Culture

‘โรนัลโด’ ฤาจะเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด

ดูเหมือนจะกลายเป็นนักเตะจอมเชือดกุนซือในทำนองที่ว่า ‘เข้าแก๊งไหน...หัวหน้าตายหมด’ ไปเสียแล้ว สำหรับ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด’ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส เพราะว่านับตั้งแต่โบกมืออำลา เรอัล มาดริด ในช่วงหลังจบศึกฟุตบอลโลก 2018 แข้งจอมเก๋าวัย 38 ปี ก็ได้พเนจรย้ายไปค้าแข้งกับให้กับ 3 สโมสรในช่วงตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และมีเหตุให้กุนซือของทีมนั้นๆ ในฐานะเจ้านายของโรนัลโด ต้องกลายเป็นคนตกงาน ซึ่งรวมถึงในเกมระดับชาติด้วยเช่นกัน เพราะว่าแต่ละคนจำต้องลุกจากเก้าอี้เพื่ออำลาตำแหน่งด้วยเหตุผลต่างๆ มาแล้วถึง 7 รายเลยทีเดียว

Massimiliano Allegri / Maurizio Sarri / Andrea Pirlo
Photo Credit: Goal / Sky Sports

ย้อนหลังกลับไปช่วงกลางปี 2018 ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสได้ย้ายจากเรอัล มาดริด ไปร่วมทัพยูเวนตุส เพื่อเป็นลูกน้องของกุนซือ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี นั่นเอง แต่ว่าร่วมงานกันได้เพียงแค่ซีซั่นเดียวเท่านั้น เนื่องจากโค้ชชาวอิตาเลียนได้ตัดสินใจแยกทางกับสโมสรตอนจบฤดูกาล 2018/2019 เพราะว่าหมดสัญญา หลังคุมทีมมานานถึง 5 ปีพอดี จากนั้นยูเวนตุสได้คว้าตัว เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือชาวอิตาเลียนมาจาก เชลซี เพื่อเข้ามาเป็นเจ้านายใหม่ของโรนัลโด ในช่วงฤดูกาล 2019/2020 แต่ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันเพียงแค่หนึ่งซีซั่นเท่านั้น เนื่องจากยูเวนตุสได้ตัดสินใจไล่ ซาร์รี่ ออกจากตำแหน่งภายหลังตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เพราะเป็นฝ่ายแพ้โอลิมปิก ลียง ตามกฎประตูทีมเยือนในช่วงหลังรวมผล 2 นัด เสมอ 2-2 แม้จะสามารถพาทีมเข้าป้ายแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ได้อีกหนึ่งสมัยก็ตาม ทำให้ ยูเวนตุส หันไปใช้บริการหนึ่งในตำนานกองกลางของสโมสร นั่นก็คือ อันเดรีย ปิร์โล่ เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นเจ้านายของโรนัลโด ในช่วงฤดูกาล 2020/2021 แต่ว่าร่วมงานกันได้เพียงแค่หนึ่งซีซั่นเท่านั้น เนื่องจากยูเวนตุสตัดสินใจปลดออกจากตำแหน่งในช่วงหลังพาทีมป้องกันแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ไม่สำเร็จนั่นเอง

Ole Gunnar Solskjær / Ralf Rangnick
Photo Credit: Goal

เข้าสู่ช่วงกลางปี 2021 โรนัลโด ได้ตัดสินใจย้ายกลับไปซบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมต้นสังกัดเก่าที่เคยปลุกปั้นให้โด่งดังในช่วงระหว่างปี 2003-2009 และได้ร่วมงานกับกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โชลชาร์ ซึ่งเป็นคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะว่าเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อตอนสมัยที่ยังค้าแข้งในฐานะยอดกองหน้าตัวสำรองนั่นเอง แต่ว่าได้ร่วมงานกันในฐานะเจ้านาย-ลูกน้องเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ก่อนโดนไล่ออกจากตำแหน่งแบบกลางคันหลังทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจแบบ 3 วันดี 4 วันไข้นั่นเอง ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึง ราล์ฟ รังนิค เข้ามาสวมบทเป็นกุนซือขัดตาทัพด้วยสัญญาระยะสั้นจนถึงช่วงหลังจบฤดูกาล 2021/2022 และมีเงื่อนไขที่พร้อมเลื่อนสถานะให้เป็นกุนซือแบบถาวรไปเลย หากว่าทำผลงานได้แบบน่าประทับใจ แต่สุดท้ายรังนิคก็ได้สวมบทเป็นเจ้านายของ โรนัลโด เพียงแค่ครึ่งซีซั่นเท่านั้น เพราะไม่มีการเซ็นสัญญาระยะยาวต่อ หลังทำผลงานได้ต่ำกว่าที่คาดหวังเอาไว้ จึงต้องจำใจก้าวเท้าออกจากสโมสรในช่วงหลังหมดข้อผูกมัดระหว่างกัน

Fernando Santos / Erik ten Hag / Rudy Gracia
Photo Credit: Marca / Sky Sports / sportal.eu

หลังจากนั้น โรนัลโดได้ไปรับใช้บ้านเกิดในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์เมื่อช่วงปลายปีก่อน แต่ไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์โลกเหมือนอย่างที่วาดฝันเอาไว้ เพราะจอดป้ายเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยฝีเท้าของโมร็อคโก ซึ่งเป็นฝ่ายเฉือนชนะด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ แฟร์นันโด้ ซานโต๊ส ตัดสินใจก้าวเท้าลงจากตำแหน่งกุนซือทีมชาติโปรตุเกสในช่วงหลังสวมบทกุนซือทีมหลังจากรับใช้บ้านเกิดมานานถึง 8 ปี ก้าวเข้ามาสู่ปี 2023 โรนัลโดตัดสินใจย้ายไปซบอัล นาสเซอร์ ทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีกลูกหนังซาอุดิอาระเบียหลังจากมีปัญหาขัดแย้งกับ เอริค เทน ฮาก กุนซือคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนช่วงครึ่งทางแรกของฤดูกาลนี้ เพราะไม่พอใจที่ไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามเป็นตัวจริง จึงไปนั่งให้สัมภาษณ์กับเพียร์ซ มอร์แกน พิธีกรชื่อดังแบบสุดดราม่า และมีการกล่าวถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแง่ลบด้วย จึงมีการตัดสินใจยกเลิกสัญญาระหว่างกันเพื่อปล่อยให้ย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวไปเลยดีกว่า หลังจากนั้นโรนัลโด ก็ได้ร่วมงานกับเจ้านายใหม่อย่าง รูดี้ การ์เซีย เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เพราะเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งกุนซือหลังทำผลงานไม่ได้ดั่งใจ

Dinko Jeličić
Photo Credit: Večernji

ตอนนี้ อัล นาสเซอร์ ได้มอบหมายให้ ดินโก้ เยลิซิช โค้ชทีมเยาวชนก้าวเท้าขึ้นมาสวมบทเป็นกุนซือของทีมใหญ่ เพื่อให้เป็นเจ้านายคนใหม่ของโรนัลโดไปด้วยเลย แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่า เขาจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปของดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสคนนี้ไหม เพราะเข้าส่อแววว่าจะกลายเป็นนักเตะจอมเชือดกุนซือในทำนองที่ว่า ‘เข้าแก๊งไหน...หัวหน้าตายหมด’ ไปเสียแล้วนั่นเอง ไม่เพียงแต่เป็นจอมเชือดเท่านั้น โรนัลโดยังขึ้นชื่อเรื่องความรวยอีกด้วย เรียกได้ว่ายืนหนึ่งแข้งเศรษฐีกันเลยทีเดียว

Photo Credit: npr

‘โรนัลโด’ ยืนหนึ่งแข้งเศรษฐีลูกหนังโลก

ย้อนกลับไปในช่วงส่งท้ายปี 2022 Forbes นิตยสารนักจัดอันดับเรื่องการเงินชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ได้เปิดโผรายชื่อนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดของโลกในรอบปี ปรากฎว่า ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้ยึดอันดับหนึ่งจากการโกยเงินรายได้รวมตลอดทั้งปีสูงถึง 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 4,500 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นเงินค่าเหนื่อยที่ได้รับจากการค้าแข้งให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมต้นสังกัดในลีกลูกหนังฝรั่งเศสสูงถึงปีละ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 2,593 ล้านบาท และโกยเงินนอกสนามจากการสวมบทเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ สูงถึง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 1,900 ล้านบาท ตามมาด้วยอันดับ 2 นั่นก็คือ เลบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาของแอลเอ เลกเกอร์ส ทีมยัดห่วงชื่อดังแห่งศึกเอ็นบีเอ โกยเงินรายได้ไปทั้งหมด 121.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 4,200 ล้านบาท ส่วนอันดับ 3 เป็นของคริสเตียโน่ โรนัลโด นับเฉพาะตอนที่ยังค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเขาโกยเงินรายได้ไปทั้งหมด 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบๆ 4,000 ล้านบาท

Photo Credit: The Sporting News

แต่ตอนนี้คริสเตียโน่ โรนัลโด สามารถขึ้นแท่นเป็นนักกีฬาที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้เลย เพราะมีข่าวว่า อัล นาสเซอร์ ได้จับมือกับรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเพื่อโชว์ความเป็นเศรษฐีน้ำมันด้วยการทุ่มเงินจ่ายค่าจ้างให้กับดาวเตะวัย 38 ปีสูงถึงปีละ 200 ล้านยูโร หรือราวๆ 7,400 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเชิงพาณิชย์ตามระยะเวลาของสัญญาเป็นเวลานานถึง 7 ปี โดยมีการเปิดเผยว่า จะแบ่งออกเป็นการเซ็นสัญญาค้าแข้งกับอัล นาสเซอร์ เป็นเวลา 2 ปีครึ่งเพื่อโชว์ฝีเท้าในทวีปเอเชียจนถึงช่วงกลางปี 2025 และหลังจากนั้นจะสวมบทเป็นทูตกีฬาของซาอุดิอาระเบีย เพื่อช่วยโปรโมทการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2030 ซึ่งจะจับมือกับกรีซ ชาติลูกหนังในทวีปยุโรป และอียิปต์ อีกหนึ่งชาติลูกหนังทวีปแอฟริกาในฐานะเจ้าภาพจัดเกมฟาดแข้งใน 3 ทวีป

สำหรับรายได้จำนวนมหาศาลของ โรนัลโด สามารถแจงแจกได้ดังต่อไปนี้ ไล่ตั้งแต่จำนวนเงินที่ได้รับปีละ 200 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทยราว 7,400 ล้านบาท หากคิดเป็นเดือนจะได้รับเงินในทุกๆ 30 วันอยู่ที่ตัวเลข 16.67 ล้านยูโร หรือราวๆ 618 ล้านบาท คิดเป็นสัปดาห์จะอยู่ที่ตัวเลข 3.88 ล้านยูโร หรือประมาณ 144 ล้านบาท หากคิดเป็นรายวันจะได้รับเงิน 760,000 ยูโร หรือ 27.7 ล้านบาทต่อวัน

Photo Credit: Lifestyle Asia

ส่วน อัล นาสเซอร์ ในฐานะทีมต้นสังกัดปัจจุบันของดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส นับว่าเป็นหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ของลีกสูงสุดซาอุดิอาระเบีย หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า ซาอุดิ โปรเฟสชั่นแนล ลีก ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงริยาด เมืองหลวงของประเทศ และเคยผ่านการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศมาแล้วถึง 9 สมัย นอกจากนี้ยังเป็นทีมต้นสังกัดของนักเตะต่างชาติชื่อดังอีกหลายคนไม่ว่าจะเป็น ดาวิด ออสปิน่า ผู้รักษาประตูทีมชาติโคลอมเบียที่เคยยืนเฝ้าเสาให้กับอาร์เซนอล และนาโปลี, หลุยส์ กุสตาโว่ อดีตกองกลางทีมชาติบราซิลที่เคยค้าแข้งกับบาเยิร์น มิวนิคมาก่อน รวมถึง อันแดร์ซอน ทาลิสก้า กองหน้าชาวบราซิเลียนที่ค้าแข้งในทวีปยุโรปให้กับเบนฟิก้า และเบซิคตัส มาก่อนด้วยเช่นกัน