Culture

‘งดเทคโนโลยี และไม่มีโลกออนไลน์’ เทรนด์การท่องเที่ยวใหม่สไตล์ Quiet Luxury

'Offline Traveling' หรือการท่องเที่ยวออฟไลน์ คือไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงในช่วงปี 2023 เพราะผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับ 'Digital Detox' กันมากขึ้น ด้วยการไปเที่ยวแบบปิดโทรศัพท์ ไม่ใช้เทคโนโลยี ไฟฟ้า รวมไปถึงอินเทอร์เน็ต เพราะพวกเขาเชื่อกันว่า การไม่ใช้เทคโนโลยีเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด ในวันที่แทบทุกอย่างในชีวิตล้วนอยู่บนเทคโนโลยี เราอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันว่า Digital Detox มันคืออะไร ทำไมกระแส Offline Traveling ถึงเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวยอดนิยมในปีนี้ และมันบ่งบอกความรุ่มรวยอย่างไรบ้าง

Photo Credit: booqed

สลัดโลกที่วุ่นวายทิ้งไปด้วย ‘Digital Detox’
Technology Dictionary ได้ให้คำอธิบายของคำว่า 'Digital Detox' ไว้ว่า
‘สภาวะที่บุคคลออกจากโลกดิจิทัล หรือหยุดการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล และเครื่องมือต่างๆ เพื่อใช้เวลาสำหรับการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และกิจกรรมต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ที่สุด การดิจิทัลดีท็อกซ์ คือเครื่องมือที่บุคคลสามารถใช้เพื่อลดความเครียด และความวิตกกังวลจากความรู้สึกที่ยุ่งเกินไปจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด’

เพราะเทคโนโลยีช่างน่าเบื่อ เหล่า Gen Z จึงต้องหนีไปเที่ยวออฟไลน์
การท่องเที่ยวออฟไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้นหลังจากช่วงโควิดที่ผู้คนต้องทำทุกอย่างออนไลน์ และอยู่กับเทคโนโลยีตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาที่โรคระบาดคลี่คลาย ผู้คนก็สนใจการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่ทำให้พวกเขาได้พักจากโลกเทคโนโลยีกันมากขึ้น ประกอบกับมันเป็นเทรนด์ขึ้นมาเพราะ Gen Z ทุกวันนี้เริ่มสนใจสนับสนุนการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เซฟพลังงาน น้อยแต่มาก เงียบแต่หรูกันมากกว่าการเที่ยวที่เน้นประสบการณ์ผจญภัย ใช้พลังงานเยอะ เล่นใหญ่ และแสดงออกถึงความหรูหราอย่างเต็มที่ อย่างเทรนด์การเที่ยวกระแสหลักของ Gen อื่นๆ ก่อน

Photo Credit: Duncan World Wide

อยากตัดความเครียด ต้องเจียดเวลาไปเที่ยวออฟไลน์
ถ้าถามเหตุผลของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เลือกเดินทางไปเที่ยวแบบออฟไลน์พวกเขาก็มักจะตอบกันว่า อยากไปพักผ่อน พักสมอง เยียวยาตัวเอง อยากลองประสบการณ์ใหม่ที่เข้าถึงได้ยาก และอยากใช้เวลาตัดขาดจากความเครียดอย่างสมบูรณ์ ซึ่ง 3 เหตุผลนี้เป็นหัวใจหลักที่ทำให้กระแสความนิยมการเที่ยวแบบออฟไลน์เพิ่มขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานี้ และมันก็มีแนวโน้มที่จะเป็นที่นิยมมากไปกว่านี้อีกด้วย สังเกตได้จากข้อมูลที่สถาบันโกลบอลเวลเนส (Global Wellness Institute; GWI) ประเมินมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพทั่วโลก (Global Wellness Economy) อย่างเช่น Wellness Real Estate และ Mental Wellness ที่มีมูลค่าสูงขึ้น เพราะคนในยุคปัจจุบันมีความเครียดสูง ต้องการที่พักผ่อน ต้องการคลายเครียด รวมถึงทัศนคติของผู้คนที่เปิดกว้าง และยอมรับการดูแลตัวเอง โดยมองเป็นเรื่องปกติ ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่มองว่าเป็นความผิดปกติ

ปัจจุบันในไทยเองก็มีการสร้างศูนย์ Wellness Center เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาเที่ยวแบบออฟไลน์ มารีทรีตกันมากขึ้นตามเกาะทางใต้ ภาคเหนือในไทยที่เริ่มจัดบ่อยขึ้น ทั้งยังมีราคาสูงขึ้นด้วย อย่างเช่น การจัด ‘Slient Retreat’ การพักผ่อนที่โดยทั่วไปมักจะมีข้อตกลงร่วมกันว่า งดสื่อสาร งดใช้เทคโนโลยี เพื่อชวนให้คนได้พักผ่อน อยู่กับปัจจุบัน และจดจ่อกับธรรมชาติ

Photo Credit: Places to Visit

Offline Traveling คือ New Luxury
แม้ว่าจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวแบบออฟไลน์นั้นจะมีเจตนาเพื่อลดการใช้เงิน ใช้พลังงาน และสนับสนุนการไม่ทำงานในเวลาท่องเที่ยว แต่ความเป็นจริงในยุคปัจจุบันนั้น การที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงการท่องเที่ยวแบบออฟไลน์ได้ มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อย่างเช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายจิปาถะ รวมไปถึงค่าการเข้าร่วมกิจกรรมของการท่องเที่ยวออฟไลน์ ดังนั้นกลุ่มคนที่สนใจเที่ยวแบบนี้จึงมักจะเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะระดับหนึ่ง มีอำนาจต่อรองในหน้าที่การงาน ไม่ต้องคอยกังวลว่า หากจะไม่เช็กอีเมล ไม่พกโทรศัพท์ ไม่ใช้โน้ตบุ๊ก ก็จะไม่มีอะไรฉุกเฉินเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาไม่ต้องแคร์เรื่องงานเลย แต่การจะจ่ายเงินเพื่อใช้ชีวิตแบบหลุดจากโลกของการทำงานได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาก็ต้องมีชีวิตที่สะดวกสบายระดับหนึ่งที่จะจ่ายราคาการเที่ยวแบบนี้ ดังนั้นการท่องเที่ยวออฟไลน์จึงมักจะถูกเรียกกันว่าเป็นการท่องเที่ยวสไตล์ Luxury ของยุค หลังปี 2020

Photo Credit: Compare Retreats Magazine

ท้ายที่สุดแล้วจากการคาดการณ์ของสื่อ หลายองค์กรเชื่อว่า การท่องเที่ยวแบบออฟไลน์จะเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก เพราะผู้คนในยุคนี้กำลังต้องการประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่สามารถดูแลฟื้นฟูร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณได้ และต้องการรสชาติใหม่ของการเดินทางไปอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น แทนการเที่ยวที่เน้นสังสรรค์ ใช้พลังงานเยอะ เน้นสะดวกสบายเล่นใหญ่ ช็อปปิ้งอย่างในอดีต เพราะสิ่งสำคัญที่การท่องเที่ยวออฟไลน์เติมเต็มความต้องการแบบองค์รวมของนักท่องเที่ยวได้ก็คือการช่วยเยียวยาให้ร่างกายของพวกเขากลับมาแข็งแรง สมองโล่งโฟกัสได้มากขึ้น สบายกายสบายใจ เพราะมันคือการเที่ยวที่ตัดขาดจากความเครียดได้เต็มที่ และฟื้นฟูชีวิตได้มากไปพร้อมๆ กันด้วย

อ้างอิง

Brandbuffet
Dailypioneer
Diva Portal