Sound Of Youth EP1: สไตล์
“ขอคำแนะนำให้มั่นใจในการแต่งตัวหน่อย” “อยากแต่งตัวให้มีสไตล์บ้าง” “แต่ยังหาสไตล์ตัวเองไม่เจอ ทำยังไงดี” “อยากแต่งตัวตามใจ แต่ยังไม่ค่อยกล้า” หลากหลายคำถามสำหรับแฟชั่นนิสต้าฝึกหัดบนโซเชียลมีเดีย ที่เราพบเจออยู่บ่อยๆ วันนี้เลยได้โอกาสนำเสียงของวัยรุ่น
ที่ชื่นชอบการแต่งตัว มีสไตล์ที่สนุกสนานและหลากหลายในแบบของตัวเองทั้ง 4 คนได้แก่ ‘บอลลูน’ ‘สแน็คแจ๊ค‘ ‘ไดม่อน‘ ‘ออย มุระดา‘ กับมุมมองเรื่องเสื้อผ้า สไตล์ การค้นหาตัวตนเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ช่วยสนับสนุนให้คนไทยแต่งตัวในแบบที่อยากแต่ง พบสเน่ห์มั่นใจในสไตล์ของตัวเอง ไปจนถึง ความเปลี่ยนแปลงที่วัยรุ่นไทยอยากเห็นในโลกแฟชั่นในช่วง 10 ปี ต่อจากนี้
หัวใจที่รักและสนุกกับเสื้อผ้าคือสิ่งที่ 4 คนนี้มีร่วมกันเราเลยเปิดบทสนทนาก่อนที่จะชวนไปฟังเสียงของพวกเขาและชมสไตล์กันรายคนว่า
ชอบอะไรเกี่ยวกับเสื้อผ้า การแต่งตัวบ้างและคิดว่าเสื้อผ้ามันให้อะไรกับเราบ้าง
บอลลูน: สิ่งแรกเรามองว่าเสื้อผ้าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสื่อสารตัวตน สำหรับเรามันเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่เหมือนกับการวาดภาพ การร้องเพลง การพูด การอ่าน มันสามารถสื่อสารความรู้สึกได้หลายอย่าง โดยที่เราไม่ต้องรู้จักกันเลย
สแน็คแจ๊ค: เสื้อผ้าให้อะไร เราว่าเสื้อผ้าให้อิสระและความสนุกกับเรามาก(เน้นเสียง) สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดจากเสื้อผ้าคือ เราชอบแต่งตัวมากจนสามารถหาเงินได้จากสิ่งที่เราชอบได้ การทำงานของเราเลยไม่เบื่อ มีโจทย์ที่ต้องได้แต่งตัวทุกวัน มันไม่ตายตัว และไม่ต้องมีแพทเทิร์นในการทำงาน
ไดม่อน: ชอบเสื้อผ้าเพราะสามารถบอกตัวตนได้อย่างชัดเจนโดยการที่แค่เดินผ่านกันเพียงครั้งเดียวและสามารถบอกนิสัยของคนนั้นได้คราวๆ อีกด้วย
ออย มุระดา: เราว่าเสื้อผ้ามันคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้เราใส่แล้ว เห้ย!! วันนี้กูเป็นเหมือน นินจาสาวเลยว่ะ ไม่จำกัดเลยแม้กระทั่งเพศของตัวเอง มันข้ามได้หมด มันสนุกมาก
บอลลูน (blimreaper) อายุ 23 ปี designer/illustrator
แนะนำสไตล์การแต่งตัวของตัวเองหน่อยว่าเป็นสไตล์แบบไหน
บอลลูน: “สำหรับเรา เราไม่รู้ว่าจะนิยามตัวเองว่าเป็นสไตล์ไหนเลย เรารู้แค่ว่าเราชอบทำอะไร ชอบใส่เสื้อแบบไหน ชอบสีอะไร ชอบที่จะเป็นเราในเวอร์ชั่นไหน เราก็หยิบมันมาใส่เลย ไม่คิดมาก เพราะเราแต่งตัวตามความรู้สึกรักเหมือนที่เรารักศิลปะ”
มีคำแนะนำเรื่องการค้นหาสไตล์/คำแนะนำให้มั่นใจในการแต่งตัวที่อยากจะแชร์ไหม
บอลลูน: “สิ่งสำคัญในการค้นหาตัวเอง คือเราจะต้องไม่รู้สึกพยายามที่จะเก๋หรือพยายามที่จะเป็นใคร เพราะโลกปัจจุบันหรือในอนาคต น้องๆ อาจเห็นคนที่ปลายทางชีวิตเขาเพอร์เฟกต์ เก๋ เท่ เต็มไปหมดในโลกโซเชียล โดยที่ไม่ทราบถึงรายละเอียดชีวิตของคนนั้นเลย มันอาจสะท้อนตัวเขาถึงตัวเราว่า ทำไมเราเป็นเหมือนเขาไม่ได้ แต่การเป็นแบบนั้นจะยิ่งทำให้เราบั่นทอนความมั่นใจในตัวเองและลดคุณค่าความเป็นตัวเองไปได้ ดังนั้นเป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้ว สุดท้ายความแตกต่าง ความโดดเด่น มันจะมาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องพยายาม ต่อจากนั้นโลกแฟชั่นในตัวของน้องๆ จะ มันมาก”
ความเปลี่ยนแปลงในช่วง 10 ปีที่อยากเห็นเกิดขึ้นในโลกแฟชั่นไทย
บอลลูน: “สำหรับคำว่า fast fashion เรามองเห็นถึงการดำรงชีพของทุกคนในตอนนี้ มันมีสื่อโซเชียลที่มีอิทธิพลในเรื่องของการนำเสนอสื่อแฟชั่น ซึ่งมันง่ายมากที่เราจะเห็นของสวยๆ งามๆ บางอย่างที่ไร้ความจำเป็น ตรงนี้อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดประโยคเข้าข้างตัวเองอย่าง “ของมันต้องมี” มันเป็นต้นตอของปัญหาที่ฝังรากของการเลือกซื้อเลือกขายไปแล้ว …โอเคมันอาจจะฟังดูซับซ้อนถ้าเราจะบอกว่า การเป็นตัวของตัวเองมันสามารถแบ่งเบาหรือช่วยเหลือปัญหาตรงนี้ได้ และอาจส่งต่อเรื่องราวดีๆ ให้กับโลกใบนี้ได้”
“เมื่อเราเป็นตัวของตัวเองเราจะพอใจในตัวเองและจะพอใจกับสิ่งของที่ตอบโจทย์เราได้จริง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องมีของมากมาย เพียงแค่เรามีรสนิยม”
“ทุกวันนี้เรามองเสื้อผ้าเป็นศิลปะ และแน่นอนศิลปะมันเป็นโลกกว้าง ดังนั้นถ้าใครที่อยากเปิดมุมมองใหม่ๆ ลองมองตัวเองเป็นผลงานชิ้นนึ่งที่อยากจะวาดภาพตามใจฉัน เติมสี สาดสีหรือเผามัน ก็เรื่องของฉันสิ”
บอลลูนอยากฝากถึงถึงคนที่ชอบดูถูกหรือตัดสินคนเพียงเพราะเขาแตกต่าง
“คุณจะไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกพอใจในตัวเอง เพราะคุณเอาความพึงพอใจไปติดอยู่กับคนที่หลงใหลในศิลปะแฟชั่น ดังนั้นคุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนขี้ขลาดที่กลัวการเป็นตัวเอง วันหนึ่งที่คุณไร้โอกาสที่จะทำมัน คุณจะเสียดายมันที่ทำได้แค่พูดใส่คนอื่น”
สแน็คแจ๊ค (snaxxj) อายุ 23 ปี influencer / freelance model
แนะนำสไตล์การแต่งตัวของตัวเองหน่อยว่าเป็นสไตล์แบบไหน
สแน็คแจ๊ค: “แรงบันดาลใจเกิดจากการเห็นอะไรแล้วรู้สึกว้าว ซึ่งมันมาจากอะไรก็ได้เลยไม่ว่าจะเป็น ตัวการ์ตูนที่เราชอบ มิวสิกวิดีโอ นิตยสาร วัฒนธรรมญี่ปุ่น แฟชั่น ‘00s อะไรก็ได้”
มีคำแนะนำเรื่องการค้นหาสไตล์/คำแนะนำให้มั่นใจในการแต่งตัวที่อยากจะแชร์ไหม
สแน็คแจ๊ค: “แต่งไปเรื่อยๆ เลย ค้นหาไปเรื่อยๆ ได้เลย พอเจออะไรที่มันใช่สำหรับเราใจเรามันจะบอกเอง (หัวเราะ) แล้วก็ไม่ต้องสนใจคำพูดคนอื่นเยอะ”
ความเปลี่ยนแปลงในช่วง 10 ปีที่อยากเห็นเกิดขึ้นในโลกแฟชั่นไทย
สแน็คแจ๊ค: “ภายใน 10 ปี อยากให้คนทุกเจนเนอเรชันมองว่าการแต่งตัวเป็นเรื่องไม่แปลก มันคือความคิดสร้างสรรค์ ไม่มองเหยียดหรือเบ้ปากใส่เด็กรุ่นใหม่ๆ ใครจะใส่กระโปรงก็ได้ไม่ใช่แค่เพศเดียวที่สวมใส่ได้”
ไดม่อน (dicxm_phisunee) อายุ 24 เจ้าของแบรนด์ phisunee (fashion has no gender)
แนะนำสไตล์การแต่งตัวของตัวเองหน่อยว่าเป็นสไตล์แบบไหน
ไดม่อน: “โดยส่วนตัวแล้วเราแต่งชุดผู้ชายมาค่อนข้างเยอะมาก จนอิ่มตัวเรารู้สึกว่าเสื้อผ้าผู้หญิงได้เปรียบเรื่องการแต่งตัวมาก ตอนนั้นคิดว่าถ้าเราแต่งเสื้อผ้าผู้หญิงได้มันคงสนุกน่าดู สุดท้ายก็มีโอกาสได้ลอง แล้วก็ติดใจมาถึงทุกวันนี้”
มีคำแนะนำเรื่องการค้นหาสไตล์/คำแนะนำให้มั่นใจในการแต่งตัวที่อยากจะแชร์ไหม
ไดม่อน: “เรื่องแบบนี้เราเชื่อว่าทุกคนยังไงก็ต้องเจอตัวตนของตัวเองมันต้องใช้เวลา ผมว่าของแบบนี้มันถูกเปลี่ยนไปตามอายุและเวลา เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีก 5 ปีแล้วยังจะแต่งแบบนี้อยู่หรือเปล่ามันก็คงเปลี่ยนไปเรื่อยครับ การสร้างความมั่นใจ เราเป็นคนแบบไหนก็เอาตัวเองไปหาคนแบบนั้นครับ เช่น ชอบของเก่าก็ไปเดินตลาดวินเทจ ชอบแฟชั่นก็แนะนำไปเดินงานอีเวนต์บ่อยๆ”
ความเปลี่ยนแปลงในช่วง 10 ปีที่อยากเห็นเกิดขึ้นในโลกแฟชั่นไทย
ไดม่อน: “อยากเห็นผู้ชายหันมาแต่งตัวใส่เสื้อผ้าสไตล์หญิงเยอะขึ้นครับ ซึ่งตอนนี้ผมว่ามันก็เริ่มแล้ว ประเทศน่าจะสนุกน่าดูเหมือนประเทศถูกพัฒนาแล้ว ไม่มีใครมานั่งว่าแต่งตัวแบบนี้ต้องเป็นแบบนี้ ผู้ชายก็สามารถใส่กระโปรงได้ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิง”
ออย มุระดา (daramu_) อายุ 26 ปี ช่างทำเล็บที่ (9nails.inch)
แนะนำสไตล์การแต่งตัวของตัวเองหน่อยว่าเป็นสไตล์แบบไหน
ออย มุระดา: “เราไม่มีใครเป็นไอดอลการแต่งตัว เราใส่แค่เพราะอยากใส่ เพราะแค่คำว่า ‘ฉันชอบ’”
มีคำแนะนำเรื่องการค้นหาสไตล์/คำแนะนำให้มั่นใจในการแต่งตัวที่อยากจะแชร์ไหม
ออย มุระดา: “เราไม่เคยรู้สึกคิดผิดหยิบอะไรมาใส่ เนื้อผ้าแต่ละตัว ในแต่ละช่วงอายุตัวเอง
คนเราเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาอยู่ตลอด เธอจะเป็นแบบไหนก็ได้เพราะมันคือตัวของเรา แค่เธอส่องกระจกมองตัวเองแล้วมั่นใจนี่แหละ คือฉันในวันที่จะเป็นแบบนี้”
ความเปลี่ยนแปลงในช่วง 10 ปีที่อยากเห็นเกิดขึ้นในโลกแฟชั่นไทย
ออย มุระดา: “สำหรับเราคงอยากให้บางคนเลิกตั้งคำถาม เรื่องการแต่งกายของคนอื่น คำพูดที่ว่า แต่งตัวอะไรของมึงวะ ตัดชุดอะไรของเธอคนมันไม่เก็ทหรอก เลิกตัดสินในสิ่งที่ตัวเองมองว่ามันแปลกมันไม่เข้ากัน อย่าลดถอนคุณค่าของคนอื่น ร่างกายหรือผลงานของผู้ออกแบบ เป็นของใครของมัน เพราะฉะนั้น ใครจะใส่อย่างไร สร้างผลงานออกมาเป็นแบบไหนก็เป็นสิทธิของมนุษย์คนนั้น เก่าใครแต่ใหม่ฉัน แล้วใครจะทำไม”