ส่วนใหญ่เป็น มันฝรั่ง ขิง มะเขือเทศ ใบมะกรูด ถั่วฝักยาว และใบเมี่ยง
น่านจี้โตะ nan gyi thohk (70 บาท)
ให้อารมณ์เหมือนสปาเกตตี้ ที่ใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวทำจากข้าวหรือขนมจีนเส้นใหญ่แบบขนมจีนไหหลำ เป็นอาหารพื้นเมืองของมัณฑะเลย์ มีส่วนผสมหลักคือ เนื้อไก่ ไข่เป็ด ผักกาดจอ หอมแดง โรยด้วยหอมเจียว ต้นหอม ผงถั่วหัวช้าง ผักชี และไข่ต้ม อีก 1 เมนูยอดนิยมของร้าน
หม่อฮิงคา mun hang hka (40 บาท)
อาหารประจำชาติพม่า เป็นขนมจีนน้ำยาปลาใส่หยวกกล้วยแบบพม่า คนพม่านิยมกินเป็นอาหารเช้า ส่วนผสมหลักคือ ผงถั่วหัวช้างหรือข้าวอบบด กระเทียม หัวหอม ตะไคร้ หยวกกล้วย ขิง กะปิ น้ำปลาและปลานิล ต้มรวมกันให้เดือด กินกับขนมจีน ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำปลา มะนาวหั่น หอมเจียว ผักชี พริก และถั่วหัวช้างถั่วเขียวทอดกรอบ รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ
ถั่วพูอุ่น Tua pu eun (50 บาท)
ถั่วพูอุ่น คือ ซุปข้นถั่วลูกไก่ ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว ยอดถั่วลันเตา แป้งข้าวเจ้า โรยด้วยถั่วป่น รสชาติหวานๆ มันๆ โรยหอมเจียวหอมแขก กระเทียมเจียว ปรุงรสด้วยซีอิ้วหวาน และเครื่องเทศจากพม่า เมนูนี้ไม่มีเนื้อสัตว์ นิยมกินเป็นอาหารเช้า คล้ายกับกินโจ๊กบ้านเรา
ละเพะโตะ La pae toh (80 บาท)
ยำใบชา อาหารว่างและจานด่วนยอดนิยมของชาวพม่า ส่วนผสมหลักคือ ใบชาหมัก และถั่วทอดชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ถั่วแปยี (ถั่วแปะหลอ) ถั่วกาละแบ (ถั่วลูกไก่) ถั่วปากอ้า ถั่วลิสง งาขาวคั่ว กุ้งแห้งทอด กระเทียมสด กระเทียมเจียว ชิงดองซอย มะพร้าวคั่ว พริกขี้หนู และมะเขือเทศ เมนูนี้ยังใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ ของชาวพม่าอีกด้วย
ข้าวซอยโตะ Khao soi toh (50 บาท)
หมี่ยำพม่า ส่วนผสมหลักคือ เส้นข้าวซอย ที่ทำมาจากแป้งสาลีและไข่ คล้ายบะหมี่เส้นแบน กะหล่ำปลีซอย แตงกวาซอยละเอียด ต้นหอมซอย ผักชีซอย เต้าหู้ทอด ผงถั่วลูกไก่ทอด (Roasted gram flour) ที่ทำมาจากถั่วลูกไก่ และเนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ ส่วนผสมทุกอย่างจะถูกคลุกเคล้า ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำมันถั่วลิสง และน้ำพริกที่ทำจากพริกป่นที่ผัดกับน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟโรยหน้าด้วยหอมเจียวและกระเทียมเจียว
"เหนื่อยยังไงก็ต้องสู้ ไปโรงพยาบาลที่คลีนิค ไปฉีดยา เหมือนเดิม (แก้ปวด ไม่สบาย) แล้วกลับมาขายของ เพราะกำลังใจคือลูกทั้งสอง"
นอกจากนี้ ป้าโมนายังกล่าวขอบคุณประเทศไทย ที่สร้างอาชีพ สร้างรายได้ตั้งแต่ช่วงชีวิตที่อยู่กาญจนบุรี จนย้ายมาอยู่ย่านพระโขนง เธอบอกว่าอยู่อย่างสบายใจเพราะทำบัตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย (ป้าโมนากล่าวด้วยความตื้นตันใจ) เธอยังเล่าต่อว่า เมื่อก่อนนขายได้วันละหลักพัน โควิดมาเหลือหลักร้อย! ยังไงผ่านไปแถวนั้นก็ลองแวะเวียนและไปอุดหนุนร้านป้าโมนากันได้ (ป้าโมนาพูดภาษาไทยได้นิดหน่อยค่ะ) ร้านเปิดขายทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 - 19.00 (สามารถสั่งเดลิเวอร์รี่ได้ด้วย)
Mona อาหารพม่า
ที่ตั้ง: สุขุมวิท 10/32 ซอยสุขุมวิท 71 แขวง พระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
(เข้าได้ 2 ทาง คือ ซอยสุขอุทิศและซอยเพชรแก้ว 500 ม. จาก BTS พระโขนง)
โทรศัพท์: 062 709 0665