Trigger Warning: บทความนี้มีการกล่าวถึงการใช้ความรุนแรง การข่มขืน การกล่าวโทษเหยื่อ ความสัมพันธ์เป็นพิษ การเหยียดชนชั้น การเหยียดเพศ ความเกลียดกลัวรักร่วมเพศ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการให้ความยินยอมอย่างชัดเจน และการถูกบังคับให้แต่งงาน (VIOLENCE, RAPE, VICTIM BLAMING, TOXIC RELATIONSHIP, CLASSISM, SEXISM, HOMOPHOBIA, DUBIOUS CONSENT, FORCED MARRIAGE)
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบนโลกนี้มีผู้ชายท้องได้และผู้หญิงที่ทำคนท้องได้ คนที่คุ้นเคยกับนิยายหมวดแฟนฟิคชั่นและการ์ตูนมังงะ (ญี่ปุ่น) หรือมันฮวา (เกาหลี) แนวรักเพศเดียวกัน อาจได้ยินหรืออ่านเรื่องที่มีพล็อต ‘โอเมก้าเวิร์ส’ (Omegaverse) มาบ้าง โอเมก้าเวิร์สเป็นโลกในจินตนาการที่ฉีกจากกรอบเพศที่เรารู้จัก เพราะมีเพศรองซึ่งผูกติดกับระบบชนชั้นเรียกว่า ‘อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า’ อยู่ด้วย แต่ก็น่าขบคิดว่าจุดนี้ที่เห็นในหนังสือบ่อยๆ ยังแอบมีความเป็นปิตาธิปไตยที่เราเผชิญกันอยู่ในชีวิตจริงทุกวัน
โลกที่ไร้ความเท่าเทียม
ระบบชนชั้นของโอเมก้าเวิร์ส มีต้นแบบมาจากลำดับการวางตัวในฝูงของหมาป่า โดยตามธรรมชาติแล้ว อัลฟ่าเป็นจ่าฝูงที่แข็งแกร่งที่สุด เบต้าเป็นว่าที่จ่าฝูงตัวต่อไป และโอเมก้าเป็นพวกอ่อนแอที่โดนอัลฟ่ากดขี่รังแกมากที่สุด เมื่อนำมาปรับเปลี่ยนเป็นระบบชนชั้นแล้ว จึงได้เพศรองอย่างอัลฟ่าที่มากความสามารถและอยู่บนยอดของพีระมิด เบต้าคนชั้นกลางธรรมดาที่เจอได้ทั่วไป และโอเมก้าที่ถูกมองว่ามีดีแค่ตั้งท้องได้!
ในจักรวาลของโอเมก้าเวิร์ส เพศรองเป็นตัวตัดสินว่า ใครจะเกิดมามีลักษณะทางกายภาพอย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร และถูกสังคมปฏิบัติด้วยอย่างไร อย่างอัลฟ่ามักเป็นคนหน้าตาดี เต็มไปด้วยพรสวรรค์ เป็นจุดศูนย์กลางหรือแม้กระทั่งผู้มีอิทธิพล ตรงกันข้ามกับโอเมก้าซึ่งโดนสภาพสังคมกดให้ต่ำ ไปที่ไหนทุกคนก็ตีตัวออกห่าง ต่อให้อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวยก็จะเป็นที่อับอายของครอบครัว จนถึงขั้นต้องปกปิดไม่ให้ใครรู้ หรือใช้ประโยชน์โดยส่งตัวไปแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล ดังนั้นคนที่เป็นโอเมก้าเลยจำเป็นต้องยอมจำนน และพึ่งพาอัลฟ่าอย่างมหาศาล เพื่อเอาชีวิตรอดและให้ได้การยอมรับในสังคม ยิ่งถ้าอยู่ในเซตติ้งย้อนยุคล่ะก็ ไม่อยากนึกเลยว่าโอเมก้าตัวคนเดียวจะลำบากขนาดไหน
แน่นอนว่าชนชั้นในโลกสมมตินี้ไม่ได้กดเพียงแค่โอเมก้าเท่านั้น อัลฟ่าเองก็ถูกบีบคั้นให้อยู่ในกรอบอุดมคติที่สังคมสร้างไว้ ตัวละครกลุ่มตัวเอกมักจะเป็นนักเรียนดีเด่น ผู้นำประเทศ ประธานบริษัท หรือบุคคลทรงคุณค่าที่เป็นที่นับถือ อัลฟ่าที่ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้ได้ก็จะกลายเป็น ‘อัลฟ่าขี้แพ้’ ที่ทำได้แค่เป็นตัวร้ายระดับลูกกระจ๊อกในเรื่อง
โลกที่ผู้ชายท้องได้
องค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ของโอเมก้าเวิร์สอีกอย่างคือ Male Pregnancy หรือ Mpreg (ผู้ชายท้องได้/ผู้หญิงทำให้ท้องได้) ทำให้มีการเขียนลักษณะทางกายภาพขึ้นใหม่ให้เข้ากับเพศรองของตัวละครนั้นๆ เช่น อัลฟ่าหญิงมีอัณฑะและองคชาต จึงสามารถทำให้เบต้าหญิงและโอเมก้าชาย/หญิงตั้งท้องได้ ในขณะที่โอเมก้าชายมีรังไข่และมดลูก และหลั่งสารหล่อลื่นได้เหมือนโอเมก้าหญิงและเบต้าหญิง
ความจริงแล้ว เรื่องการมีลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง เป็นอคติที่ทำให้หลายคนในสังคมต่อต้านครอบครัว LGBTQ+ มาเนิ่นนาน หากมองอย่างผิวเผินแล้ว การที่ตัวละครเพศเดียวกันสองคนมีลูกในโอเมก้าเวิร์สอาจช่วยกำจัดปัญหานี้ได้ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นกรอบปิตาธิปไตย เพราะสังคมชายเป็นใหญ่ยังให้ค่าโอเมก้าเหมือนผู้หญิง หรือก็คือเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก และตีความจุดมุ่งหมายสูงสุดของการแต่งงานว่า ต้องมีลูกเท่านั้นถึงจะทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ได้
โอเมก้าร่างบางกับอัลฟ่าร่างหมี
แม้ว่าจะเป็นเพศเดียวกัน ตัวละครเอกทั้งสองก็ยังมีรูปลักษณ์และบทบาทที่ผูกติดกับภาพจำเพศหญิงและชาย ไบนารี่ (ความเป็นหญิง-ชาย) ที่ซ่อนอยู่อย่างแยบยล ส่งเสริมแนวคิดว่าความรักต่างเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ และสูงค่ากว่าความรักเพศเดียวกัน โดยในบริบทของโอเมก้าเวิร์ส อัลฟ่าจะแสดงความเป็นชายชัดเจน ขณะที่โอเมก้าจะมีความเป็นหญิงสูง
ตัวอย่างเช่น ปกติแล้วการวาดตัวละครมันฮวาเพศชายและเพศหญิงจะแตกต่างกัน ร่างกายของผู้ชายจะสูงกว่าและไหล่กว้างกว่า สำหรับใบหน้า ผู้หญิงมีดวงตากลมโตและแพขนตาหนา ผู้ชายมีคิ้วและริมฝีปากหนา ในมันฮวาชายรักชายหลายเรื่องเอง การวาดพระเอกจะใช้โมเดลผู้ชาย และนายเอกใช้โมเดลผู้หญิง ทำให้เมื่อมองแวบแรก ผู้อ่านก็รู้ได้ทันทีว่าใครคือพระเอก-นายเอก
นอกจากรูปลักษณ์แล้ว เรื่องของบทบาททางเพศก็ยังมีให้เห็นอยู่ ภาพเหมารวมทางเพศทำให้เราจำว่า ผู้ชายชอบพึ่งพาตัวเอง รักที่จะแข่งขัน ใช้เหตุผล และก้าวร้าวกว่า ส่วนผู้หญิงจะยอมคน ช่างเอาใจใส่ อ่อนโยนอ่อนหวาน และอารมณ์อ่อนไหว นั่นจึงเป็นที่มาของบทบาทผู้ชายที่เป็น ‘ช้างเท้าหน้า’ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว และผู้หญิงที่เป็น ‘ช้างเท้าหลัง’ อยู่บ้านเลี้ยงลูกปรนนิบัติสามี ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่า ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งฉากในมันฮวาที่นายเอกทำงานบ้านและดูแลเด็ก หรือหลังจากแต่งงานกับอัลฟ่ารวยๆ แล้ว โอเมก้าชายกลับถูกเรียกว่า ‘นายหญิง’ แทนที่จะเป็น ‘นายท่าน’
โอเมก้าคนใจง่าย
ด้วยความที่โอเมก้าเวิร์สถือว่าเป็นประเภทย่อยของหมวดอีโรติก (Erotica) ไฮไลต์เด็ดของเรื่องอย่างฉากร่วมรักอย่างรุนแรงขณะฮีต จึงได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่นักอ่าน ‘ฮีต’ เป็นช่วงเวลาตกไข่ที่โอเมก้ามีโอกาสท้องแทบจะเป็น 100% และมีความต้องการทางเพศสูงจนควบคุมไม่ได้ร่วมด้วย ทว่าสิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ คือ ตลอดช่วงเวลาฮีตซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละคน โอเมก้าจะปล่อยฟีโรโมนออกมาเรียกอัลฟ่าที่ได้กลิ่นให้มา ‘ข่มขืน’
สำหรับโอเมก้า ช่วงฮีตทุกเดือนเป็นช่วงเวลาอ่อนแอที่ต้องปลีกตัวไปขังตัวเองในห้องประมาณ 3-7 วัน เพราะมีอาการคล้ายติดสัด อาจไม่มีสติมากพอที่จะทนต่อฟีโรโมนของอัลฟ่าได้ นั่นหมายความว่าโอเมก้าไม่มีสิทธิให้ความยินยอมที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้เลย เมื่อเทียบกับกรณีในชีวิตจริงแล้ว ก็ไม่ต่างกับคนเมาหรือถูกวางยาปลุกเซ็กซ์ ท้ายที่สุดผู้กระทำจะลอยตัวเหนือปัญหา ปล่อยให้เหยื่อถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายยั่วยวนก่อน ในแง่หนึ่ง อัลฟ่าหลายคนในหลายเรื่องเองก็เป็นเหยื่อของสัญชาตญาณตัวเองและไม่ต้องการคุกคามใคร แต่ในฐานะนักอ่าน เราต้องไม่ลืมว่านี่ไม่ใช่ข้ออ้างให้คนคนหนึ่งใช้ล่วงละเมิดทางเพศอีกคน
อัลฟ่า & โอเมก้า – คู่แท้ของกันและกัน
อีกหนึ่งความโรแมนติกที่เป็นจุดขายของโอเมก้าเวิร์สคือ วัฒนธรรมการกัดหลังคอสร้างพันธะ รอยกัดที่อัลฟ่าสร้างบนคอของโอเมก้าจะไม่มีวันหายไป ตราบใดที่อัลฟ่าคนนั้นยังมีชีวิต นี่จึงเปรียบเสมือนแหวนแต่งงานแทนคำมั่นสัญญารัก
แต่หากมองจากอีกมุม โอเมก้าที่ถูกอัลฟ่ากัดหลังคอ แม้จะตัดปัญหาเรื่องการปล่อยฟีโรโมนได้ ก็ต้องแลกมาด้วยอิสรภาพ มีเซ็กซ์กับคนอื่นไม่ได้อีก และกลายเป็นทรัพย์สินของอัลฟ่าเพียงฝ่ายเดียว ทำให้โอเมก้าต้องใส่ปลอกคอแบบพิเศษตลอดเวลาเพื่อปกป้องตัวเอง ตรงข้ามกับอัลฟ่าที่สามารถผูกพันธะกับโอเมก้ากี่คนก็ได้ ซึ่งคล้ายกับประเพณีมีหลายเมียในเวลาเดียวกัน (polygamy) หรือการมีเมียน้อยในสังคมไทย
เบต้า – ส่วนเกินของคู่แห่งโชคชะตา
เป็นที่รู้กันว่า หากคู่หลักเป็นอัลฟ่ากับโอเมก้า สองคนนี้จะเป็นคู่แห่งโชคชะตา หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘คู่ชะตา’ (Soulmates) ซึ่งมีหลักการค่อนข้างคล้ายกับพรหมลิขิต ทั้งสองฝ่ายจะรู้ได้โดยสัญชาตญาณทันทีว่าอีกคนคือคู่ชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน ไม่ว่าจะสบตาแล้วรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน หรือได้กลิ่นหอมของฟีโรโมนที่ดึงดูดกัน เบต้าที่เลือกคบกับอัลฟ่าหรือโอเมก้าจึงเหมือนถูกกำหนดให้แยกจากอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะคนที่เป็นอัลฟ่า/โอเมก้าอาจได้พบกับคู่ชะตาได้ทุกเมื่อ
สำหรับคู่รักเบต้า-อัลฟ่า โอเมก้า-โอเมก้า และอัลฟ่า-อัลฟ่า ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากคนที่เป็นเพศรองเหล่านี้คบกัน สังคมโลกโอเมก้าเวิร์สจะตัดสินว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เหมาะสม นั่นก็เพราะ อัลฟ่า-โอเมก้า และ เบต้า-เบต้า ถูกกำหนดให้เป็นบรรทัดฐานบนโลกสมมติใบใหม่
ส่วนคู่รักเบต้า-โอเมก้า โดยเฉพาะหากเป็นเบต้าหญิงกับโอเมก้าชายจะน่าสงสารมากเป็นพิเศษ นอกจากจะช่วยบรรเทาความทรมานในเวลาฮีตของแฟนหนุ่มไม่ได้แล้ว ความสัมพันธ์ยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมอีกด้วย นั่นเพราะการให้โอเมก้าเป็นฝ่ายรุกเปรียบเสมือนสิ่งต้องห้าม จุดนี้เองก็เป็นปัญหาที่ทำให้เลสเบี้ยนหลายคู่ถูกตั้งคำถามเช่นกัน
โลกที่ทุกคนอยากเปลี่ยนแปลง
แม้ว่าโดยรวมแล้ว โอเมก้าเวิร์สจะสะท้อนแนวคิดชายเป็นใหญ่ ตั้งแต่ความไม่เท่าเทียมในเรื่องชนชั้นและเพศ จนถึงข้อจำกัดความรักของคนเพศเดียวกัน นักเขียนและนักวาดมากมายก็ยังเลือกที่จะมอบบทสรุปที่ให้ความหวังกับโลกสมมติสุดดาร์กใบนี้ บ่งบอกว่าสุดท้ายแล้วหนทางสู่ความเท่าเทียมบนโลกไร้ความเท่าเทียมนี้ ก็เป็นสิ่งที่สายผลิตและสายเสพอยากเห็นมากที่สุด
อ้างอิง
Gunderson, Marianne (2017). What is an omega? Rewriting sex and gender in omegaverse fanfiction.